ในห้วงเวลาวิกฤตินี้เอง จู่ๆ เสาแสงสีน้ำเงิน สีเหลือง สีดำ สีขาวสี่ต้นก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือป้อมปราการไท่เทียน เสียงอสนีบาตฟาดกลางฟ้าแจ้ง แรงกดดันจิตวิญญาณแข็งแกร่งที่ท่วมท้นท้องฟ้าซัดสาดไปทั่วทุกสารทิศ
หลิ่วหมิงตกตะลึงรีบหันศีรษะกลับไปมอง
เขาเห็นเงาคนสี่ร่างที่สวมชุดผู้อาวุโสสูงสุดของสี่กองทัพในเสาแสงทั้งสี่ต้นอย่างชัดเจน
คนหนึ่งในนั้นคือผู้เฒ่าเคราดกสีดำ ใบหน้าดำคล้ำดุจเหล็กผู้สวมชุดเหลือง เขาก็คือผู้อาวุโสฝางจากนิกายเทียนกงที่เคยปรากฏตัวก่อนหน้านี้นั่นเอง
อีกผู้หนึ่งคือผู้เฒ่าจมูกแดงสวมชุดยาวสีน้ำเงินคนหนึ่ง เขาน่าจะเป็นเผิงคุนผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ของนิกายยอดบริสุทธิ์ที่ประจำอยู่ที่นี่
ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ของสำนักเฮ่าหรานเป็นบุรุษวัยกลางคนคิ้วกระบี่หน้าตาเคร่งขรึมเย็นชาผู้สวมชุดบัณฑิตสีขาวคนหนึ่ง
ส่วนผู้อาวุโสจากนิกายปีศาจลี้ลับสวมอาภรณ์แปลกประหลาดอยู่บ้าง เขาเป็นบุรุษร่างใหญ่ผิวดำผู้เปลือยครึ่งท่อนและแบกหินยักษ์สีดำที่สูงกว่าตัวก้อนหนึ่งไว้บนแผ่นหลัง
ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม ในมือถือแผ่นค่ายกลที่ส่องแสงสี่สีชิ้นหนึ่ง
ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็ยื่นแผ่นค่ายกลออกมาเบื้องหน้า ปากเริ่มส่งเสียงท่องมนตร์ทุ้มต่ำแผ่วเบาออกมา
เสียงท่องมนตร์นี้งึมงำยากจะฟังออก ทว่าแม้แผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน แต่กลับส่งมาถึงหูของทุกคนเบื้องล่างชัดเจนอย่างยิ่ง ชวนให้คนรู้สึกประหลาดยิ่งนัก
ครู่ต่อมาแสงเรืองรองสี่สีแถบแล้วแถบเล่าก็ซัดสาดออกมาจากแผ่นค่ายกลในมือคนทั้งสี่ พวกมันหมุนเป็นวงแล้วรวมตัวกันที่จุดหนึ่งตรงกลางระหว่างพวกเขา แล้วก่อตัวเป็นลูกบอลแสงสี่สีที่หมุนอย่างเชื่องช้าลูกหนึ่ง
ต่อมานิ้วมืออีกข้างหนึ่งของสี่ผู้เฒ่าต่างขยับวาดอักขระประหลาดตัวหนึ่งกลางอากาศ
อักขระประหลาดสี่ตัวส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วทยอยจมเข้าไปในลูกบอลแสงสี่สีตรงกลาง
“บึ๊ม!”
ลูกบอลแสงสี่สีพังทลายดังสนั่น ระเบิดแสงแสบตาสายแล้วสายเล่าออกมาพร้อมเสียงดังกึกก้องประหนึ่งแผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นคลอน!
เหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ทำให้ผู้คนมากมายรอบป้อมปราการไท่เทียน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่กำลังต่อสู้อย่างยากลำบากหรือกองทัพผีร้ายที่เข่นฆ่าจนตาแดงก่ำหยุดต่อสู้เพราะความตกตะลึง แล้วพากันเงยหน้ามอง
เวลานี้ท้องฟ้าเหนือป้อมปราการไท่เทียนถูกแสงรัศมีหมื่นจั้งแสบตากลบทับจนมองไม่เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นด้านในแม้แต่น้อย
ทว่าชั่วลมหายใจเดียว แสงแสบตาก็ดับลง เงาภูเขามหึมาดั่งยอดเขายักษ์ไท่ซานก็พลันปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าบดบังท้องนภาทั้งผืนเหนือป้อมปราการไท่เทียนและบริเวณหนึ่งลี้กว่ารอบด้านจนมืดหม่นไร้แสงตะวัน พลังมหาศาลแผ่ออกไปกว้างไกลอย่างที่สุด!
ยอดเขายักษ์เสมือนหนึ่งของจริง สันเขาเห็นเหลี่ยมมุมชัด เมื่อมองดูถึงขนาดมองเห็นต้นซงกับต้นไป๋เขียวชอุ่มบนยอดรวมถึงนกกระเรียนที่บินร่อนวนเวียนชัดเจน
“ค่ายกลไท่เทียน!”
หลิ่วหมิงฉุกคิดขึ้นมาได้ก็รีบร้อนกวักมือข้างหนึ่งเก็บเซียเอ๋อร์และเฟยเอ๋อร์กลับเข้าไปในถุงหนังข้างเอว ความคิดในสมองแล่นเร็วไว
ป้อมปราการไท่เทียนถูกสี่กองทัพใหญ่ของเผ่ามนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยกัน ค่ายกลไท่เทียนนี่คือมาตราการสุดท้ายของป้อมปราการแห่งนี้ ตามที่ตกลงกันไว้ จะต้องให้ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์สี่คนจากสี่กองทัพใหญ่ที่ประจำอยู่กระตุ้นพร้อมกันจึงจะใช้ได้ มันมีพลังทำลายล้างภูตผี แต่มีข้อจำกัดมากมาย อีกทั้งแต่ละครั้งที่ใช้ต้องเว้นช่วงหนึ่งร้อยปีขึ้นไป
ทันใดนั้นเองเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นขัดความคิดของเขา
ยอดเขายักษ์ทั้งลูกบนท้องฟ้าเหนือป้อมปราการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เงาศิลายักษ์ขนาดเท่าหอคอยก้อนแล้วก้อนเล่าร่วงหล่นจากยอดเขาลงมาเบื้องล่าง
ชั่วขณะหนึ่งเงาศิลายักษ์พุ่งไปทั่วทุกสารทิศเต็มผืนนภาดั่งอุกกาบาต โปรยปรายล้อมรอบป้อมปราการไท่เทียนดุจสายฝน
ในเวลาเดียวกันนั้นลมปราณน่ากวาดกลัวที่เหมือนจะทำลายทุกสิ่งให้พินาศก็ถาโถมออกมา!
ทหารผีที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ต่างพากันหน้าถอดสี ผีแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าไม่น้อยตะโกนลั่นว่า “ถอยทัพ” อย่างไม่ลังเล ทหารผีจำนวนมากต่างหมุนตัวหนีไปไกลในทันใด
ทว่าระดับดาราพยากรณ์สี่คนร่วมมือกันเรียกค่ายกลชั้นจำกัดยักษ์แห่งป้อมปราการไท่เทียนนี้ออกมาแล้ว จะปล่อยพวกมันจากไปง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?
อึดใจต่อมา “เปรี้ยงๆ” เสียงก็ดังสนั่นไม่ขาดสายทุกหนแห่ง!
กระบวนทัพของทหารผีถูกเงาศิลายักษ์โจมตี ไม่ว่าระดับล่างหรือระดับสูงล้วนถูกบดขยี้เป็นเนื้อแหลกเหลว วิญญาณแตกสลายกลายเป็นควันสีเทาลอยตลบ
แม้เป็นผีแม่ทัพระดับแก่นแท้เหล่านั้นหรือผีรองแม่ทัพระดับผลึก ต่อหน้าศิลายักษ์เต็มฟ้านี้ก็ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงสักนิด อย่างเบาก็ถูกทับบาดเจ็บสาหัส อย่างหนักก็ถูกทับกลายเป็นเนื้อแหลกเหลวดุจเดียวกัน
แต่สำหรับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ ศิลายักษ์เหล่านี้กลับเหมือนความว่างเปล่า พวกมันทะลุผ่านร่างไปโดยไม่ทำอันตรายแม้แต่น้อย
นี่ทำให้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่เดิมทีหวาดผวาตื่นตระหนกอยู่นิดๆ พากันตื่นเต้นยินดีและเริ่มมีความหวัง!
ชั่วขณะหนึ่งกองทัพผีร้ายที่เดิมทีดุร้ายโหดเหี้ยมมีแต่เสียงภูตผีโหยหวนดังระงม!
หลังจากศิลายักษ์เหล่านี้ร่วงลงพื้น พวกมันยังระเบิดตัวเองกลายเป็นดวงแสงสีขาวดวงแล้วดวงเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา