ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะรู้วิชาที่ร้ายกาจบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อศิษย์ทั่วไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับนี้ จะยอมให้เขาประชิดตัวได้ง่ายดายเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
หลิ่วหมิงดูเหมือนไม่ขยับแต่ได้แอบร่ายคาถาเรียบร้อยแล้ว และยังถือโอกาสกระตุ้นวิชาตัวเบาแล้ว
หลังจากชายร่างผอมสูงที่ชื่อหูเฟยได้ยินผู้อาวุโสร่างท้วมประกาศให้เริ่มการต่อสู้ได้ เขาก็ยิ้มเยาะใส่หลิ่วหมิง จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว ชุดคลุมผ้าดิ้นบนตัวก็เปล่งแสงสีเขียวออกมาทันที แล้วมันค่อยๆ พาร่างของชายหนุ่มจมเข้าไปในนั้น เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็เห็นราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์แสงสีเขียว
หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์อันแปลกประหลาดนี้ ในใจเขาก็รู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา เขายกแขนทั้งสองขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาทันที คมวายุหกเจ็ดเส้นกลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไป มันแค่กะพริบไม่กี่ทีก็มาถึงด้านหน้าของมนุษย์แสง
แต่หลังจากที่หูเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมามนุษย์แสงก็ดูลางเลือน และคมวายุก็ทะลุผ่านตัวเขาไปราวกับว่าไม่มีร่างเขาอยู่ตรงนั้น
ฉากนี้สร้างความตกใจให้กับผู้ที่ชมอยู่ด้านล่างเป็นอย่างมาก มีบางคนถึงขนาดหลุดปากอุทานออกมา
หลิ่วหมิงก็แค่ขมวดคิ้วเข้าหากัน และไม่ได้เผยสีหน้าตกใจอะไรออกมา
ฉากที่คาดไม่ถึงเมื่อครู่นี้ อาจจะหลอกสายตาคนจำนวนมากได้ แต่ไหนเลยจะรอดพ้นสายตาเขาไปได้
คมวายุดูเหมือนจะทะลุผ่านร่างเขาไป แต่แท้จริงแล้วเขาสามารถหลบหลีกมันไปได้ เพียงแต่เขาหลบหลีกอย่างรวดเร็วจนทำให้คนรู้สึกว่าเขายังอยู่ที่นั่น
แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบหลีกการโจมตีของคมวายุได้อย่างไม่สะทกสะท้าน มันก็ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
แต่ในขณะนั้นเองได้มีเสียง “ฟรึ่บ!” ดังขึ้น
มนุษย์แสงด้านหน้าดึงดาบประหลาดตรงหลังออกมา หลังจากที่กวัดแกว่งมันแล้ว เขาก็กลายเป็นเงาแสงสีเขียวกระโจนเข้ามา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ถูมือทั้งสองเข้าด้วยกันโดยไม่แม้แต่จะคิด หลังจากที่ยกมือทั้งสองขึ้นอีกครั้งคมวายุสิบกว่าเส้นก็พุ่งออกไปทันที และต่อมาเขาเพียงแค่เคลื่อนไหวนิ้วสิบ คมวายุแต่ละเส้นก็ปรากฏออกมากลางอากาศ หลังจากที่ดีดออกไปมันก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไปอีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะใช้เวลาสั้นๆ เช่นนี้ ปล่อยคมวายุออกไปได้ยี่สิบกว่าเส้น
เงาร่างมนุษย์แสงที่อยู่ไกลออกไปเพียงแค่เคลื่อนไหวไปมาครู่เดียวก็หลบหลีกคมวายุทั้งหมดได้ หลังจากที่มันดูลางเลือนแล้วก็พุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ โดยทิ้งระยะห่างไว้แค่ไม่กี่จั้ง
หลิ่วหมิงแอบตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง โซ่สีดำราวกับอสรพิษเส้นหนึ่งดีดตัวออกไป พุ่งไปยังด้านหน้าของมนุษย์แสง
แต่มนุษย์แสงเพียงแค่หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นเขาแค่สะบัดดาบประหลาดในมือ แสงเย็นสะท้านสิบกว่าลำก็ม้วนตัวออกไปจนทำให้โซ่ดำครึ่งหนึ่งถูกทำลายจนแตกละเอียด จากนั้นเขาก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาปล่อยลำแสงหยกพุ่งเข้ามาหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัด แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นทันที เขาสะบัดห่วงเขี้ยวพยัคฆ์บนข้อมือ ทันใดนั้นโล่แสงสีเหลืองได้ปรากฏออกมาตรงหน้าเขาทันที
พอลำแสงหยกเหล่านั้นปะทะกับโล่แสง มันก็ส่งเสียงดังเปาะแปะราวกับฝนที่ตกกระทบรั้วไม่ไผ่ และแตกสลายไป
ในขณะนั้นเอง มนุษย์แสงตรงหน้าก็บิดตัวเคลื่อนไหวไปมาจนเกือบจะถึงด้านหน้าของหลิ่วหมิง และสามารถมองเห็นใบหน้าที่เหี้ยมโหดได้อย่างชัดเจน
หลิ่วหมิงสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมาทันที เขาแค่ขยับเท้าทั้งสองเล็กน้อย ร่างของเขาก็ไถลถอยออกไปราวกับสายน้ำไหล มืออีกข้างก็ตบลงตรงอกโดยฉับพลัน
เสียงดัง “ฟู่!”
มีจุดสีดำสามจุดปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแล้วก็กลายเป็นโล่แสงสีดำ
แต่หูเฟยที่กลายร่างเป็นมนุษย์แสงกลับไม่สนใจในสิ่งนี้ เขายังคงพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงติดๆ ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาจนดาบประหลาดบนมือถูกแสงสีเขียวปกคลุมไว้ หลังจากที่โบกเบาๆ มันก็เลือนหายไปในอากาศ
ครู่ต่อมาพลันบังเกิดเสียงดังขึ้นที่ด้านหน้าของหลิ่วหมิง เงาดาบสีเขียวปรากฏออกทันที และฟันลงบนโล่แสงอย่างถี่ยิบ
เพียงครู่เดียว หลังจากมีเสียงแตกหักดังขึ้น โล่สามดาวก็แตกออกมาเป็นชิ้นๆ เงาดาบพุ่งเข้ามาทันทีโดยที่ไม่มีอะไรขัดขวางไว้
หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัด และสั่นห่วงเขี้ยวพยัคฆ์เบาๆ หัวพยัคฆ์สีเหลืองปรากฏออกมาในทันที ขณะเดียวกันมันก็พ่นคลื่นเสียงสีขาวโพลนออกไป
เงาดาบด้านหน้าถูกโจมตีจนหยุดชะงักไป
ในช่วงระหว่างเวลานี้ หลิ่วหมิงที่ยังไถลไปข้างหลังอยู่ก็ประกบมือทั้งสองเข้าหากันแล้วแยกออกจากกันโดยฉับพลัน คมวายุยักษ์ขนาดยาวหลายฉื่อก็เปล่งประกายออกมา เพียงแค่หลิ่วหมิงสะบัดแขนมันก็พุ่งออกไปด้วยเสียงอันดัง
พอหูเฟยเห็นคมวายุยักษ์ปรากฎออกมา ใจเขาก็รู้สึกเสียววาบ ภายใต้ความตกใจร่างมนุษย์แสงของเขาถอยห่างออกมาทันที ขณะเดียวกันก็กวัดแกว่งดาบประหลาดในมือไปยังด้านหน้า เงาดาบสีเขียวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” คมวายุยักษ์ปรากฏออกมาทำลายเงาดาบจนพังพินาศไป จากนั้นมันก็ฟันเข้าไปที่ร่างของมนุษย์แสงผู้นั้นนั้น
หูเฟยไม่คาดคิดมาก่อนว่าคมวายุยักษ์จะร้ายกาจ และเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ภายใต้ความตื่นตะลึงต่อให้เขาคิดที่หลบหลีกมันก็สายไปเสียแล้ว เขาทำได้แค่ยื่นดาบไปบังไว้ด้านหน้า มืออีกข้างคีบยันต์สีเหลืองบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ
เสียงดัง “ตู้ม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา