ภายให้ห้องโถงใหญ่ ฮูหยินใหญ่กำลังลังดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยความรู้สึกทั้งหลาย ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นดั่งภาพที่แสดงออกมา เพราะตนเองทั้งแสนเจ็บแค้นเช่นกันแต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเองไว้ จะไม่ให้โกรธเคืองได้อย่างไรกัน นางนั้นเป็นถึงฮูหยินเอกที่ได้แต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง มีลูกๆทั้งหญิงชายให้กับตระกูลนี้ แต่ตนเองนั้นหรือ ! เฮอะ…! ไม่มีสิทธ์ที่จะดูแลจวนแห่งนี้เลยในฐานะที่นางเป็นถึงฮูหยินใหญ่ของจวนแห่งนี้ และนับตั้งแต่ตั้งครรภ์ของเจ้ารอง สิทธ์ทั้งหมดในการดูแลจวนต้องกลายไปเป็นของนางจิ้งจอกอย่างอนุหลี ด้วยที่สุขภาพร่างกายของนางนั้นไม่พร้อมแพ้ท้องหนักครานั้น และจนตอนนี้มีเจ้าห้าแล้ว ตนยังไม่ได้คืนสิทธ์นั้นเลย เฮอะ ! ท่านโหว นะท่านโหว ไม่รู้หลงเสน่ห์มารยานังนั่นไปถึงเมื่อไหร่ ! เมื่อไหร่ที่นางจะกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งเล่า เพียงแค่นึกคิดถึงความเจ็บใจนั้นยิ่งทวีมากขึ้น มากขึ้น ! จนนางไม่อาจทำใจยอมรับได้
“ตึกๆตึกๆ ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินใหญ่” เสียงของบ่าวแทบจะวิ่งเข้ามา มีเรื่องที่นางต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินใญ่ได้ทราบ
“อาเจียว เจ้าเดินไม่ได้เชียวรึ จะรีบร้อนอะไรปานนั้น” เสียงที่เอ่ยเตือนคือเสียงของแม่นมฉาง แม่นมที่เป็นสินเดิมพาพร้อมดูแลฮูหยินของตนที่แต่งให้ท่านโหว เจ้านายของเรือนนี้ นางเป็นทั้งสาวใช้ ทั้งแม่นม และเพื่อนยามยาก เมื่อนายของตนได้แต่งเข้าเรือนแห่งนี้ด้วยการดองกันจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจเกี่ยวดองยกคุณหนูรองของนางผู้นี้ได้แต่งออกมาเป็นที่นับหน้าถือตาให้กับตระกูลเดิมเป็นอย่างมาก แต่บัดนี้คุณหนูของนางได้รับความไม่เป็นธรรมมาเนิ่นนาน ตัวนางเองมีใจอยากช่วยเหลือคุณหนูของนางเสียเหลือเกิน
“มีอะไร” หลังจากจิบน้ำชา สายตาเหลือบมองสาวใช้แล้ววางถ้วยชาในมือพร้อมเอ่ยถามสาวใช้ ที่รีบเข้ามาไม่รู้ความแต่นางมองผ่านไปมิอยากเอาเรื่องสาวใช้ผู้นี้นัก
“คืองี้เจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าเรือนท้ายจวนคุณหนูหก คุณหนูหก…ฉือฮั่วนนางรักษาหายแล้วเจ้าคะ หลังจากป่วยให้หมดลม จู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาเองและกำลังจะหายเจ้าคะ” เสียงกระหืบกระหอบ พยายามเล่าเรื่องที่จะรายงานให้นาย ฮูหยินใหญ่ของนางฟัง เรื่องของเรือนท้ายจวนนางเป็นผู้ที่เฝ้ามองสังเกตการณ์เรื่องราวทุกอย่างนางเป็นคนรายงานเองทั้งหมด
“อืม ไปได้” โบกมือไล่สาวใช้ให้ออกไป นางรับรู้แล้วถึงแม้อนุผู้นี้มิเคยคิดแก่งแย่งใดๆในเรือนอยู่แบบตามมีตามเกิด หากทางพ่อบ้านจัดหาสิ่งใดนางรับตามนั้นแม้จะไม่ถูกต้องก็ตามนางมิมีทางเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับท่านโหวสามีของนางทราบ เฮอะ! ถือว่านางเป็นคนโง่ผู้หนึ่ง ที่ไม่คิดหวังพึ่งสามีสักเรื่อง เพียงเพราะอะไร? เรื่องพวกนั้นนางต้องจัดการสืบให้รู้ชัดถึงเจตนาของอนุผู้นี้
“แม่นมฉาง ให้สาวใช้นำยาบำรุงไปให้คุณหนูหกด้วย ถึงอย่างไร นั่นคือลูกของท่านโหว” นางสั่งแม่นมเพียงประโยคเดียวเท่านั้นสาวใช้รับคำทั้งรีบจัดการตามที่นางสั่งแต่โดยดี
“เจ้าคะ" เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย แม่นมฉางรีบไปจัดการตามคำสั่งก่อนจะเข้ามาปรนนิบัตินายของตน
“ฮูหยินใหญ่ จะไปเรียนเรื่องคุณหนูหกให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบไหมเจ้าคะ” สาวใช้คนเดิมถามขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำการเตรียมตัวให้ฮูหยินนายของตนทันที
“อืม…ต้องทำสิ ถึงอย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าคือย่าของคุณหนู ข้าเมียเอกรู้เรื่องแล้วแต่ไม่ทำเจ้าจะให้อนุอย่างอนุหลีไปแจ้งแทนรึ แค่เสียหน้าที่ดูแลจวนข้าดูไม่มีปากเสียงจวนแห่งนี้แล้ว ดีที่ข้ามีทายาทให้ท่านโหว ถ้าข้าไม่มีป่านนี้ข้าคงโดยหย่าขาดแล้วแล้วแม่นมฉาง”
“โถ่…ฮูหยินของบ่าว ท่านอย่าเศร้าไปเลยเจ้าคะ มันต้องมีวันนั้นเจ้าคะ” สาวใช้คนเดิมยังคงเฝ้ารอนายของนาง ทั้งช่วยปลอบใจพูดในสิ่งที่นายของนางอยากได้ยิน และมีแต่เรื่องสุขใจเท่านั้น
“ใช่สิ แม่นมตอนนี้คุณหนูใหญ่เตรียมตัวเป็นอย่างไรบ้าง เวลาไม่ช้าแล้วใกล้จะออกเรือนเต็มทีไม่รู้ว่าจัดเตรียมข้าวของไปถึงไหนแล้ว” นางวางของเครื่องประดับที่ไม่ชอบใจเมื่อนำมาเทียบกับผม และเปลี่ยนเป็นอันใหม่ขึ้นมาพร้อมทั้งเอ่ยถึงบุตรสาวคนโต ที่กำลังเตียมตัวแต่งออกจากเรือนในไม่ช้า
“เรื่องนั้นฮูหยินใหญ่ มิต้องกังวลเลยเจ้าคะ มีแม่นมอ้ายคอยดูแลคุณหนูใหญ่อย่างใกล้ชิด การตระเตรียมสินเดิมเห็นว่าจวนเจียนจะเรียบร้อยแล้วเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลเลย” แม่นมที่กลับเข้ามาหลังจากสั่งการบอกพ่อบ้านให้จัดของบำรุงต่างๆตามที่ฮูหยินเป็นผู้สั่ง ตอบกลับฮูหยินทันทีที่นายถามขึ้นเกี่ยวกับบุตรสาวคนโต คุณหนูใหญ่ของเรือนแห่งนี้ที่มีการหมั้นหมายมาเนิ่นนาน และในที่สุดถึงเวลาแต่งเสียที
“แม่นม เจ้าจะไม่ให้ข้าห่วงรึกังวลเลยหรือ คุณหนูใหญ่ของเจ้าใกล้ออกเรือนแล้ว ไม่รู้ว่าแต่งออกไปจะมีความสุขหรือไม่ ข้านั้นกลัวเสียจริงลูกของข้าไม่รู้จะเป็นที่โปรดปรานลูกเขยผูนั้นนานแค่ไหนกันเชียว เจ้าดูอย่างข้าสิ”
"ไม่เอานะเจ้าคะ ท่านอย่าเป็นเช่นนี้เลย ทุกข์ใจท่านเสียเปล่าๆ ไปเจ้าไปเรียนฮูหยินผู้เฒ่าดีกว่าเรื่องคุณหนูหก ประเดี๋ยวจะไม่ทันอนุหลีผู้นั้นเข้า"
“ได้ ข้ารู้แล้ว” นางผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเนียบร้อยจากนั้นลุกขึ้นจากกระจกทันทีเตรียมตัวไปเรื่องผู้เป็นแม่สามี
ณ เรือนใจสงบ หญิงชรากำลังนั่งยิ้มดูคุณหนูใหญ่เย็บปักเตรียมสินเจ้าสาว มีบ้างที่ขอดูผลงานและชี้นำแก้ไข ผ้าที่คุณหนูใหญ่ปักอยู่นั้น คือผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่เจ้าตัวตั้งใจทำเองฝีมือประณีตยิ่งนัก นับวันเก่งขึ้น ผู้เป็นย่านั่งชื่นชมผลงานหลานสาวผู้นี้ จะบอกเล่าว่าไม่ภูมิใจคงจะเห็นเป็นไปไม่ได้ นางนั้นทั้งเฝ้าอบรมเลี้ยงดูหลานสาวผู้นี้เองกับมือ จะไม่เก่งกาจได้เยี่ยงไรเล่า หากเอ่ยบอกใครๆต้องมีแต่คำชื่นชมเป็นแน่
“ท่านย่า ตรงนี้ควรทำเช่นนี้หรือไม่เจ้าคะ” ส่งผ้าให้ผู้เป็นย่าดูลายที่ปักนั้นถูกต้องหรือไม่ ถามอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ท่านย่าของนางช่วยเหลือบอกสิ่งที่นางไม่เข้าใจทันที และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ชวนน่าเอ็นดูในตัวหลานสาวผู้นี้นัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว