เผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยกับเมืองเลี่ยเยี่ยนเดิมทีกำลังสู้กับผู้คุ้มกันของเมืองเหลิ่งเยวี่ยที่อยู่ใกล้ตัว ยามนี้เมื่อเผ่ายมโลกจากเมืองเหลิ่งเยวี่ยหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วทุกสารทิศจึงถูกพุ่งชนจนปั่นป่วนไปด้วย
“อย่าสับสน รีบกลับมา!”
แม่ทัพระดับแก่นแท้สี่ตนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยพากันร้องคำรามลั่นอย่างร้อนรน แม้พวกเขาอยากถอยหนีเช่นกัน แต่เหลิ่งเหมิงที่เป็นหัวหน้ายังไม่เอ่ยปาก พวกเขาย่อมไม่กล้าหนีออกจากที่นี่จริงๆ
อย่างไรก็ตามหากเหลิ่งหมิงเป็นอะไรไปแล้วของบรรณาการชิ้นนั้นที่ตัวเขาถูกปล้นไป นั่นย่อมเป็นเรื่องใหญ่
หากภายหลังเจ้าเมืองเหลิ่งเยวี่ยรู้ว่าตนหนีทัพยามศัตรูประชิด พวกเขาย่อมตกที่นั่งลำบาก
เจ้าเมืองเพียงทำลายป้ายวิญญาณยมโลกในหอเหลิ่งเยวี่ยที่เมืองซึ่งมีวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของตนติดอยู่ เช่นนั้นต่อให้หนีไปจนถึงแดนมืดแห่งอื่นก็ยากหลีกหนีพ้นจุดจบดวงจิตเสียหายหนัก อย่างเบาระดับพลังถดถอย อย่างหนักวิญญาณแตกสลายกลายเป็นผีเร่ร่อนไร้สติ
ทว่ายามนี้ทหารเสียขวัญ ศัตรูกดดัน ไหนเลยจะยังมีใครฟังคำสั่งพวกเขาอีก
ในตอนนี้เองแม่ทัพยมโลกตนหนึ่งในนั้นผู้สวมชุดเกราะเงินและมวยผมก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัว หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์สูงร้อยจั้งสองตัวปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ
แขนข้างหนึ่งขยับเพียงหนเดียว ฝ่ามือยักษ์ที่ทาบทับเต็มท้องฟ้าใหญ่เท่าตึกข้างหนึ่งพลันตบลงมายังศีรษะ
แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งร่วงใส่ศีรษะของแม่ทัพมืดตนนี้ในพริบตา
แม่ทัพมืดผู้มวยผมตนนี้รู้สึกว่ารอบร่างถูกบีบอัด ร่างกายไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันปราณหยินในร่างก็หยุดนิ่ง
เสียงดังสนั่นแผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นคลอนดังขึ้นครั้งหนึ่ง
อาวุธยมโลกประเภทป้องกันที่เขาเรียกออกมาประสานกับกายเนื้อของเขาอยู่ก่อนแล้ว ถูกฝ่ามือยักษ์สีดำโจมตีจนแหลกเป็นชิ้นอย่างง่ายดายดุจยกฝ่ามือ
“ฟึบ” ปราณดำสายหนึ่งทะลวงผ่านก้อนเลือดเนื้อเละเทะแล้วเหาะหนีไปทิศหนึ่งอย่างสุดชีวิต
หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยื่นนิ้วมหึมานิ้วหนึ่งออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วจี้ดัชนีนิ้วหนึ่งใส่ปราณดำกลางอากาศ
ลูกศรปราณสีดำดอกหนึ่งพุ่งหายวับ ก่อนจะโจมตีปราณสีดำสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันที
ภาพนี้ทำให้แม่ทัพมืดอีกสามตนหน้าถอดสีในทันใด ไหนเลยจะสนใจเหลิ่งเหมิงหรืออย่างอื่นอีก พวกเขาฉวยโอกาสยามที่หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยังไม่ทันโจมตีใส่ตนรีบกระตุ้นเคล็ดวิชากลายเป็นลำแสงหลายสายพุ่งเร็วรี่จากไปไกล
ผู้คุ้มกันหลายตนที่ได้รับคัดเลือกมาอีกด้านหนึ่งเห็นสถานการณ์ภาพรวมแล้วก็พากันเก็บอาวุธยมโลกกับวิชา ฉวยจังหวะชุลมุนหนีไปคนละทิศด้วย
เวลานี้หลิ่วหมิงอยู่นอกวงต่อสู้นานแล้ว เมื่อเขาเห็นสนามรบชุลมุนยิ่งนัก ในใจก็คิดเร็วจี๋ ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาติดตาเลือนรางหลายร่างเหาะหนีไปไกล
เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ยสองตนเสียสมาธิเล็กน้อยเพราะหุ่นระดับดาราพยากรณ์ที่ปรากฏตัวออกมากะทันหัน เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา หลิ่วหมิงก็อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งแล้ว
“เจ้าหนูคิดหนีหรือ? เจ้าจะหนีไปไหน!”
เผ่ายมโลกร่างสูงตวาดลั่น ร่างกายขยับวูบเดียวไล่ตามไปโจมตี
หลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือจี้ดัชนีโดยไม่หันศีรษะกลับไป กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกที่อยู่ด้านหน้าทอแสงสีเทาเจิดจ้ากลายเป็นเงากระบี่สีเทาหน้าตาเหมือนกันทุกประการเจ็ดแปดสายฟันใส่เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ย จากนั้นกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีเทาผืนหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้าทั้งสองตน
ใบหน้าของเผ่ายมโลกร่างสูงฉายแววเหี้ยมโหด สองมือสั่นวูบหนึ่ง ฉาบสองใบก็เปล่งแสงสีดำผืนใหญ่ หมุนติ้วอยู่เบื้องหน้าร่างเขา เสียงกึกๆ ดังกังวานติดกันหลายครั้งพร้อมกับที่สะบั้นเงากระบี่สีเทาทั้งหลายกลายเป็นชิ้นๆ
ชิ้ง!
ฉาบสีดำสองใบฉับพลันประกบเข้าหากันหนีบร่างต้นของกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกเอาไว้
ดวงตาของเผ่ายมโลกร่างสูงทอประกายเหี้ยมเกรียม เขากำลังจะเร่งเร้าพลังของฉาบทั้งสองใบเพื่อสะบั้นกระบี่บินสีเทาเล่มนี้
ทันใดนั้นเองกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกพลันเปล่งแสง กระบี่บินน้อยขนาดเพียงหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งบินออกมาจากกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกดังฟึบ พุ่งเร็วจี๋ทะลุช่องว่างระหว่างฉาบสองใบของเผ่ายมโลกร่างสูงแล้วเสียบเข้าที่ลำคอของเผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่ดุจสายฟ้าแลบ
ความเร็วเพียงชั่วสะเก็ดไฟแลบ!
เผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่หน้าถอดสี ระยะห่างใกล้เช่นนี้อยากหลบก็สายไปแล้ว
ทันใดนั้นแสงสีดำก็พุ่งพรวดมาจากด้านข้าง โจมตีลงบนกระบี่บินน้อยดังติง
กระบี่ลูกสั่นไหว ถูกโจมตีเฉออกไปทันที มันพุ่งทะลุหัวไหล่ซ้ายของเผ่ายมโลกร่างใหญ่ดังฟึบ
หลิ่วหมิงอุทานเสียดายในใจ แต่เพราะเคล็ดวิชาของเผ่ายมโลกร่างสูงผ่อนลงชั่วครู่ ฉาบสองใบจึงสูญกำลังลงมาก
หลิ่วหมิงสะบัดมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกไปทันที กระบี่แม่ส่งเสียงครวญขึ้นครั้งหนึ่งก็ดิ้นหลุดจากตรงกลางระหว่างฉาบแล้วพุ่งเร็วจี๋กลับมาในมือของเขา
เคล็ดกระบี่ในมือเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกแสงสีเทาสายหนึ่งยกลอยขึ้นกลายเป็นแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าเหาะจากไปไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับมา
เผ่ายมโลกร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันเบาๆ แล้วอ้าปากพ่นโลหิตคำหนึ่งออกมา
แม้กระบี่ลูกจะโจมตีไม่ถูกจุดสำคัญของเขา แต่ปราณกระบี่อันแหลมคมก็ยังสร้างความเสียหายให้เส้นลมปราณของเขาประมาณหนึ่ง
“พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็นไรนะ”
เผ่ายมโลกร่างเตี้ยเก็บกรงเล็บอสูรสีดำที่มือไป แสงสีดำสายนั้นเมื่อครู่ เขาเป็นผู้โจมตีออกไปเอง ช่วยชีวิตเผ่ายมโลกร่างสูงไว้ได้เส้นยาแดงผ่าแปด
“ข้าไม่เป็นไร…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา