ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1130

การเคลื่อนไหวต่อเนื่องทำให้หลิ่วหมิงหน้าซีดลงหลายส่วน แต่เขายังฝืนทน มือข้างหนึ่งตบหัวไหล่ แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งกลายเป็นเงาวัวสีน้ำเงินพุ่งพรวดออกมากระโจนใส่แมลงตัวหนึ่งที่ถูกทับ

ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างก็ยกขึ้น กระบี่ขู่หลุนหลุดจากมือกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีม่วงขนาดยี่สิบสามสิบจั้งเล่มหนึ่งฟันเข้าใส่แมลงที่ไม่อาจขยับตัวได้

เงาวัวสีน้ำเงินอ้าปากกว้างพ่นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมารัดคอแมลง เปลือกสีเลือดอันแข็งแกร่งละลายทันทีที่ต้องแสงสีน้ำเงิน

แสงกระบี่สีม่วงใหญ่ยักษ์พุ่งหวีดหวิดมาถึง ฉึบ!

ประกายโลหิตปรากฏ หัวกับตัวของแมลงสีเลือดแยกจากกัน

วัวสีน้ำเงินอ้าปากกว้างพ่นแสงสีน้ำเงินออกมาม้วนหัวของแมลงสีเลือดกลืนเข้าปาก

ศพไร้หัวของแมลงสีเลือดดิ้นอยู่ครั้งสองครั้งก็ไม่ขยับอีก

ต่อจากนั้นเชอฮ่วนก็พ่นแสงสีน้ำเงินออกมาม้วนศพของแมลงสีเลือดไปอีกครั้ง ร่างกายของแมลงที่ยาวสิบกว่าจั้งกลายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนาก่อนจะถูกภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนกลืนเข้าไป

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังจะสังหารแมลงสีเลือดที่เหลือสองตัวด้วยวิธีการเดิม หูก็พลันได้ยินเสียงปริแตกดังก้อง จากนั้นเสียงแมลงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นกับเสียงตะโกนอย่างหวาดผวาของผู้ฝึกฝนก็ดังขึ้นในทันใด

“หรือว่า!” หลิ่วหมิงหันหน้าไปทันที สายตามองทะลุมหาค่ายกลบรรพตธาราออกไป ทันใดนั้นหัวใจก็หนักอึ้ง

ในที่สุดค่ายกลป้องกันสีดำที่ซือโห่ววางเอาไว้ก็ถูกแมลงสีเลือดหลายตัวผลัดกันโจมตีจนปริแตกเสียงดังสนั่น ยามนี้แมลงสีเลือดสี่ห้าตัวกำลังโจนเข้าใส่มหาค่ายกลทรายโปรยปรายอย่างรวดเร็ว

“อ้าก!”

ตอนนี้เองเสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากด้านข้าง

บุรุษชุดเทาหนึ่งในผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สามคนที่เหลือตื่นตระหนกเพราะค่ายกลถูกทำลาย อาวุธเวทที่ป้องกันอยู่จึงเผยช่องว่าง ถูกแมลงสีเลือดตัวหนึ่งที่สู้อยู่กับเขาฉวยโอกาส คลื่นสีเลือดสองสายฟันสองขาเขาขาดเรียบกริบ เลือดสดทะลักออกมาเหมือนต้นเสา

หลังจากกรีดร้อง เขาก็ใช้วิชารักษาชีวิตทันที เขาพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงบนพลั่วจันทร์เสี้ยวตรงหน้า แสงสีน้ำตาลส่องสว่าง จากนั้นมันจึงขยายจนใหญ่เจ็ดแปดจั้งกลายเป็นเงาเสือดาวตัวหนึ่งท่ามกลางแสงเรืองรอง แสงกรงเล็บอันแหลมคมตวัดเสียงดัง เงากรงเล็บตวัดตัดกันเต็มฟ้าก่อตัวเป็นตาข่ายยักษ์ครอบลงมาใส่แมลงสีเลือดสองตัวตรงหน้า

จากนั้นร่างกายของเขาพลันพร่าเลือนวูบหนึ่งรีบร้อนพุ่งถอยออกไปด้านหลัง

ทว่าในตอนนี้เองด้านหลังร่างของเขาก็เกิดคลื่นสั่นไหว แมลงสีเลือดตัวหนึ่งไม่รู้พุ่งออกมาตั้งแต่เมื่อใด “ฉึบ ฉึบ” เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ฉับพลันคมคลื่นสีเลือดหลายสายก็ฟาดฟันลงมาสะบั้นชายหนุ่มผู้นี้เป็นท่อนๆ

ดวงจิตที่เหลืออยู่ในร่างชายหนุ่มร้องโหยหวนได้เพียงครั้งเดียวก็ถูกลำแสงสีเลือดสายหนึ่งที่ตามหลังมาโจมตีสลายเป็นควันสีเทาหายไป

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อีกสองคนเท่านั้นที่หน้าถอดสี ผู้ฝึกฝนระดับผลึกในค่ายกลป้องกันเหล่านั้นแต่ละคนก็หน้าซีดจนเป็นสีเทา แมลงสีเลือดหลายตัวเหาะตรงดิ่งเข้ามา ไม่รู้ว่าใครร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาคำหนึ่ง ทันใดนั้นทุกคนก็แตกกระเจิงทิ้งศึกหนีเอาตัวรอด

หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ในใจพลันลอบสบถ แต่ในสถานการณ์นี้ไม่มีเวลาสนใจคนเหล่านี้แล้ว

เขาสะบัดมือข้างหนึ่ง มหาค่ายกลบรรพตธาราสลายตัวเสียงดัง ปราณสีดำพลุ่งพล่านออกมารอบร่าง ก่อนที่เขาจะกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งไปทางมหาค่ายกลทรายโปรยปรายในพริบตา

ฟึบ!

แสงกระบี่สีม่วงเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากช่องว่างที่เล็กยิ่งกว่าเส้นผมบนฝ่ามือของเขา มันพร่าเลือนวูบเดียวก็ปรากฏขึ้นห่างไปหลายร้อยจั้งประหนึ่งเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา กระบี่ขู่หลุนสั่นไหว เงากระบี่สีม่วงหลายสิบสายโปรยปรายใส่เหล่าแมลงสีเลือดที่พุ่งเข้าใส่มหาค่ายกลดุจเม็ดฝน

ปั้ก ปั้ก ปั้ก!

เสียงแผ่วเบาดังระรัวอยู่พักหนึ่ง เงากระบี่ที่แยกออกมาจากกระบี่ขู่หลุนพลังค่อนข้างอ่อนแอจึงทำอันตรายแมลงสีเลือดเหล่านี้ไม่ได้มากนัก แต่ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกมันหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง

หลิ่วหมิงฉวยโอกาสนี้กลายเป็นเงาดำร่างหนึ่งชิงพุ่งไปหน้าพวกมัน ขวางอยู่หน้ามหาค่ายกลทรายโปรยปราย

แมลงสีเลือดห้าตัวตะลึง พวกมันนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งนักว่าหลิ่วหมิงผู้นี้สังหารเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกมันไปหลายตัว พวกมันคำรามเกรี้ยวกราด ร่างกายมหึมาโถมเข้าใส่หลิ่วหมิง

เทียบกับแมลงมหึมาทั้งห้าตัว เห็นชัดว่าร่างกายของหลิ่วหมิงเล็กกระจ้อยร่อยยิ่งนัก

ใบหน้าของหลิ่วหมิงไร้สีหน้าหวาดกลัว สองมือทำท่าเคล็ดวิชาไวปานสายฟ้า จากนั้นต่อยหนึ่งหมัดออกไป ปราณสีดำโถมทะลักออกจากร่างก่อตัวกลายเป็นเงามังกรหกตัวและพยัคฆ์หกตัวพุ่งชนแมลงทั้งห้าตัวพร้อมเสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามก้องฟ้า

เสียงทุ้มหนักดังติดกันเป็นสาย ด้วยพลังเวทของหลิ่วหมิงในวันนี้ พลังที่แฝงอยู่ในเงาหกมังกรหกพยัคฆ์ไม่อาจดูแคลนได้ แมลงระดับแก่นแท้ขั้นปลายทั้งห้าตัวทนรับซึ่งหน้าพริบตาเดียวก็ถูกพลังมหาศาลสายหนึ่งกระแทกถอยหลัง

หลังจากปะทะกัน ร่างกายของหกมังกรหกพยัคฆ์ต่างส่งเสียงดังกึกก้องกลายเป็นปราณสีดำหนาทึบล้อมแมลงทั้งห้าตัวเอาไว้

“คุกมืด”

หลิ่วหมิงท่องมนตร์ สองมือทำท่ามือท่าหนึ่งอย่างเร็วไว

การเคลื่อนไหวเหล่านี้ของหลิ่วหมิงไม่อืดอาดแม้แต่น้อย แมลงสีเลือดห้าตัวยังไม่ทันตอบสนอง เบื้องหน้าก็ดำมืด อึดใจต่อมาก็ตกอยู่ในมิติคุกมืดแล้ว

แมลงสีเลือดห้าตัวถูกขังอยู่ในมิติคุกมืดอย่างไม่ทันตั้งตัวจึงตกตะลึงเล็กน้อย

ทันใดนั้นเสียงภูตผีโหยหวนก็ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา