หลังจากแจ้งพ่อบ้านให้ไปจัดการเรื่องที่เหลือให้แล้วเสร็จ ทั้งนางและพี่เสี่ยวชุ่ยเดินดูร้านค้าทั้งหลาย มีเหลาอาหารที่ผู้คนเข้าออกร้านบ่อยๆเช่นนั้น นางเองเรื่องอาหารนั้นนางสามารถปรุงมันออกมาได้อร่อยและน่าทานฉนั้นเรื่องอาหารนางทำเป็นนะ แต่คงสักหักก่อนค่อยหาเวลาขยายและตอนนี้นางกำลังมองหาเหลาอาหารพักกินข้าว ดูพวกอาหารต่างๆของที่นี่ว่าเป็นยังไง หากเป็นเครื่องประดับนั้นถ้านางรับมาขายไปน่าจะดี หืมทำไม่ร้านนี้คนเข้าออกเยอะเชียว สายตาของนางมองไปร้านๆหนึ่งที่ผู้คนเข้าออกเยอะจนน่าแปลกใจ นางยืนดูร้านนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสอนใจเรียกพี่เสี่ยวชุ่ยเข้าไปดูกัน
“ไปดูร้านทางนั้นกันเจ้าค่ะพี่เสี่ยวชุ่ย เร็วๆสิคะ”
“คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ บ่าวตามไม่ทัน” พี่เสี่ยวชุ่ย เอ่ยขึ้นเตือนนางให้ระวังและช้าลงเพื่อความปลอดภัยของเจ้านายตัวน้อยของนางผู้นี้
“ชื่อร้านดูดีเชียว จวงผิ่นจี้ ตรงๆ [ร้านเครื่องสำอาง] ” เรามีพื้นฐานเรื่องพวกนี้นี่นา ดีแล้วคนส่วนใหญ่เข้าและออกร้านอืมถือว่าดีมาก นางคิดและคาดเดา หนึ่งถ้วยชาคนเข้าออกสามสี่คน ถือว่าใช้ได้ ความต้องการขั้นสูง
“พี่เสี่ยวชุ่ยแล้วร้านที่ท่านย่ามอบให้ข้าอยู่ที่ใดเจ้าค่ะ ข้าอยากรู้และตรวจสอบว่าร้านนั้นจะเป็นแบบไหนสามารถทำอะไรได้บ้าง” พี่เสี่ยวชุ่ยพาไปยังร้านค้าที่เป็นของคุณหนู ห่างจากร้านนี้สามห้อง ด้านข้างเป็นร้านผ้า และเครื่องประดับ ถือว่าเป็นย่านที่เหมาะการค้าอย่างนี้มาก พี่เสี่ยวชุ่ยมองหน้าคุณหนูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คงถูกใจร้านนี้นัก แล้วคุณหนูต้องการจะทำการค้าใด ไม่เห็นคุณหนูสนใจอะไรเป็นพิเศษนี่นา
“คุณหนู เช่นนั้นบ่าวขอถามได้ไหมเจ้าคะ” รอคุณหนูของนางพยักหน้า “ที่คุณหนูยิ้มเช่นนี้คือถูกใจร้านค้าแห่งนี้ใช่หรือไม่" นางถานคุณหนูของนางปววตาที่ฉายแววใสประกายเช่นนั้นคงถูกใจเป็นแน่ คุณหนูของนางบางครั้งสามารถเดาทางได้บ้าง แต่บ้างครั้งต้องเดาทางนางและส่วนใหญ่ไม่กล้าคาดเดาความคิดของคุณหนู เพราะดรุณีผู้นี้คาดเดายาก
“พี่เสี่ยวชุ่ยช่างรู้ใจข้า ใช่ถูกใจมาก” แววตานางฉายแววชื่นชมสาวใช่รู้ความผู้นี้
“แล้วคุณหนูคิดทำอะไรขายเจ้าค่ะ ข้าน้อยเห็นคุณหนูเดินเข้าออกทุกร้านเลย แต่ไม่เห็นสนใจร้านไหนเป็นพิเศษ” นางคาดเดาอารมณ์ความคอดไม่ออกได้แต่ถามคำถามเจ้านายของนาง
ข้าส่งยิ้มหวานเจ้าเลห์ให้พี่เสี่ยวชุ่ยคนช่างถาม ก่อนจะใช้นิ้วชี้เคาะไปที่หน้าศีรษะข้างไรผมของตัวเอง
“มันอยู่ในสมองของข้า ไม่บอกพี่หรอก คิก คิก” จากนั้นเดินเข้าไปในร้านให้บ่าวชายไขกุญแจเปิดประตู ภายในกว้างมาก มีสองชั้นด้วยกัน ถ้าคิดการไกลร้านนี้คงจะอยู่กับตนได้ไม่นานถ้ามันค้าขายดี แต่ถ้าข้าอยากจะพาท่านแม่และน้องออกมาจากจวนนั้นคงต้องคืนร้านนี้เป็นแน่ ไม่เป็นไร ค่อยๆเก็บเงินแล้วแอบสร้างร้านใหม่ หาที่อยู่ใหม่เพื่อตัดขาดกับสกุลซ่งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านพ่อมีพี่รองอยู่แล้วอีกทั้งพี่สามด้วย ถ้าน้องเป็นผู้ชายคงไม่สำคัญเท่าไหร่ เจรจาน่าจะง่ายขึ้น
นางเดินรอบๆมองดูภายในร้านจินตนาการต้องให้ร้านตกแต่งเช่นไรถึงดึงดูดผู้คนที่นี่ ถ้าจะให้ดีแชมพู สบู่ต้องมา น้ำหอมต้องมี แค่คิดเงินลอยมาให้เห็นแล้วตอนนี้คิดตั้งชื่อร้าน นางเดินไปเดินมาจับนู้น จับนี่จน สาวใช้หัวหมันตาม
“ห๊าาา… ใช่แล้ว ชื่อร้านคือ ฝ้าหมิงจี้ [ร้านเนรมิต] พี่เสี่ยวชุ่ยชื่อนี้ไพเราะหรือไม่เจ้าคะ" หันไปถามสาวใช้ด้วยความตื่นเต้น
“เพราะเจ้าค่ะ แต่เหตุใดถึงใช้ชื่อนี้เจ้าคะ"
“ชั้นบน ข้าแบ่งเป็นสามห้อง ห้องแรกเป็นห้องบัญชี เอาไว้ให้ข้าเข้ามาตรวจสอบบัญชีได้ ห้องที่สองข้าจักให้ห้องนี้เป็นห้องประชุม ห้_"
“คุณหนู ห้องประชุมคือห้องอะไรเจ้าคะ" ท่าทางสงสัยจริงจังๆของสาวใช้ทำให้ข้าเกิดหัวเราะขึ้นมา (ช่างไร้เดียงสาเสียจริงพี่เสี่ยวชุ่ย)
“ห้องประชุม คือห้องที่ทั้งข้าและผู้ดูแลทั้งลูกน้องหารือกัน”
“เป็นเช่นนี้” พี่เสี่ยวชุ่ยหายสงสัยทันที เมื่อคุณหนูท่านอธิบายง่ายๆและนางนั้นสามารถเข้าใจง่ายๆ
“ใช่เป็นเช่นนี้แหละ ส่วนอีกห้องข้าเอาไว้สาธิต ให้ลูกค้าได้ลองสินค้าของเราโดยที่ทางเราแต่งให้ลูกค้า อืม!! ไปเรากลับเรือนกันได้แล้ว ข้าจะได้กลับไปออกแบบร้านของข้า”
กล่าวจบหันไปบอกสาวใช้อย่างพี่เสี่ยวชุ่ย เพื่อกลับไปที่เรือน พรุ่งนี้ค่อยให้สาวใช้ที่ซื้อมาพากันมาจัดการทำความสะอากร้านแห่งนี้ให้ช่างได้พร้อมปรับปรุงร้านตามแบบที่เขียนไว้ ระหว่างนี้ต้องทดลองผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้วส่งไปให้ทุกเรือนเป็นหนูทดลอง
“โอ้ยท่านแม่ข้าเหนื่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ” รีบปรี่เดินไปเกาะแขนมารดาถูหน้ากับแขนขึ้นลงออดอ้อนมารดา อนุป๋ายเอ็นดูลูกสาว มือข้างที่ว่างอยู่ลูบไปที่ใบหน้าเล็กๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว