ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1065

สรุปบท ตอนที่ 1065 ศึกชุลมุน: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 1065 ศึกชุลมุน – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1065 ศึกชุลมุน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยกับเมืองเลี่ยเยี่ยนเดิมทีกำลังสู้กับผู้คุ้มกันของเมืองเหลิ่งเยวี่ยที่อยู่ใกล้ตัว ยามนี้เมื่อเผ่ายมโลกจากเมืองเหลิ่งเยวี่ยหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วทุกสารทิศจึงถูกพุ่งชนจนปั่นป่วนไปด้วย

“อย่าสับสน รีบกลับมา!”

แม่ทัพระดับแก่นแท้สี่ตนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยพากันร้องคำรามลั่นอย่างร้อนรน แม้พวกเขาอยากถอยหนีเช่นกัน แต่เหลิ่งเหมิงที่เป็นหัวหน้ายังไม่เอ่ยปาก พวกเขาย่อมไม่กล้าหนีออกจากที่นี่จริงๆ

อย่างไรก็ตามหากเหลิ่งหมิงเป็นอะไรไปแล้วของบรรณาการชิ้นนั้นที่ตัวเขาถูกปล้นไป นั่นย่อมเป็นเรื่องใหญ่

หากภายหลังเจ้าเมืองเหลิ่งเยวี่ยรู้ว่าตนหนีทัพยามศัตรูประชิด พวกเขาย่อมตกที่นั่งลำบาก

เจ้าเมืองเพียงทำลายป้ายวิญญาณยมโลกในหอเหลิ่งเยวี่ยที่เมืองซึ่งมีวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของตนติดอยู่ เช่นนั้นต่อให้หนีไปจนถึงแดนมืดแห่งอื่นก็ยากหลีกหนีพ้นจุดจบดวงจิตเสียหายหนัก อย่างเบาระดับพลังถดถอย อย่างหนักวิญญาณแตกสลายกลายเป็นผีเร่ร่อนไร้สติ

ทว่ายามนี้ทหารเสียขวัญ ศัตรูกดดัน ไหนเลยจะยังมีใครฟังคำสั่งพวกเขาอีก

ในตอนนี้เองแม่ทัพยมโลกตนหนึ่งในนั้นผู้สวมชุดเกราะเงินและมวยผมก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัว หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์สูงร้อยจั้งสองตัวปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ

แขนข้างหนึ่งขยับเพียงหนเดียว ฝ่ามือยักษ์ที่ทาบทับเต็มท้องฟ้าใหญ่เท่าตึกข้างหนึ่งพลันตบลงมายังศีรษะ

แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งร่วงใส่ศีรษะของแม่ทัพมืดตนนี้ในพริบตา

แม่ทัพมืดผู้มวยผมตนนี้รู้สึกว่ารอบร่างถูกบีบอัด ร่างกายไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันปราณหยินในร่างก็หยุดนิ่ง

เสียงดังสนั่นแผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นคลอนดังขึ้นครั้งหนึ่ง

อาวุธยมโลกประเภทป้องกันที่เขาเรียกออกมาประสานกับกายเนื้อของเขาอยู่ก่อนแล้ว ถูกฝ่ามือยักษ์สีดำโจมตีจนแหลกเป็นชิ้นอย่างง่ายดายดุจยกฝ่ามือ

“ฟึบ” ปราณดำสายหนึ่งทะลวงผ่านก้อนเลือดเนื้อเละเทะแล้วเหาะหนีไปทิศหนึ่งอย่างสุดชีวิต

หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยื่นนิ้วมหึมานิ้วหนึ่งออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วจี้ดัชนีนิ้วหนึ่งใส่ปราณดำกลางอากาศ

ลูกศรปราณสีดำดอกหนึ่งพุ่งหายวับ ก่อนจะโจมตีปราณสีดำสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันที

ภาพนี้ทำให้แม่ทัพมืดอีกสามตนหน้าถอดสีในทันใด ไหนเลยจะสนใจเหลิ่งเหมิงหรืออย่างอื่นอีก พวกเขาฉวยโอกาสยามที่หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยังไม่ทันโจมตีใส่ตนรีบกระตุ้นเคล็ดวิชากลายเป็นลำแสงหลายสายพุ่งเร็วรี่จากไปไกล

ผู้คุ้มกันหลายตนที่ได้รับคัดเลือกมาอีกด้านหนึ่งเห็นสถานการณ์ภาพรวมแล้วก็พากันเก็บอาวุธยมโลกกับวิชา ฉวยจังหวะชุลมุนหนีไปคนละทิศด้วย

เวลานี้หลิ่วหมิงอยู่นอกวงต่อสู้นานแล้ว เมื่อเขาเห็นสนามรบชุลมุนยิ่งนัก ในใจก็คิดเร็วจี๋ ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาติดตาเลือนรางหลายร่างเหาะหนีไปไกล

เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ยสองตนเสียสมาธิเล็กน้อยเพราะหุ่นระดับดาราพยากรณ์ที่ปรากฏตัวออกมากะทันหัน เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา หลิ่วหมิงก็อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งแล้ว

“เจ้าหนูคิดหนีหรือ? เจ้าจะหนีไปไหน!”

เผ่ายมโลกร่างสูงตวาดลั่น ร่างกายขยับวูบเดียวไล่ตามไปโจมตี

หลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือจี้ดัชนีโดยไม่หันศีรษะกลับไป กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกที่อยู่ด้านหน้าทอแสงสีเทาเจิดจ้ากลายเป็นเงากระบี่สีเทาหน้าตาเหมือนกันทุกประการเจ็ดแปดสายฟันใส่เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ย จากนั้นกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีเทาผืนหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้าทั้งสองตน

ใบหน้าของเผ่ายมโลกร่างสูงฉายแววเหี้ยมโหด สองมือสั่นวูบหนึ่ง ฉาบสองใบก็เปล่งแสงสีดำผืนใหญ่ หมุนติ้วอยู่เบื้องหน้าร่างเขา เสียงกึกๆ ดังกังวานติดกันหลายครั้งพร้อมกับที่สะบั้นเงากระบี่สีเทาทั้งหลายกลายเป็นชิ้นๆ

ชิ้ง!

ฉาบสีดำสองใบฉับพลันประกบเข้าหากันหนีบร่างต้นของกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกเอาไว้

ดวงตาของเผ่ายมโลกร่างสูงทอประกายเหี้ยมเกรียม เขากำลังจะเร่งเร้าพลังของฉาบทั้งสองใบเพื่อสะบั้นกระบี่บินสีเทาเล่มนี้

ทันใดนั้นเองกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกพลันเปล่งแสง กระบี่บินน้อยขนาดเพียงหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งบินออกมาจากกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกดังฟึบ พุ่งเร็วจี๋ทะลุช่องว่างระหว่างฉาบสองใบของเผ่ายมโลกร่างสูงแล้วเสียบเข้าที่ลำคอของเผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่ดุจสายฟ้าแลบ

ความเร็วเพียงชั่วสะเก็ดไฟแลบ!

เผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่หน้าถอดสี ระยะห่างใกล้เช่นนี้อยากหลบก็สายไปแล้ว

ทันใดนั้นแสงสีดำก็พุ่งพรวดมาจากด้านข้าง โจมตีลงบนกระบี่บินน้อยดังติง

กระบี่ลูกสั่นไหว ถูกโจมตีเฉออกไปทันที มันพุ่งทะลุหัวไหล่ซ้ายของเผ่ายมโลกร่างใหญ่ดังฟึบ

หลิ่วหมิงอุทานเสียดายในใจ แต่เพราะเคล็ดวิชาของเผ่ายมโลกร่างสูงผ่อนลงชั่วครู่ ฉาบสองใบจึงสูญกำลังลงมาก

หลิ่วหมิงสะบัดมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกไปทันที กระบี่แม่ส่งเสียงครวญขึ้นครั้งหนึ่งก็ดิ้นหลุดจากตรงกลางระหว่างฉาบแล้วพุ่งเร็วจี๋กลับมาในมือของเขา

เคล็ดกระบี่ในมือเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกแสงสีเทาสายหนึ่งยกลอยขึ้นกลายเป็นแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าเหาะจากไปไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับมา

เผ่ายมโลกร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันเบาๆ แล้วอ้าปากพ่นโลหิตคำหนึ่งออกมา

แม้กระบี่ลูกจะโจมตีไม่ถูกจุดสำคัญของเขา แต่ปราณกระบี่อันแหลมคมก็ยังสร้างความเสียหายให้เส้นลมปราณของเขาประมาณหนึ่ง

“พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็นไรนะ”

เผ่ายมโลกร่างเตี้ยเก็บกรงเล็บอสูรสีดำที่มือไป แสงสีดำสายนั้นเมื่อครู่ เขาเป็นผู้โจมตีออกไปเอง ช่วยชีวิตเผ่ายมโลกร่างสูงไว้ได้เส้นยาแดงผ่าแปด

“ข้าไม่เป็นไร…”

เงาแรดยักษ์ตาเดียวที่กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งผ่านที่ใด อากาศบิดเบี้ยวล้วนเลือนราง มันพุ่งวูบเดียวก็ปรากฏตัวเหนือร่างแม่ทัพมืดเกราะสีฟ้าทั้งสองตน เสียงดุจสายฝนกระทบใบตองดังขึ้นพักหนึ่ง

ลิ่มน้ำแข็งสีฟ้าหม่นที่พวกเขาภาคภูมิใจเหล่านั้นกลับไม่อาจขวางแรดยักษ์ตาเดียวได้แม้แต่น้อย

แต่แรดยักษ์ตาเดียวที่โถมเข้ามาชะลอความเร็วลงเล็กน้อย

แม่ทัพมืดชุดเกราะสีฟ้าสองตนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง ทว่าผู้ที่ฝึกฝนจนบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นต้นย่อมไม่ใช่ผู้ที่ฝีมือธรรมดา พวกเขาฉวยจังหวะนี้อ้าปากพ่นลมปราณหนาทึบคำหนึ่งใส่ธงใหญ่สีฟ้าแวววาวในมือพร้อมกันอย่างไม่ได้นัด เพลิงปราณที่แผ่ออกมาจากธงแผ่กว้างขึ้นในทันใด!

ธงผืนใหญ่สีฟ้าแวววาวทั้งสองคันต่างกลายเป็นหมาป่ายักษ์สีฟ้าใสเป็นประกายตัวหนึ่ง พวกมันกระโจนออกมาหมายจะโรมรันกับเงาแรดยักษ์ตาเดียว

เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยยี่สิบกว่าตนที่ก่อนหน้านี้คิดจะล้อมเข้าไปใกล้ขึ้นก็มองหน้ากัน ไม่กล้าเข้าไปอีก

เหลิ่งเหมิงเห็นเช่นนี้พลันยิ้มหยัน ทวนวงเดือนสีเงินในมือสะบัดทันที

ทันใดนั้นเสียงอสนีบาตก็ฟาดดังกลางฟ้าแจ้ง!

เงาทวนวงเดือนสีเงินมากมายถี่ยิบกวาดออกไปสี่ทิศแปดทาง

ผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกเหล่านั้นหน้าถอดสี ชั่วเวลาฉุกละหุกอยากจะหนีก็ไม่ทันได้หนีไปไหน

เสียงปังดังสนั่นอยู่พักหนึ่ง เผ่ายมโลกยี่สิบกว่าตนถูกเงาของทวนวงเดือนสีเงินที่โหมกระหน่ำดุจคลื่นคลั่งกลืนกลบในพริบตา เสียงกรีดร้องยังไม่ทันดังออกมาก็กลายเป็นเศษเนื้อ

หลังทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น เหลิ่งเหมิงจึงแค่นเสียหยันคำหนึ่ง ทวนวงเดือนสีเงินในมือสะบัดอีกครั้ง ฟาดรุนแรงไปด้านหน้า

เสียงระเบิดดังแสบแก้วหู!

ทวนวงเดือนสีเงินส่ายวูบเดียวก็ใหญ่ขึ้นหลายเท่าจนกลายเป็นรุ้งสีเงินยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่ง วาดผ่านระยะทางสามสิบจั้งราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา อึดใจเดียวทะลวงผ่านหน้าอกของแม่ทัพมืดเกราะสีฟ้าตนนั้นทางด้านซ้ายมืออย่างโหดเหี้ยม

แม่ทัพมืดตนนี้มองเหลิ่งเหมิงที่ยืนตระหง่านอยู่ไกลๆ ดุจเทพสงครามองค์หนึ่งอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วมองรูเลือดที่แทบจะกินทั้งหน้าอกของตน จากนั้นสติพลันเลือนราง สิ้นใจในตอนนั้นเอง

หมาป่ายักษ์สีฟ้าบนท้องนภาที่สูญเสียการสนับสนุนก็หอนโหยหวน สลายตัวตามไปด้วย

หมาป่ายักษ์สีฟ้าใสเพียงตัวเดียวไม่อาจต้านการโจมตีอันดุร้ายของแรดยักษ์ตาเดียวได้แม้แต่น้อย หลังจากผ่านไปเพียงลมหายใจหนึ่งมันก็ถูกนอสีเงินบนหัวของแรดยักษ์เสยจนสลายไปดุจเดียวกัน

เมื่อแม่ทัพมืดเกราะฟ้าอีกตนหนึ่งตั้งสติได้ เขาก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีแสงสีเงินสว่างวาบ ร่างกายถูกแรดยักษ์ตาเดียวโถมเข้าใส่แล้วทะลวงผ่านร่างไป

แม่ทัพมืดระดับแก่นแท้สองตนกับผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกยี่สิบกว่าตนจากเมืองหานสุ่ยถูกเหลิ่งเหมิงสังหารในเวลาไม่กี่ลมหายใจ นี่ทำให้เผ่ายมโลกตนอื่นที่เดิมทีแย่งกันรุมล้อมเข้ามาเงียบกริบดุจจักจั่นยามเหมันต์

ตอนนี้ในสายตาพวกเขาเหลิ่งเหมิงผู้สูงถึงสามจั้งและถือทวนวงเดือนสีเงินอยู่ในมือผู้นั้นประดุจดั่งเทพแห่งการสังหาร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา