หลิ่วหมิงปลิวกลิ้งออกไปหลายสิบจั้งกว่าจะตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิด สีหน้าซีดเผือด กระอักเลือดออกมาติดกันหลายคำ
สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนเผ่ามนุษย์คนนี้จะทนรับการโจมตีเกือบเต็มแรงของเขาได้โดยที่ยังมีชีวิต เพียงกระอักเลือดออกมาไม่กี่คำ
เขาสีหน้าเคร่งเครียด มือข้างหนึ่งเหวี่ยงตบไปทางท้องฟ้าด้านบนของหลิ่วหมิง
เสียงสั่นสะเทือนดัง “วิ้งๆ” ดังขึ้นกลางท้องฟ้า สายลมแรงหอบพัด จากนั้นแสงแวววาวสีดำสายแล้วสายเล่าพลันปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า ก่อตัวเป็นก้อนกลายเป็นขวานยักษ์สีดำขนาดเท่าตึกอันหนึ่งในพริบตา มันสั่นไหวเบาๆ แล้วฟันลงมาเหนือศีรษะหลิ่วหมิงทันที
แรงกดดันจิตวิญญาณอันคมกริบและหนักหน่วงสายหนึ่งปะทุออกมา แม้แต่อากาศรอบด้านก็บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป เกิดเป็นรอยคลื่นที่ตาเปล่ามองเห็น
พริบตาเดียวแรงกดดันจิตวิญญาณก็ส่งผลกับร่างของหลิ่วหมิง ทำให้ร่างกายเขาฉับพลันหนักอึ้ง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกทั่วร่างราวกับจะระเบิดในอึดใจต่อมา!
หลิ่วหมิงตื่นตระหนก เขากำลังจะลงมือทำบางอย่าง ทันใดนั้นแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งเร็วรี่มาจากทางเมืองจินกวัง โจมตีบนขวานใหญ่สีดำดุจสายฟ้าแลบ
แสงสีขาวกับสีดำระเบิดไปรอบด้าน หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างจากทั้งสองใกล้ที่สุด ความคิดแล่นเร็วจี๋ เร่งปราณดำรอบร่างออกมาปกป้องทั้งร่างเอาไว้ จึงไม่ถูกแสงทั้งสองสีทำร้าย
เวลานี้เขาพอมองเห็นชัดว่าใจกลางแสงสีขาวคือกำไลหยกสีขาวขนาดหนึ่งจั้งกว่าชิ้นหนึ่งซึ่งมีกลิ่นอายมงคลลอยขึ้นมาพร้อมกับพลังจิตวิญญาณดุจสิ่งมีชีวิต
นี่คืออาวุธเวทชิ้นหนึ่ง!
บนกำแพงเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองจินกวัง ผู้เฒ่าแซ่เหยายืนโต้สายลม สายตาประสานกับผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์จากไกลๆ
สองมือของเขายิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง กำไลหยกสีขาวที่ต้านขวานยักษ์สีดำอยู่เปล่งแสงเจิดจ้า เสียงปังดังขึ้นครั้งหนึ่ง มันก็ดีดขวานยักษ์สีดำออกแล้วพุ่งเร็วจี๋กลับไป
กำไลหยกระเบิดแสงสีขาวสายหนึ่งออกมาม้วนหลิ่วหมิงเข้าไปข้างใน
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งใส่ศพขาดวิ่นชุดดำร่างนั้นที่อยู่ไกลๆ แสงสีทองสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่กลับมา
กลางแสงสีทองคือยันต์สีทองอ่อนแผ่นหนึ่ง มันคือยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลือง
ใช้ยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองเป็นตัวตายตัวแทนเป็นวิธีที่หลิ่วหมิงใช้จนชำนาญ วันนี้ก็ได้ผลดังที่คิดเหมือนเดิม
ชั่วอึดใจแสงสีขาวก็ล้อมร่างกายของหลิ่วหมิงไว้จนหมดแล้วกลายเป็นรุ้งแวววาวสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าไปพร้อมกำไลหยกสีขาว ผีแม่ทัพใหญ่ตนนั้นไม่ทันลงมือขัดขวางสักนิด กำไลหยกก็กะพริบวูบวาบไม่กี่หนร่อนลงบนกำแพงเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองจินกวัง
“ขอบคุณผู้อาวุโสเหยายิ่งนัก!”
บนกำแพงเมือง หลังจากหลิ่วหมิงเก็บยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองไปแล้วก็หันไปค้อมกายคำนับผู้เฒ่าแซ่เหยา
ผู้เฒ่าแซ่เหยารั้งสายตากลับมาจากมือหลิ่วหมิงแล้วโบกมือเบาๆ ให้เขา จากนั้นสายตาจึงมองไปนอกเมือง
บนท้องฟ้านอกเมือง ผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ไล่ตามโจมตีต่อ เขากวักมือข้างหนึ่ง ขวานใหญ่สีดำพลันกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งบินกลับมาอยู่ในมือของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้ก็มีเสียงหวีดแหลมยาวดังขึ้นหลายครั้งจากกองทัพผีร้ายที่ล้อมโจมตีเมืองจินกวังอยู่ จากนั้นกองทัพก็ค่อยๆ ผละถอย วางธงพักรบชั่วคราว
ผู้เฒ่าแซ่เหยาเห็นกองทัพผีนอกเมืองถอยไปชั่วคราวก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันกลับมา ขณะที่คิดจะเอ่ยปากถามอันใด แสงสีเทาสายหนึ่งพลันพุ่งลงมา เงาของบุรุษวัยกลางคนเส้นผมสีเทาผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาก็คือผู้อาวุโสแซ่เว่ยนั่นเอง
“พี่เหยา!” บุรุษวัยพลางคนเส้นผมสีเทากับผู้อาวุโสเหยาทักทายกันเล็กน้อยแล้วเลื่อนสายตามามองหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้าง
“คารวะผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง” หลิ่วหมิงค้อมกายคำนับทันที
“ข้าจำได้ว่าเจ้าชื่อหลิ่วหมิงสินะ ก่อนหน้านี้ถูกส่งไปป้อมปราการไท่เทียน” บุรุษวัยกลางคนเส้นผมสีเทามองหลิ่วหมิง ใบหน้าเผยสีหน้าสงสัยออกมาเล็กน้อย
“ใช่ศิษย์เองขอรับ ครั้งนี้ได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสเผิงคุน ฝ่าวงล้อมที่ป้อมปราการไท่เทียนมาถึงที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต้องแจ้งผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง” หลิ่วหมิงเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อม
แม้ผู้อาวุโสแซ่เหยากับบุรุษวัยกลางคนเส้นผมสีเทาในใจจะคาดเดาได้อยู่เลือนราง แต่หลังจากได้ฟังก็ยังตกใจ
ยามนี้เมืองจินกวังทั้งเมืองแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง กับป้อมปราการไท่เทียนยิ่งถูกตัดการติดต่อ แม้พวกเขาสองคนต้องการส่งศิษย์ฝ่าวงล้อมออกไป แต่เพราะสาเหตุนานาประการจึงไม่สำเร็จ
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุย มาเถอะ” ผู้เฒ่าแซ่เหยาโบกแขนเสื้อ แสงสีขาวสายหนึ่งม้วนออกมาหุ้มร่างของหลิ่วหมิงเอาไว้ แล้วเหาะไปที่หอสูงใจกลางเมือง
บุรุษวัยกลางคนเส้นผมสีเทาสั่งเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายดำเนินการระดับแก่นแท้บนกำแพงเมืองให้ป้องกันกองทัพผีร้ายนอกกำแพงเมืองอย่างเข้มงวด จากนั้นร่างกายจึงขยับติดตามไปด้วย
“คนผู้นั้นเมื่อครู่ ไม่ใช่หลิ่วหมิงหรือ” ในหมู่ศิษย์ที่ปกป้องเมือง มีคนจดจำหลิ่วหมิงได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก
ในเวลาห้าปีนี้ หลิ่วหมิงก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างคนหนึ่งในกองทัพแสงทอง คนที่รู้จักเขาย่อมไม่น้อย
“ได้ยินว่าเขาถูกส่งไปป้อมปราการไท่เทียนไม่ใช่หรือ ทำไมมาปรากฏตัวที่นี่ได้”
“หรือเขาจะหนีออกมาจากป้อมปราการไท่เทียน?” ผู้ฝึกฝนรอบด้านต่างพากันถกเถียง ไอลีนโนเวล
บนกำแพงเมืองอีกด้านหนึ่ง ทารกเฮ่าเยวี่ยสบตากับบุรุษวัยกลางคนแซ่กู่นึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน แต่เวลานี้หลิ่วหมิงถูกผู้อาวุโสเหยากับผู้อาวุโสเว่ยพาตัวไปแล้ว พวกเขาสองคนย่อมไม่อาจสอดปาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา