สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา นิยาย บท 9

สองพี่น้องตกใจจนหน้าซีดเผือดลง ก่อนจะรีบหลบเลี่ยงไปด้านหลัง

นางเซี่ยปกป้องเมิ่งอู่ขาดใจ นางไม่ยอมรับเรื่องงานแต่งงานครั้งนี้ เมิ่งอู่เองก็ไม่ควรถูกตั้งข้อหาว่าทำร้ายสามีของตน

และไม่จำเป็นต้องถูกจับถ่วงน้ำในท้ายที่สุด

ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างทยอยกันวิพากษ์วิจารณ์ คิดว่านางเซี่ยและเมิ่งอู่หญิงหม้ายลูกติดคู่นี้พูดมีเหตุผล คงจะไม่สามารถช่วยส่งเสริมผู้อื่นอย่างเลอะเลือนได้อีก!

เรื่องนี้ ผู้ใดรับสินสอดไปก็ต้องไปหาผู้นั้น!

ดังนั้นแม่เฒ่าหวังจึงจนปัญญากับเมิ่งอู่ จึงกลับไปสะสางบัญชีกับนางเฮ่อ และด่ากราดออกไปอย่างไม่เกรงว่า : “นังแก่ตัวดี เจ้าบอกข้ามาสิว่าเหตุใดถึงไม่ยอมออกเครื่องแต่งงาน เดิมทีข้ายอมให้เจ้าเอาเปรียบก็มากพอแล้ว คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับขายคนอื่นขายลูกสาวของคนอื่นเช่นนี้!”

นางเฮ่อคิดจะคืนสินสอดให้นางไป แต่ไม่ว่าอย่างไรแม่เฒ่าหวังก็ไม่ยอม ลูกชายของนางต้องพิการโดยสูญเปล่าเช่นนั้นหรือ?

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องสลัดลูกสาวคนหนึ่งในตระกูลเมิ่งไป!

แม่เฒ่าหวังยื่นมือออกไปคว้าตัวหนึ่งในสองพี่น้องคู่นั้นไม่รู้ว่าเป็นเมิ่งเจียนเจียหรือว่าเมิ่งซวี่ซวี่กลับไป ในเมื่อรับสินสอดไปแล้ว ก็ต้องพาสะใภ้กลับไปด้วยหนึ่งคน!

ตระกูลเมิ่งฝั่งนี้ไม่ยินยอม ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงลงมือกันในที่สุด ตบตีฉุดกระชากกันอยู่ข้างหนองบึง

ชาวบ้านที่ยืนอยู่โดยรอบก็ต่างมุงดูกันด้วยความสนใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ค่อยได้เห็นฉากตีกันเช่นนี้นานมากแล้ว คนในหมู่บ้านเริ่มก่นด่า แม้แต่บรรพบุรุษเก้าชั่วโคตรก็ยังถูกขุดขึ้นมารับคำสาปแช่งเหล่านี้

ผู้ใหญ่บ้านโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ฟัง คำพูดไร้ซึ่งอำนาจยับยั้งใด ๆ

ส่วนเมิ่งอู่ก็พานางเซี่ยจากไป เสียสละพื้นที่ให้แก่ผู้อื่น สองแม่ลูกกลับมาถึงเรือนได้อย่างปลอดภัยยามฟ้ามืด

เมิ่งอู่และนางเซี่ยกลับถึงเรือน ก็ทำการนั่งพักชั่วครู่ ทันทีที่เห็นตนเองยากจนข้นแค้น ก็อดสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้

เมื่อก่อนในเรือนไม่ถึงกับลำบากเช่นนี้ แต่ตั้งแต่ที่บิดานามว่าเมิ่งอวิ๋นเซียวเข้าไปสอบในเมืองหลวง ก็ไม่ได้รับข่าวคราวจากเจ้าตัวนานหลายปี

ท่านย่านางเฮ่ออาศัยอยู่ในเรือนของท่านลุง โยกย้ายของทั้งหมดที่มีออกไป ทิ้งเมิ่งอู่และนางเซี่ยอยู่ที่นี่กันสองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา