สีหน้าของหลิ่วหมิงแปรเปลี่ยนไปมาครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนยินดีออกมา
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์สบตากันแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ที่แห่งนี้ก็คือยมโลกในตำนาน! คนผู้นี้ก็คือเผ่ายมโลกที่ปกครองยมโลก” หลิ่วหมิงหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา
“ได้ยินมาว่ายมโลกลึกลับยิ่งนัก หากผู้ฝึกฝนไร้วาสนาย่อมไม่อาจเข้าไปได้! ยินดีกับนายท่าน!” เซียเอ๋อร์ฟังแล้วก็ตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็แย้มรอยยิ้มเอ่ยแสดงความยินดีทันที
หลิ่วหมิงผงกศีรษะเล็กน้อย ในใจค่อนข้างตื่นเต้นเช่นกัน
วิชาขั้นท้ายๆ ของเคล็ดวิชากระดูกดำกับน้ำจากแม่น้ำมืดที่เขาปรารถนามาตลอด ในที่สุดวันนี้ก็มีหวังจะได้มาแล้ว
“นายท่าน ยมโลกแห่งนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทางปีศาจร้ายแล้วหรือ?” เฟยเอ๋อร์ฟังจบก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่ผิด แม้ข้าไม่รู้ว่ายมโลกแห่งนี้กับทางปีศาจร้ายมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่พวกเราออกมาจากทางปีศาจร้ายแล้วจริงๆ ปราณหยินที่พวกเจ้ารู้สึกว่าผิดแปลกก่อนหน้านี้ก็คงไม่ใช่ปราณหยินธรรมดา แต่เป็นปราณยมโลกของจริง!” หลิ่วหมิงพยักหน้าให้เขาแล้วยิ้มน้อยๆ ขณะที่เอ่ยตอบ
“ที่แท้ก็เป็นปราณยมโลก มิน่าปราณหยินในที่แห่งนี้จึงบริสุทธิ์เช่นนี้ ต่างจากในทางปีศาจร้ายมาก แต่ในเมื่อนับเป็นปราณหยินชนิดหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้นก็กินอิ่มได้มื้อหนึ่ง!” เฟยเอ๋อร์เผยสีหน้ายินดีปรีดาออกมา ร่างกายขยับวูบเดียววิ่งไปยังจุดที่ปราณหยินหนาที่สุดบริเวณใกล้ๆ แล้วอ้าปากสูบเข้าไปคำโต
หลิ่วหมิงมองไปหาเซียเอ๋อร์ ส่งสัญญาณบอกให้นางไปดูดซับปราณของยมโลกด้วย
ปราณหยินอันบริสุทธิ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต่อให้อสูรเลี้ยงทั้งสองตัวปรารถนาก็หาไม่ได้ บางทีอาจมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากระหว่างการฝึกฝนและการทะลวงคอขวดในภายภาคหน้าของพวกมัน
ช่วงเวลาหลังจากนั้นหลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิ เรียบเรียงข้อมูลที่เหลือในหัวที่ได้มาจากการค้นวิญญาณเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
ดูจากข้อมูลที่ได้จากความทรงจำของคนผู้นี้ เผ่ายมโลกซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกครองยมโลกแห่งนี้แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรกคือผู้ที่ถือกำเนิดขึ้นเองจากปราณยมโลกบริสุทธิ์ของที่แห่งนี้ อีกประเภทหนึ่งคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจากดินแดนอื่นที่กลายสภาพพลังจิตวิญญาณมาหลังสิ้นชีวิต
ทั้งสองกลุ่มนี้รูปลักษณ์ภายนอกล้วนคล้ายคลึงกับคนธรรมดา แต่พวกหลังหน้าตาโดยรวมจะคล้ายกับยามมีชีวิต แล้วยังรักษาความทรงจำตอนยังมีชีวิตบางส่วนเอาไว้ได้อีกด้วย
โดยทั่วไปแล้วเผ่ายมโลกส่วนใหญ่ในยมโลกแห่งนี้ล้วนเป็นพวกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเอง เผ่ายมโลกจำพวกที่กลายสภาพมาจากดินแดนอื่นจำนวนน้อยกว่ามากนัก แต่พลังของเผ่ายมโลกที่กลายสภาพมา ปกติแล้วจะแข็งแกร่งกว่า
ตามปกติแล้วความแข็งแกร่งของเผ่ายมโลกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเองจะถูกกำหนดจากระดับความเข้มข้นและความบริสุทธิ์ของปราณยมโลกที่เขาถือกำเนิดขึ้นมา รวมถึงปัจจัยมากมายเช่นความสว่างของดวงตะวันมืดยามถือกำเนิด ความเร็วในการเกิดสติปัญญาและระดับความสูงต่ำของวิชาที่ฝึกฝน ส่วนเผ่ายมโลกที่กลายสภาพมาจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขารักษาพลังจิตวิญญาณตอนกลายสภาพได้เท่าไร พลังจิตวิญญาณยิ่งมาก การฝึกฝนก็ยิ่งเลื่อนระดับเร็วตามไปด้วย
“ดวงตะวันมืด!”
หลิ่วหมิงคล้ายนึกบางสิ่งออก เขาแหงนหน้ามอง ‘ดวงตะวัน’ ดวงนั้นบนท้องฟ้า ยามนี้เสี้ยวเล็กกระจ้อยเสี้ยวหนึ่งที่เหลืออยู่กำลังเต็มดวงกลับขึ้นมาช้าๆ ผิวของมันเปล่งแสงสายน้อยออกมา
ดวงตะวันมืดดวงนี้ก็คือ ‘ดวงตะวัน’ ของยมโลกแห่งนี้ แต่สิ่งที่มันแผ่ออกมาคือลมปราณที่มืดที่สุดบริสุทธิ์ที่สุด เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยมันจะเหมือนดวงจันทร์ของดินแดนข้างนอก มีสว่าง มืด เต็มดวงเว้าแหว่งเปลี่ยนสลับกันไป มันยังส่งผลกับระดับความเข้มข้นของปราณหยินในโลกแห่งนี้มากยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญในการคงอยู่ของดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงถูกเผ่ายมโลกบูชาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง
ยมโลกแห่งนี้ก็เหมือนดินแดนอื่นด้านนอก นับถือผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าว เมื่อรวมกับการแย่งชิงทรัพยากรการฝึกฝนชนิดต่างๆ ภายในเผ่ายมโลกจึงมีการต่อสู้อยู่ตลอด ไม่เคยว่างเว้น
นอกจากเผ่ายมโลก ทุกมุมของดินแดนแห่งนี้ยังมีภูตผีนานาชนิดอาศัยอยู่ปะปนกัน ไม่ว่าจำนวนชนิดหรือจำนวนประชากรล้วนมากมายมหาศาล
เทียบกับเผ่ายมโลก พลังและสติปัญญาของภูตผีเหล่านี้ล้วนด้อยกว่ามากนัก อีกทั้งร่างกายของภูตผียังดูดซับปราณยมโลกได้แตกต่างจากร่างของเผ่ายมโลกราวฟ้ากับเหว พลังจึงเพิ่มพูนเชื่องช้ามากยิ่ง ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงมักจะถูกเผ่ายมโลกเลี้ยงไว้เหมือนอสูรเลี้ยงของโลกด้านนอก
แต่ภูตผีเหล่านี้มักถูกวิชาลับควบคุมวิญญาณของเผ่ายมโลกควบคุมอยู่ ระหว่างพวกมันกับเจ้านายไม่มีความสัมพันธ์อย่างการผูกพันธสัญญาระหว่างผู้ฝึกฝนกับอสูรเลี้ยง ด้วยเหตุนี้หากเจ้านายสิ้นชีพ หรือมีเผ่ายมโลกที่พลังแข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้วิชาลับควบคุมวิญญาณที่ระดับสูงกว่า ภูตผีเหล่านี้ก็ทรยศเข้าฝ่ายศัตรูได้ตลอดเวลา
แน่นอนนี่เป็นเพียงสถานการณ์ทั่วไป ในหมู่ภูตผีมากมายย่อมมีภูตผีจำนวนน้อยบางส่วนที่แข็งแกร่งไม่เป็นรองยอดฝีมือเผ่ายมโลก สติปัญญาของพวกมันก็สูงยิ่งนัก ไม่ด้อยกว่าผู้มีพลังแข็งแกร่งในเผ่ายมโลกแต่อย่างใด
เนื่องจากถูกเผ่ายมโลกบังคับมาตลอด ดังนั้นภูตผีที่แข็งแกร่งเหล่านี้จึงเคียดแค้นเผ่ายมโลกอย่างยิ่ง เมื่อมีผู้แข็งแกร่งลุกขึ้นเป็นผู้นำ พวกมันก็จะก่อตั้งกลุ่มอำนาจตั้งตนเป็นศัตรูกับเผ่ายมโลก
โดยภาพรวมแล้วด้วยเหตุที่พลังของเผ่ายมโลกแต่เดิมก็ไม่อ่อนแอ ผนวกกับพวกเขามีวิชาลับควบคุมวิญญาณหลากหลายวิชาจึงกำราบภูตผีนานาชนิดได้อย่างสิ้นเชิง แต่กลุ่มอำนาจของภูตผีบางแห่งก็มักอาศัยข้อได้เปรียบด้านจำนวนที่เหนือกว่าอย่างล้นหลาม สู้ชนะเผ่ายมโลกในศึกสงครามบางครั้ง
ทว่าทันทีที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ เผ่ายมโลกจะหยุดต่อสู้กันเองแล้วร่วมมือกันกวาดล้างหรือขับไล่ภูตผีที่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลึกลงไปในดวงตาของหลิ่วหมิงพลันปรากฏแววตาสงสัยและสับสนอยู่เลือนราง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา