“หลิ่วหมิง ที่แท้ก็เจ้าเอง!”
ในตอนนี้เองสตรีอาภรณ์สีทองทางฝั่งขวาก็เหมือนนึกบางสิ่งออก นางคำรามโกรธเกรี้ยว แสงสีทองแผ่ออกมาทั่วร่าง
หลิ่วหมิงในใจหวาดหวั่น ฉับพลันรู้สึกว่าแรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งตรึงร่างตนเองไว้ในพริบตา
“ช้าก่อน!”
ผู้เฒ่าหางคิ้วเชิดทางฝั่งซ้ายเห็นสถานการณ์พลันเลิกคิ้ว โบกมือส่งเม็ดทรายสีเทาแถบหนึ่งออกมากลายเป็นมือขนาดยักษ์คว้าฉินอีฝานที่ทำหน้าสับสนอยู่ข้างกายหลิ่วหมิงแยกออกไปทันที
เงาเลือนรางหายวับ จากนั้นเงาสีทองร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวไม่ไกลด้านหน้าหลิ่วหมิงประหนึ่งเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา เงากรงเล็บสีทองข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้านเข้าใส่หน้าอกของหลิ่วหมิงด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
หลิ่วหมิงมุมปากกระตุก ร่างกายเลือนหายไปจากที่เดิมในทันใด
เงากรงเล็บตวัดผ่านเงาติดตาที่หลิ่วหมิงทิ้งเอาไว้ พลาดเป้าอย่างสิ้นเชิง
อึดใจต่อมาหลิ่วหมิงก็ปรากฏกายด้านหลังหญิงสาวอาภรณ์สีทอง
หญิงสาวอาภรณ์สีทองปฏิกิริยาว่องไวอย่างที่สุด นางรั้งมือกลับ ร่างกายเบี่ยงออกด้านข้างไวปานสายฟ้าแลบ แล้วตบใส่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง
หลิ่วหมิงไม่ถอยแต่กลับรุกเข้าไปในพริบตา แขนข้างหนึ่งหนาขึ้นอย่างฉับพลันแล้วคว้าแขนที่ยื่นมาของหญิงสาวเอาไว้ทันที
หญิงสาวอาภรณ์สีทองรู้สึกว่าเรี่ยวแรงมหาศาลจู่โจมลงบนแขน ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่อาจชักแขนออกจากมือของหลิ่วหมิงได้ นางอดไม่ได้นึกหวั่นใจ แต่ทันใดนั้นนางก็คำรามเกรี้ยวกราดออกมาอีกหน
“เจ้าหนู ตอนนั้นเจ้าทำลายร่างแยกของข้า วันนี้จงเอาชีวิตมาใช้คืน!”
หญิงสาวอาภรณ์สีทองสะบัดศีรษะ เส้นผมสีดำเล็กละเอียดฉับพลันทยอยกลายเป็นอสรพิษสีเขียวที่ประหนึ่งมีชีวิตตัวแล้วตัวเล่าพุ่งใส่หลิ่วหมิงอย่างเร็วไว
“ผู้อาวุโสจินหมาน!”
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายดุดันทันที ในที่สุดเขาก็รู้ตัวตนของอีกฝ่าย ฉับพลันหมอกสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากทั่วร่าง ขณะที่ปราณสีดำผุดจากฝ่ามืออีกข้างกลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีดำข้างหนึ่งสวนเข้าใส่
เสียงปะทะหนักหน่วงดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แสงสีเขียวกับปราณสีดำปะทะพัวพันกันไม่หยุดทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ภายในตำหนักศิลาปั่นป่วน ผนังหินทั้งสี่ด้านของตำหนักหลังใหญ่ถูกแรงกระแทกทำให้เกิดรอยร้าวเส้นเล็กเส้นน้อย ทว่าหลังจากผิวผนังเปล่งแสงสีเทาวูบหนึ่งก็สมานกลายเป็นเหมือนเก่าก่อน
เพลิงปราณสองสีสลายไปอย่างรวดเร็ว แม้แรงปะทะมากมายยิ่งนัก แต่ย่อมทำอันตรายผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์กับหลิ่วหมิงผู้มีกายเนื้อแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ได้
ตอนนี้หลิ่วหมิงทำสีหน้าเรียบเฉยยืนอยู่ที่เดิม
นับตั้งแต่ผู้อาวุโสจินหมานลงมือจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบผ่านไปเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น เหตุการณ์กะทันหันครั้งนี้ทำให้ทุกคนรวมถึงผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์สามคนตรงที่นั่งผู้นำรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง
หลิ่วหมิงซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่งกลับรับหนึ่งการโจมตีจากระดับดาราพยากรณ์ได้อย่างสบายๆ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในตำหนักตาโตพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสจินหมานเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไม่น้อย นางโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม สองมือทำท่าเคล็ดวิชา สองตาเรืองแสงสีทองทันที
ทันใดนั้นเสียงระเบิดประหนึ่งอสนีบาตคำรามก็ดังขึ้นรอบทิศ รอบตัวนางมีแสงสีทองเจิดจ้าจุดแล้วจุดเล่าปรากฏขึ้น
หลิ่วหมิงรู้สึกถึงคลื่นพลังจิตวิญญาณอันรุนแรงที่ส่งผ่านมาจากอากาศรอบตัว “ฟึบๆ” เสียงแหวกอากาศดังขึ้น แสงสีทองฝั่งตรงข้ามประสานกันเป็นตาข่ายสีทองขนาดใหญ่ผืนหนึ่งครอบลงมาหาเขา
เขาตอบสนองอย่างว่องไว หมอกสีดำพลุ่งพล่านทั่วร่าง เสียงมังกรคำรามก้องฟ้าหลายหนดังออกมาจากด้านใน มังกรหมอกสีดำหลายตัวแย่งชิงกันเหาะออกจากหมอกสีดำแล้วพุ่งเข้าใส่ตาข่ายสีทองผืนใหญ่ที่ร่วงลงมา
สองฝั่งปะทะกัน แสงสีทองกับปราณสีดำพัวพันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
ทันทีที่ตาข่ายสีทองผืนใหญ่เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ปราณสีดำที่สัมผัสโดนมันก็พังทลายทีละนิดประหนึ่งน้ำแข็งละลาย
แต่ตาข่ายใหญ่สีทองเองก็ร่วงลงมาไม่ได้เพราะเหตุนี้ด้วย มันถูกปราณสีดำที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสายขวางไว้กลางอากาศ
“ทั้งสองท่านหยุดมือได้แล้ว!”
ในตอนนี้เองเงาสีเทาร่างหนึ่งก็โฉบมาปรากฏตัวระหว่างกลางทั้งสองคน เมื่อแสงสีเทาดับลง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายผ่านพิภพผู้นั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นส่งเส้นไหมเรียวเล็กสีเงินเส้นหนึ่งเข้าไปแทรกระหว่างกลางตาข่ายสีทองกับมังกรหมอกสีดำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา