ตำนานฉือฮั่ว นิยาย บท 11

“เจ้าคุกเข่าสำนึกผิดอยู่นั่นก่อน แล้วอย่าร้องขอความเมตตา ข้าตัดสินเอง” คำสั่งที่ดังขึ้นบอกหลีอี๋เหนียง หญิงงามคนรักของตนเองให้อยู่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเพื่อทบควนความผิด จนพวกบ่าวไพร่พากันมองหน้ากัน สงสัยเกิดเรื่องอันใดกับอนุโปรด

“น้องหญิง ที่ข้าเชิญเจ้าที่นี่เพื่อมาบอกเจ้าเรื่องยกจวนเรือนหลังและบัญชีต่างๆให้เจ้าเป็นผู้ดูแล ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ป๋ายอี๋เหนียงนั้นนางเอ่อ !! ได้นำสินเดิมของนางออกไปเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนแห่งนี้ข้านั้นต้องรบกวนเจ้าให้นำกลับมาและจ่ายชดเชยให้กับเรือนของพวกนาง เรื่องนี้ข้าขอให้เจ้าช่วย” ซ่งโหวที่บากหน้าออกหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆแต่โดยดีเป็นไปตามความยุติธรรมที่สุด หากเรื่องนี้ยังเข้าข้างอนุโปรดคงได้เป็นที่ครหาตามมาอีกมาก เพื่อเป็นการให้ความเป็นธรรมกับลูกเมียทางนี้ตนต้องทำตัวเป็นกลางเท่านั้น

“หึ ท่านพี่ถ้าข้ารับปากเช่นนี้แล้วหากเกิดบัญชีมีตกแต่งขึ้นมาข้าจะมิเดือดร้อนไปด้วยรึ ข้ามิกล้า ! มิกล้าหรอก!!ให้นางจัดการเช่นเดิมเถิดข้ามิอยากรับต่อจากนาง” ท่าทางดูถูก ส่งผ่านให้ซ่งโหวผู้นี้เข้าใจในที แต่เรื่องนี้ฮูหยินตนเป็นผู้ดูแลดีที่สุด

“น้องหญิง ถือว่าพี่นั้นขอร้องเจ้า อีกทั้งเจ้านั้นเป็นผู้ที่เหมาะสมแล้ว” ซ่งโหวต้องทำเพียงกลืนน้ำลายเท่านั้นเพื่อที่จะข่มความไม่พอใจเมียผู้นี้ที่เล่นตัวไม่คิดอยากช่วยตน หากนางไม่ทำเห็นทีภาระนี้คงตกเป็นของมารดาตนเป็นแน่ โหวหนุ่มไม่อยากสร้างภาระพวกนี้ให้นาง เพราะนางนั้นชรามากแล้วหากต้องมาเหน็ดเหนื่อยเรื่องดูแลจวนที่ใหญ่เช่นนี้เขาเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้นได้เจ้าค่ะ น้องรับปาก และส่วนที่ต้องชดเชยให้น้องหญิงสามนั้นข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ ท่านพี่โปรดอย่าได้กังวล” ฮูหยินใหญ่ทำทีเล่นตัวพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะว่าคนที่สมควรนั้นนางรู้ดีว่าเหลือเพียงนางเท่านั้นที่สมควร ให้ท่านพี่ตระหนักถึงความเป็นฮูหยินใหญ่ของนางเช่นกัน ที่แล้วมานางนั้นเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สมควรได้สิ่งนี้ แล้วเหตุใดกันต้องให้นังอนุต่ำช้าผู้นั้นเป็นคนทำกันเล่า

“ได้พี่เชื่อเจ้า” ซ่งเฟยหม่า

“ลูกใหญ่ พ่อมีเรื่องถามเจ้า วันนี้เจ้าเป็นคนมาส่งของบำรุงให้น้องหกของเจ้าใช่หรือไม่” โหวหนุ่มยังคงถามเรื่องที่ได้ยินมาถามกับลูกสาวคนโต ที่รู้ดีว่าบุตรสาวผู้นี้ของตนเป็นคนตรงไปตรงมาที่สุดในบรรดาบุตรชายบุตรสาวของตระกูลซ่งแห่งนี้

“ถูกต้องเจ้าคะท่านพ่อ”

“เช่นนั้นพ่อขอให้เจ้าเล่าสิ่งที่พบตั้งแต่เข้ามาเยี่ยมน้องให้พ่อฟังได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ ข้าน้องสี่และน้องห้า ยามเข้ามาเรือนนี้เพื่อนำของบำรุงมาให้น้องหกตามที่ท่านแม่และท่านย่าสั่ง เมื่อเข้าเรือนข้าได้กลิ่นไม่ดีจากของบำรุง ในทีแรกข้าเพียงนึกว่าเป็นของที่แม่สามจะคัดเพื่อทิ้ง ถึงได้สอบถามได้ความว่าหลีอี๋เหนียงเป็นคนส่งของบำรุงให้น้องหกเจ้าค่ะ”

ซ่งโหวยิ่งได้ฟังยิ่งปะทุ สั่งลงโทษอนุหลีให้คุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าศาลบรรพชน เป็นเวลาหนึ่งเดือน และเมื่อครบแล้วออกมาตัดเบี้ยรายเดือนของจวนกึ่งนึงของส่วนที่ได้รับ เรื่องภายในจวนยกให้ฮูหยินใหญ่เป็นผู้จัดการต่อไป และสั่งโบยบ่าวรับใช้ที่มีความผิดสามสิบไม้แล้วขายทิ้งออกจากเรือน

เสียงร้องเล็กๆดังขึ้นห้ามปรามอยู่นอกเรือน จะเป็นใครไม่ได้ คุณหนูสี่นั้นเอง สาวใช้รีบวิ่งไปรายงานเรื่องท่านโหวสั่งลงโทษมารดาของตน พร้อมทั้งยึดอำนาจดูแลจวนจากมารดาให้ฮูหยินใหญ่ที่เฉื่อยชาดูแล (ท่านแม่ทำผิดอะไรกันทำไมถึงต้อง…!!) นางได้แต่คิดในใจและแล้วเจ้าตัวอยู่หน้าจวนและเห็นภาพมารดาของตนถูกพวกบ่าวไพร่ชั้นต่ำพวกนั้นกำลังใช้กำลังกับท่านแม่

“หยุดนะ อีพวกบ่าวชั้นต่ำพวกแกช่างกล้ามากนะกล้าแตะต้องแม่ข้าหรือ ปล่อยท่านแม่เดี๋ยวนี้นะ ข้าสั่งให้ปล่อย” เสียงประโยคสุดท้ายดังมากจนคนทั้งหมดที่อยู่ในเรือนพากันออกมา สิ้นเสียงโวยวายนั้นไม่ใช่ใครเป็นคุณหนูสี่นั้นเองที่ใช้น้ำเสียงและคำหยาบคายเหล่านั้น

“เกิดเรื่องอันใด ? ใครตะโกนไม่มีมารยาทเยี่ยงนี้!! ” น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่เป็นผู้เอ่ยทั้งที่ตนเองนั้นนางรู้ดีและจดจำเสียงนั่นได้แต่เอ่ยไปให้นายท่านสะอึกเท่านั้นว่านั้นคือลูกอนุผู้ที่สามีนางรักนักหนา และกวาดสายตามองปัญหาที่เกิดขึ้น (ใช่ คงเป็นเจ้าลูกตัวดีของคุณพี่สินะ!!) และเอียงคอมองหน้าผู้เป็นสามี ว่าจะให้ข้าจัดการลูกรักของท่านหรือไม่) เมื่อประมุขของเรือนพยักหน้าอนุญาต นางหันมาใช้สายตาคมมองไปยังลูกของหลีอี๋เหนียงทันดี

“หึ ที่แท้คุณหนูสี่หรอกรึ ที่เอะอะโวยวายไร้มารยาทเยี่ยงนี้ คงเป็นเพราะเจ้าขาดการดูแลที่ดีสินะถึงได้มีกิริยาชั่วช้าเหมือนดังคนหนูที่ขาดการอบรม” น้ำเสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น กล่าวด่าไม่ไว้หน้า และไม่มองท่านโหวของตัวเองด้วยซ้ำประหนึ่งว่า (ท่านอนุญาตข้าแล้ว) พร้อมยกยิ้มมุมปากดั่งผู้ชนะ โดยที่สามีไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด สิ่งที่นางพูดขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริง บุตรสาวอนุผู้นี้กระทำตัวเยี่ยงแม่ค้าตามตลาด บทจะโวยวายเรื่องใดๆนั้นนางก็จะทำออกมาอย่างสิ้นคิด ดรุณีของจวนโหวแห่งนี้หรือที่เลี้ยงคนเช่นนี้ ช่างน่าอับอายขายหน้านักหากรู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น มีแม่เยี่ยงนี้อย่างไรเล่าบุตรนั้นก็ตามมารดาอย่างกับถอดแบบกันออกมาเหมือนยิ่งกว่าเงาในกระจกเสียด้วยซ้ำ ซึ่งซ่งโหวนั้นรู้ดีว่าฮูหยินเอ่ยมาเช่นนี้กระทบกระเทียบการเลี้ยงดูบุตรนั้นของหลีอี๋เหนียง

§§§§§§§§§§§§§§§§§§

T

B

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว