ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1073

“โฮก!”

ในตอนนี้เองเชอฮ่วนก็คำรามเบาๆ ร่างกายสั่นไหววูบหนึ่งจากนั้นแตกสลายกลายเป็นละอองแสงสีน้ำเงิน สุดท้ายกลายเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งลอยเข้าไปในหัวไหล่ของเขา หายไปไร้ร่องรอย

หลิ่วหมิงสีหน้าตะลึงอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็ยิ้มเจื่อน

นี่ยังไม่ถึงครึ่งเค่อ ร่างแยกเชอฮ่วนตัวนี้ก็สลายไปเองแล้ว

ในชั่วเวลาสั้นๆ นี้พลังเวทในร่างของเขาถูกผลาญไปอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงสามส่วน

ต้องรู้ว่าพลังเวทในร่างของหลิ่วหมิงถูกกลั่นใน “กรงขัง” มาหลายครั้งแล้ว พลังเวทเปี่ยมล้นเหนือกว่าระดับเดียวกันหลายเท่า

“ช่างเถิด แม้เวลาจะสั้นไปบ้าง แต่ถือว่ามันเป็นวิชาที่ใช้โจมตีครั้งเดียวก่อนก็แล้วกัน หากจะใช้ต่อกรกับศัตรูจริงๆ เกรงว่าคงต้องหลังเข้าสู่ระดับแก่นแท้” หลิ่วหมิงพึมพำปลอบตนเอง

จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม เขากินโอสถฟื้นพลังเวทเม็ดหนึ่งแล้วหยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงสองก้อนออกมากำไว้ข้างละก้อนฟื้นฟูพลังเวท

ผ่านไปเกือบครึ่งวัน เขารู้สึกได้ว่าพลังเวทในร่างฟื้นกลับมาเจ็ดแปดส่วนแล้วจึงลุกขึ้นยืนทันที

ตอนนี้ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนเข้าสู่ระดับสมบูรณ์แบบแล้ว เขาย่อมไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ เขาพลิกมือเรียกแผนที่แผ่นหยกที่บุรุษวัยกลางคนชุดสีน้ำเงินมอบให้ออกมาแล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไป

หนึ่งเค่อหลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็พุ่งออกจากถ้ำ กลายเป็นลำแสงสีดำเส้นหนึ่งเหาะไปยังทิศหนึ่งลึกเข้าไปในหุบเขาสิ้นสูญ พริบตาเดียวหายลับไปยังขอบฟ้า

หลิ่วหมิงใช้เวลานานหลายวันมุ่งไปตามแผนที่ซึ่งชิงหลานวาดไว้ให้เขากว่าจะตัดผ่านหุบเขาสิ้นสูญออกมาได้

ระหว่างนี้เขาพบการปะทุของปราณสิ้นสูญหลายครั้ง โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาคาดไว้ไม่ผิด ปราณสิ้นสูญมีผลกับเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ได้พลังเวทหายไปหมดดังเช่นเผ่ายมโลกและเหล่าภูตผีในเรื่องเล่า

หลังออกจากหุบเขาสิ้นสูญ เบื้องหน้าก็เป็นหมู่เขากว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง จากที่เขียนไว้บนแผนที่เมื่อผ่านหมู่เขาแห่งนี้ไปก็จะถึงเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเขา ที่ลุ่มแม่น้ำมืดเส้นนั้น

หลิ่วหมิงกดเก็บอารมณ์ตื่นเต้นยินดีในใจ แล้วแผ่จิตสัมผัสครอบคลุมบริเวณหลายสิบลี้รอบด้าน

หมู่เขาแห่งนี้ความจริงก็นับว่าอยู่ในบริเวณแม่น้ำมืด จากข่าวที่เขาสืบมา ใกล้กับเขตแม่น้ำมืดสายนั้นมีอสูรแห่งความมืดที่ร้ายกาจจำนวนมากอาศัยอยู่ นับว่าเป็นเขตอันตรายที่ยากจะมีคนย่างกรายอีกแห่งหนึ่งของยมโลก

จะว่าไปแล้วแม่น้ำมืดของยมโลกแห่งนี้ก็เทียบเท่ากับชีพจรจิตวิญญาณใต้ดินในโลกมนุษย์ มันคือแหล่งกำเนิดปราณหยินของดินแดนยมโลก แม่น้ำมืดส่วนใหญ่ล้วนซ่อนอยู่ลึกลงไปใต้ดิน มีเพียงส่วนน้อยที่โผล่ขึ้นมาบนผิวดิน

หลิ่วหมิงยังไม่ทันไปถึงแม่น้ำมืดก็สัมผัสได้อย่างว่องไวว่าปราณหยินในอากาศรอบด้านค่อยๆ เข้มข้นและบ้าคลั่งขึ้น

ปราณหยินที่เกรี้ยวกราดเช่นนี้ แม้แต่ชาวเผ่ายมโลกยังยากจะนำมาใช้โดยตรง ดังนั้นแม้ว่าปราณหยินในเขตแม่น้ำมืดจะเข้มข้น แต่กลุ่มอำนาจเผ่ายมโลกก็ไม่เลือกสร้างเมืองที่นี่ นี่จึงทำให้แม่น้ำมืดส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลจากกลุ่มอำนาจใหญ่แต่ละแห่งของเผ่ายมโลก

มีเพียงอสูรแห่งความมืดที่กายเนื้อเหนือกว่าเผ่ายมโลกจำนวนหนึ่งจึงจะทนอาศัยอยู่ท่ามกลางปราณหยินที่รุนแรงและบริสุทธิ์เช่นนี้ได้

แต่ก็เพราะสาเหตุนี้เอง แม้อสูรแห่งความมืดที่อาศัยอยู่ในเขตแม่น้ำมืดจะพลังไม่อ่อนแอแต่สติปัญญาค่อนข้างต่ำ นิสัยดุร้ายกระหายเลือดผิดธรรมดา

หลิ่วหมิงเหาะเรี่ยพื้นอย่างระมัดระวังอยู่หลายวัน เขาสังหารอสูรแห่งความมืดตามรายทางไปหลายตัว สุดท้ายแม่น้ำใหญ่สีดำสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

หลังจากที่เขาตรวจสอบว่าใกล้ๆ แล้วว่าไม่มีความผิดปกติก็กระตุ้นลำแสงเหาะไปด้านหน้า

……

เวลานี้หลิ่วหมิงกำลังเหาะอยู่บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำสีดำอันเชี่ยวกราก สองตาหรี่ลงจดจ้องน้ำสีดำสนิทในแม่น้ำที่ไหลซู่ซ่าอยู่ใต้เท้า สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด

แม่น้ำมืดนี้แม้จะเรียกว่าแม่น้ำแต่กลับเป็นเหมือนมหาสมุทรกว้าง ทอดสายตามองไปไม่เห็นอีกฝั่งสักนิด ได้แต่คาดคะเนหัวท้ายจากทิศทางการไหลของกระแสน้ำเท่านั้น

น้ำในแม่น้ำดำสนิทดุจหมึก แม้แต่จิตสัมผัสของหลิ่วหมิงก็หยั่งลงไปได้เพียงไม่กี่จั้งก่อนจะพบว่าแม่น้ำแห่งนี้ผิวน้ำแลดูนิ่งสงบ แต่ความจริงข้างใต้กระแสน้ำเชี่ยวกราก

นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้เขายังมองเห็นน้ำวนขนาดต่างๆ กันสิบว่าลูกกระจายอยู่ทั่ว ลูกใหญ่ขนาดถึงห้าหกสิบจั้ง ลูกเล็กก็ขนาดราวเจ็ดแปดจั้ง พวกมันหมุนวนเชื่องช้ายิ่งนักทำให้น้ำสีดำนี้ดูเหนียวข้นอย่างยิ่ง

หลิ่วหมิงขยับกายเหาะไปตามทิศทางการไหลของแม่น้ำมืด ผลปรากฏว่าตลอดแม่น้ำมืดสายนี้สภาพไม่แตกต่างกันเท่าใด จำนวนน้ำวนบางเขตมากกว่าด้วยซ้ำ

เมื่อหาจุดที่น้ำวนค่อนข้างน้อยแห่งหนึ่งพบ เขาก็รอคอยอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอันใดจึงสะบัดแขนเสื้อ ยันต์สีเทาแผ่นหนึ่งร่วงลงในมือ เขาฉีกยันต์จนขาด แสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งล้อมตัวเขาเอาไว้

หลังจากนั้นเขาก็ขยับเบาๆ ครั้งหนึ่ง ร่างกายกลายเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งร่วงลงไปเบื้องล่าง

ขณะที่อยู่ห่างจากน้ำในแม่น้ำมืดเบื้องล่างไม่กี่จั้ง เขาก็หยุด

ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งซัดสาดมาจากทั่วทุกสารทิศ ในเวลาเดียวกันนั้นหลิ่วหมิงพลันรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งคล้ายในน้ำสีดำสนิทด้านล่างมีแรงดึงดูดล่องหนสายหนึ่งกำลังลากเขาลงไป แม้แต่เกราะป้องกันสีน้ำเงินที่คุ้มครองเขาอยู่ก็บิดเบี้ยวผิดรูป ไอน้ำสีดำสายน้อยซึมผ่านรอยแตกเล็กๆ บนเกราะเข้ามาด้านในไม่หยุด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจพลันหวาดหวั่น เขารีบเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่สองมืออย่างต่อเนื่อง หมอกสีดำทะลักออกมาจากร่างจนอัดแน่นเต็มเกราะป้องกัน อาศัยพลังเวทอันแข็งแกร่งของเขาสะกดไอน้ำสีดำที่เคลื่อนไหวไม่หยุดรอบด้านเอาไว้อย่างทื่อๆ

เวลาผ่านไปถึงหนึ่งก้านธูปเต็มๆ หลิ่วหมิงจึงค่อยๆ ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้

“น้ำจากแม่น้ำมืดช่างลี้ลับยิ่งนักจริงๆ”

หลิ่วหมิงลอบพึมพำกับตนเองหลายประโยคก่อนจะหลับตาลง ในสมองเริ่มนึกถึงเคล็ดวิชาพันกลั่นวารี

เขาท่องเคล็ดวิชาอย่างเงียบๆ อยู่หลายรอบ หลังจากมั่นใจว่าไม่พลาดสิ่งใดแล้ว จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง สองแขนกางออกแล้วชูขึ้นสูง พร้อมกับที่ปากท่องมนตร์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา