“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ เหตุใดเกิดเรื่องเช่นนี้กับท่านแม่ได้เจ้าค่ะ ท...ท่าน! ท่านไม่เห็นหรือท่านแม่ข้าหรือนางถูกฮูหยินรังแกเจ้าค่ะ ท่านพ่อช่วยสั่งสอนฮูหยินใหญ่ผู้นี้ด้วยเถอะเจ้าค่ะ” คุณหนูสี่อ้อนวอนผู้เป็นบิดา เอ่ยกล่าวประณามฮูหยินผู้นี้มีเจตนากลั่นแกล้งมารดาของตน ทั้งยังใช้วาจาหยาบคายใส่ฮูหยินใหญ่ของเรือนไม่มีความเคารพกันแม้เพียงนิดนางพยายาทใช้ทั้งวาจาและสีหน้าแสดงความมีอำนาจของนางที่มีผู้มีบิดาเป็นโล่ประหนึ่งว่านางนั้นไม่ต้องเห็นแก่ผู้ใด
สีหน้าซ่งเฟยหม่าผู้เป็นเจ้าของเรือนเกิดอาการหน้าม้ามขึ้นทันที เขานั้นรู้สึกถึงความร้อนเห่อแดงของใบหน้าของตนเอง ที่ไม่คิดว่าบุตรสาวที่ตนเองรักที่สุดช่างกล้ากล่าวว่าจาสามาหาวไร้มารยาทเยี่ยงนี้! มือของซ่งโหวที่กำไว้ข่มความโกรธตั้งแต่ที่รู้เรื่องเมียรักทำงามหน้า!! จนถึงตอนนี้ลูกสาวทำตัวถือดีต่อฮูหยินใหญ่ของเรือนเช่นนี้อีก สุดท้านข่มไว้ไม่ไหว ชี้นิ้วไปที่หลีอี๋เหนียงทันที
“เจ้า…เจ้า!! เป็นไงเจ้านะเจ้าช่างแสนดีนักนะ! ข้านั้นทั้งไว้ใจทั้งรักเจ้าเพื่อให้เจ้าทีความสุขเมื่อเจ้านั้นขอเลี้ยงดูบุตรเองข้าเห็นเช่นนั้นเพื่อให้คนที่ข้ารักยังให้เจ้าเลี้ยงดูลูก!? นี่เหรอ!? คือสิ่งที่เจ้าพร่ำสอนนางหรอกหรือ! ไม่ให้เกียรติฮูหยินของเรือนเช่นนี้ เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าไม่ได้เป็นผู้สอนนางห๊า!! รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น จ..เจ้าช่าง…!!! ” เสียง 'พรึบ' เสียงสะบัดแขนเสื้อลงตาม แรงโมโห และหันหลัง สูดลมหายใจเข้า ซ่งโหวที่อับอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เมียรักทำตัวเยี่ยงโจร หลอกเอาเงินอนุป๋ายแสร้งทำตัวแย่ๆไม่ยอมส่งเงินประจำเท่าที่อนุผู้หนึ่งสมควรได้เงินของอนุป๋ายที่เป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายกลับไม่จ่ายกล้บหน้าหนาเอาของและค่าใช้จ่ายเอามาใช้เป็นส่วนตัวของนาง ทั้งๆที่ตนนั้นแบ่งจ่ายให้นางมากกว่าเมียเอกของเขาเสียอีก. ยังมีบุตรสาวที่ตนนั้นรักหนักหนากลับใช้วาจาต่อหน้าตนอีกประหนึ่งดรุณีไม่รู้ความ และเพื่อความที่ตนมักใจอ่อนเสมอกับสตรีรักผู้นี้และบุตรสาว ถึงขอเอ่ยปากให้ฮูหยินเป็นผู้ลงโทษแทน
“ฮูหยินพี่ฝากเจ้าดูแลเรือนหลังด้วย” จากนั้นเดินออกไปไม่ฟังเสียงของทั้งอนุคนโปรดและลูกสาวที่ว่ากล่าวบิดาอย่างตัดพ้อเสียงโวยวายที่ดังลั้นดังผู้คนในเรือนแม้กระทั้งสาวใช้รุ่นเล็กยังคงมองนางสองแม่ลูก ที่ตอนนี้ภาพของคนทั้งสองไม่น่าที่จะดูเสียเลยถึงกับต้องก้มหน้าหลบเลี่ยงมิให้นางเห็นแววตาที่ต่างพากันเยาะเย้ยอนุผู้นี้นักเกรงว่าหากนางออกจากบทลงโทษด้วยนิสัยของนางสองแม่ลูกที่หยิ่งผยองนางกลับมาเอาคืนเป็นแน่ เหล่าสาวใช้ต่างพากันเดินหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า
“เจ้าคะ!! ท่านพี่ขอท่านโปรดวางใจ” ฮูหยินที่คารวะ ย่อเข่ากล่าวตอบ เมื่อหลังของสามีห่างออกไปไกล ฮูหยินหันหน้ากลับมาและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีได้ดูยิ้มแย้มเชกดช่นเมื่อครู่
“เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่เฉยอีกทำตามคำสั่งเสียสิ หรืออยากโดนโบยรึไง” นางสั้งสาวใช้เรื่องของหลีอี๋เหนียงและผินมองใบหน้าคุณหนูสี่ ผู้เก่งกาจเสียหน่อย นางกล้ามากกล้าใช้วาจาหมิ่นเกียจข้าผู้นี้ นางใช้สายตา
“ส่วนเจ้า จงเข้าเรือนสำรวมกายวาจา คัดคำภีร์จริยธรรมพื้นฐานมาให้ข้าร้อยจบ ส่งให้ข้าตรวจในวันพรุ่งนี้” บอกบทลงโทษคุณหนูสี่เสร็จสิ้นเดินเข้าเรือนเพื่อคุยเรื่อง คืนสินสมรสต่อ โดยไม่สนใจว่าคุณหนูสี่จะยินยอมหรือไม่ แต่นั่นคือบทลงโทษที่ฮูหยินประกาศหลังได้รับหน้าที่คืน
“น้องหญิงสามเชิญ” เสียงเอ่ยเชิญ ประหนึ่งว่าข้าอยากคุยเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุด
“เจ้าคะ”
“คุณหนูหก เข้ามาหาแม่ใหญ่ด้วยสิ แม่จักถามถึงอาการของเจ้าหน่อย” เอ่ยถึงคุณหนูหกเจ้าของเรือนท้ายจวนแห่งนี้ และถ้าไม่เกิดเรื่องที่ว่าคุณหนูหกป่วยใกล้ตาย นางคงมิได้รับเรื่องดูแลจวนกลับมา ถือว่าเป็นโชคดีโดยแท้
“เจ้าค่ะท่านแม่ใหญ่” (หึฮูหยินท่านช่างเปลี่ยนสีเร็วเหลือเกิน ข้านี้ช่างนับถือเสียจริง แต่ก็เถอะถ้าไม่เป็นเพราะท่านนำของมาให้ข้ากับแม่ก่อนท่านอย่าหวังเลยว่าเรื่องนี้ข้าจะให้ท่านกลายเป็นผู้ดูแลจวน) ความคิดในใจของคนเกิดใหม่ในร่างเด็กคิดขึ้น ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ มันเป็นเกมส์ที่เธอสร้างขึ้มาเอง และทุกๆอย่างอยู่ในทิศทางที่ตนเองได้วางไว้ ขั้นตอนต่อไป คือเรียกเงินที่สมควรได้คืนมา และหลังจากนั้นหาเงินเก็บไว้ให้แม่ผู้อ่อนแอของตนเองและเด็กในท้องของแม่
“อืมดีแท้ เจ้าดูสีหน้าดีขึ้น ยาบำรุงที่ข้าให้มาเจ้ากินซะ หากขาดเหลือให้สาวใช้ไปบอกแม่ใหญ่ที่เรือน เจ้าเข้าใจหรือไม่” นางเอ่ยบอกคุณหนูหก ทั้งกำชับกำชาเรื่องยาบำรุงต่างๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว