เข้าสู่ระบบผ่าน

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1122

“หลิ่วหมิง ที่แท้ก็เจ้าเอง!”

ในตอนนี้เองสตรีอาภรณ์สีทองทางฝั่งขวาก็เหมือนนึกบางสิ่งออก นางคำรามโกรธเกรี้ยว แสงสีทองแผ่ออกมาทั่วร่าง

หลิ่วหมิงในใจหวาดหวั่น ฉับพลันรู้สึกว่าแรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งตรึงร่างตนเองไว้ในพริบตา

“ช้าก่อน!”

ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดทางฝั่งซ้ายเห็นสถานการณ์พลันเลิกคิ้ว โบกมือส่งเม็ดทรายสีเทาแถบหนึ่งออกมากลายเป็นมือขนาดยักษ์คว้าฉินอีฝานที่ทำหน้าสับสนอยู่ข้างกายหลิ่วหมิงแยกออกไปทันที

เงาเลือนรางหายวับ จากนั้นเงาสีทองร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวไม่ไกลด้านหน้าหลิ่วหมิงประหนึ่งเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา เงากรงเล็บสีทองข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้านเข้าใส่หน้าอกของหลิ่วหมิงด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

หลิ่วหมิงมุมปากกระตุก ร่างกายเลือนหายไปจากที่เดิมในทันใด

เงากรงเล็บตวัดผ่านเงาติดตาที่หลิ่วหมิงทิ้งเอาไว้ พลาดเป้าอย่างสิ้นเชิง

อึดใจต่อมาหลิ่วหมิงก็ปรากฏกายด้านหลังหญิงสาวอาภรณ์สีทอง

หญิงสาวอาภรณ์สีทองปฏิกิริยาว่องไวอย่างที่สุด นางรั้งมือกลับ ร่างกายเบี่ยงออกด้านข้างไวปานสายฟ้าแลบ แล้วตบใส่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง

หลิ่วหมิงไม่ถอยแต่กลับรุกเข้าไปในพริบตา แขนข้างหนึ่งหนาขึ้นอย่างฉับพลันแล้วคว้าแขนที่ยื่นมาของหญิงสาวเอาไว้ทันที

หญิงสาวอาภรณ์สีทองรู้สึกว่าเรี่ยวแรงมหาศาลจู่โจมลงบนแขน ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่อาจชักแขนออกจากมือของหลิ่วหมิงได้ นางอดไม่ได้นึกหวั่นใจ แต่ทันใดนั้นนางก็คำรามเกรี้ยวกราดออกมาอีกหน

“เจ้าหนู ตอนนั้นเจ้าทำลายร่างแยกของข้า วันนี้จงเอาชีวิตมาใช้คืน!”

หญิงสาวอาภรณ์สีทองสะบัดศีรษะ เส้นผมสีดำเล็กละเอียดฉับพลันทยอยกลายเป็นอสรพิษสีเขียวที่ประหนึ่งมีชีวิตตัวแล้วตัวเล่าพุ่งใส่หลิ่วหมิงอย่างเร็วไว

“ผู้อาวุโสจินหมาน!”

ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายดุดันทันที ในที่สุดเขาก็รู้ตัวตนของอีกฝ่าย ฉับพลันหมอกสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากทั่วร่าง ขณะที่ปราณสีดำผุดจากฝ่ามืออีกข้างกลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีดำข้างหนึ่งสวนเข้าใส่

เสียงปะทะหนักหน่วงดังขึ้นครั้งหนึ่ง!

แสงสีเขียวกับปราณสีดำปะทะพัวพันกันไม่หยุดทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ภายในตำหนักศิลาปั่นป่วน ผนังหินทั้งสี่ด้านของตำหนักหลังใหญ่ถูกแรงกระแทกทำให้เกิดรอยร้าวเส้นเล็กเส้นน้อย ทว่าหลังจากผิวผนังเปล่งแสงสีเทาวูบหนึ่งก็สมานกลายเป็นเหมือนเก่าก่อน

เพลิงปราณสองสีสลายไปอย่างรวดเร็ว แม้แรงปะทะมากมายยิ่งนัก แต่ย่อมทำอันตรายผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์กับหลิ่วหมิงผู้มีกายเนื้อแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ได้

ตอนนี้หลิ่วหมิงทำสีหน้าเรียบเฉยยืนอยู่ที่เดิม

นับตั้งแต่ผู้อาวุโสจินหมานลงมือจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบผ่านไปเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น เหตุการณ์กะทันหันครั้งนี้ทำให้ทุกคนรวมถึงผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์สามคนตรงที่นั่งผู้นำรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง

หลิ่วหมิงซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่งกลับรับหนึ่งการโจมตีจากระดับดาราพยากรณ์ได้อย่างสบายๆ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในตำหนักตาโตพูดไม่ออก

ผู้อาวุโสจินหมานเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไม่น้อย นางโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม สองมือทำท่าเคล็ดวิชา สองตาเรืองแสงสีทองทันที

ทันใดนั้นเสียงระเบิดประหนึ่งอสนีบาตคำรามก็ดังขึ้นรอบทิศ รอบตัวนางมีแสงสีทองเจิดจ้าจุดแล้วจุดเล่าปรากฏขึ้น

หลิ่วหมิงรู้สึกถึงคลื่นพลังจิตวิญญาณอันรุนแรงที่ส่งผ่านมาจากอากาศรอบตัว “ฟึบๆ” เสียงแหวกอากาศดังขึ้น แสงสีทองฝั่งตรงข้ามประสานกันเป็นตาข่ายสีทองขนาดใหญ่ผืนหนึ่งครอบลงมาหาเขา

เขาตอบสนองอย่างว่องไว หมอกสีดำพลุ่งพล่านทั่วร่าง เสียงมังกรคำรามก้องฟ้าหลายหนดังออกมาจากด้านใน มังกรหมอกสีดำหลายตัวแย่งชิงกันเหาะออกจากหมอกสีดำแล้วพุ่งเข้าใส่ตาข่ายสีทองผืนใหญ่ที่ร่วงลงมา

สองฝั่งปะทะกัน แสงสีทองกับปราณสีดำพัวพันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

ทันทีที่ตาข่ายสีทองผืนใหญ่เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ปราณสีดำที่สัมผัสโดนมันก็พังทลายทีละนิดประหนึ่งน้ำแข็งละลาย

แต่ตาข่ายใหญ่สีทองเองก็ร่วงลงมาไม่ได้เพราะเหตุนี้ด้วย มันถูกปราณสีดำที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสายขวางไว้กลางอากาศ

“ทั้งสองท่านหยุดมือได้แล้ว!”

ในตอนนี้เองเงาสีเทาร่างหนึ่งก็โฉบมาปรากฏตัวระหว่างกลางทั้งสองคน เมื่อแสงสีเทาดับลง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายผ่านพิภพผู้นั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นส่งเส้นไหมเรียวเล็กสีเงินเส้นหนึ่งเข้าไปแทรกระหว่างกลางตาข่ายสีทองกับมังกรหมอกสีดำ

“ฮ่าๆ ครั้งนี้ศิษย์หลานฉินรอดออกมาจากวงล้อมของแมลงยักษ์ได้ต้องขอบคุณสหายหลิ่วยิ่งนักที่ลงมือช่วยเหลือ ได้ยินว่าสหายหลิ่วอาศัยกำลังของตนเองเพียงลำพังปราบแมลงยักษ์ระดับแก่นแท้ได้ พลังไม่ธรรมดาจริงๆ” ทันใดนั้นบุรุษชุดเทาจากนิกายทรายรังสรรค์ก็เดินเข้ามาหาแล้วแย้มร้อยยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับหลิ่วหมิง

“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว ผู้เยาว์เพียงบังเอิญผ่านทางจึงสบโอกาสลงมือช่วยเหลือเท่านั้น ในเมื่อพี่ฉินมาถึงที่นี่ได้อย่างราบรื่น ผู้แซ่หลิ่วก็วางใจแล้ว” หลิ่วหมิงยิ้มตอบพลางประสานมือให้เขา

“ฟังคำพูดของสหายหลิ่วเหมือนต้องการไปจากที่นี่หรือ? ยามนี้พวกต่างเผ่ารกุราน ข้างนอกอันตรายซุ่มซ่อนรอบด้าน สหายหลิ่วไม่สู้อยู่ร่วมต่อต้านแมลงยักษ์ด้วยกันกับพวกเรา หลังจากแมลงยักษ์ล่าถอย พันธมิตรย่อมนับความชอบแจกจ่ายรางวัลแน่นอน” บุรุษชุดเทาจากนิกายทรายรังสรรค์กลับเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

ผู้อาวุโสเฟิงจากนิกายผ่านพิภพก็มองมายังหลิ่วหมิงคล้ายกำลังรอคอยคำตอบของเขาเช่นเดียวกัน

บุรุษหน้าราชสีห์จากหุบเขาปีศาจสวรรค์กลับมีท่าทีวางเฉย แต่สายตาที่มองมาหาหลิ่วหมิงมีแววตาครุ่นคิดพาดผ่านไปเป็นระยะ

ใบหน้าของหลิ่วหมิงเผยสีหน้าครุ่นคิด ในใจความคิดแล่นเร็วจี๋ไม่หยุด

ในเมื่อเขาขัดแย้งกับผู้อาวุโสจินหมานแล้ว หากจะอาศัยเหตุนี้บอกปัดออกจากที่แห่งนี้ย่อมไม่ยาก แต่ดูจากปฏิกิริยาวันนี้ของผู้อาวุโสจินหมาน เห็นชัดว่าคงไม่เลิกราโดยดี อีกประการหนึ่งแมลงยักษ์ที่แห่กันมามืดฟ้ามัวดินด้านนอกเหล่านั้นก็อันตรายไม่น้อยจริงๆ ไม่สู้อยู่ที่นี่ทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันดีกว่า

ขณะที่หลิ่วหมิงลังเล บุรุษหน้าราชสีห์ที่มองดูด้วยแววตาเย็นชาอยู่ด้านข้างมาตลอดก็เอ่ยปากในที่สุด

“หลิ่วหมิง ข้าก็ว่าเหตุใดชื่อนี้จึงคุ้นหู เจ้าก็คือศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์คนนั้นที่ได้อันดับหนึ่งในการจัดอันดับงานประตูสวรรค์เมื่อครั้งก่อนสินะ ยามนี้พวกต่างเผ่าจากดินแดนอื่นรุกราน นานเข้าคงกระทบไปทั่วทั้งแผ่นดินจงเทียน พวกเราส่งสาส์นขอความช่วยเหลือไปยังนิกายยอดบริสุทธิ์แล้ว หากไม่จำเป็น สหายหลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งกลับนิกาย รอผู้อาวุโสคนอื่นของนิกายเจ้าเดินทางมาถึงที่นี่ค่อยจากไปก็ไม่สาย”

เสียงของบุรุษใบหน้าราชสีห์ดังกังวานดุจระฆัง พลังข่มขวัญรุนแรงนัก ท่าทางเหมือนไม่ยินยอมให้หลิ่วหมิงปฏิเสธ

“พวกเราไม่ได้ออกจากแดนใต้แห่งนี้จึงไม่ทราบว่าสหายหลิ่วเป็นถึงศิษย์ผู้โดดเด่นจากงานประตูสวรรค์เมื่อครั้งนั้น มิน่าพลังจึงเหนือผู้อื่นเช่นนี้ เอาเช่นนี้เถิด พลังของสหายเพียงพออยู่ต่อในห้องโถงประชุมแห่งนี้ ไม่สู้หารือแผนการต่อต้านแมลงยักษ์ร่วมกันกับพวกเราก่อน แล้วค่อยวางแผนอย่างอื่นก็ไม่สาย” ผู้อาวุโสเฟิงแห่งนิกายผ่านพิภพได้ยิน ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่งแล้วเอ่ยรับลูกทันที

เมื่อคำนี้เอ่ยออกมาผู้ฝึกฝนในห้องโถงทั้งหมดต่างพากันพยักหน้า ผู้อาวุโสเฟิงกับบุรุษใบหน้าราชสีห์ก็ไม่มีทีท่าคัดค้าน

ส่วนหลิ่วหมิงในใจอึ้งเล็กน้อย

แม้เขาคาดไว้แล้วว่าผู้อาวุโสสูงสุดระดับดาราพยากรณ์สามคนตรงหน้าคงจะรั้งตนไว้ช่วยรบ แต่เรื่องสำคัญเช่นการหารือแผนการเช่นนี้ไม่สมควรให้ตนผู้เป็นคนนอกผู้นี้เข้าร่วมกระมัง

หลังจากปฏิเสธเป็นมารยาทอีกสองสามประโยค สุดท้ายหลิ่วหมิงก็อยู่ต่อ เขาหาเก้าอี้ศิลาว่างตัวหนึ่งนั่งลง คนอื่นที่เหลือต่างก็นั่งลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา