เดิมทีทุกคนยังอยากจะเพิ่มคนไปอีกสักสองคน แต่อาวุธเวทชิ้นนี้ของประมุขหอเป๋ยโต่วทนรับพลังได้จำกัด มันทนรับพลังจิตสัมผัสของระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ห้าคนก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
ประมุขหอเป๋ยโต่วสะบัดมือข้างหนึ่ง กระจกที่ทอแสงสีขาวขมุกขมัวบานหนึ่งปรากฏในมือของเขา จากนั้นเขาจึงท่องมนตร์แผ่วเบาหลายคำ บานกระจกพลันปรากฏอักขระโบราณหลายตัว
ประมุขหอเป๋ยโต่วผงกศีรษะเล็กน้อย พวกผู้เฒ่าอาภรณ์สีดำก็แสดงสีหน้าเข้าใจทันที พวกเขาหรี่ตา คลื่นล่องหนระลอกหนึ่งกลางอากาศโถมเข้าไปในบานกระจกสีขาว
กระจกสีขาวเปล่งแสงสว่างจ้าแสบตาออกมาจากผิว พริบตาเดียวก็ขยายขนาดขึ้นหลายเท่า เมื่อประมุขหอเป๋ยโต่วส่งเคล็ดวิชาหลายสายเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แสงบนบานกระจกก็กระพริบวูบหนึ่ง จากนั้นจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หลายเท่าพลันทะลักออกมาดุจพายุแล้วถาโถมไปยังกองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อที่ยอดเขาสองโลก
จุดที่จิตสัมผัสกวาดผ่าน แมลงระดับล่างดำทะมึนบนพื้นดินของยอดเขาสองโลกล้วนหมอบลงกับพื้นตัวสั่นระริก
บนยอดเขาสีดำสนิทลูกหนึ่งของยอดเขาสองโลก เงาสีดำสิบกว่าร่างรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เมื่อเพ่งมองให้ละเอียดจะพบว่าเป็นสตรีสาวอาภรณ์สีดำที่หน้าตาเหมือนกันสิบกว่าคน เห็นชัดว่าพวกนางล้วนเป็นร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อ
ทันใดนั้นพวกนางก็เหมือนจะสัมผัสถึงบางสิ่ง จึงหันไปมองทางเมืองหนานฮุยอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าเผยสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาเล็กน้อย
อึดใจต่อมาร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อสิบกว่าร่างก็ตวาดเบาๆ ออกมาพร้อมกัน มือข้างหนึ่งจิ้มตรงหว่างคิ้ว จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งสิบกว่าสายรวมตัวเข้าด้วยกันแล้วพุ่งชนพายุจิตสัมผัสที่แผ่ออกมาจากกระจกส่องหล้า
“บึ๊ม!” เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้า
พลังล่องหนสองสายปะทะกันกลางนภา เกิดเสียงดังก้องบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาสองโลกประหนึ่งอสนีบาตฟาด
สายลมแรงสายแล้วสายเล่าหอบพัดออกไปทั่วทิศ แมลงระดับล่างข้างใต้ถูกสายลมแรงพัดหอบปลิวออกไปประหนึ่งเส้นฟางพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
เสียงระเบิดดังขึ้นบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง สายลมแรงสายแล้วสายเล่าก่อตัวเป็นกระแสลมปั่นป่วนสีขาวทำให้ท้องนภากระเพื่อมเป็นคลื่นรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่า
หลายลมหายใจหลังจากนั้น ท้องนภาจึงฟื้นกลับมาเงียบสงบ
เหนือยอดเขาสีดำ ร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อสิบกว่าตัวเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาพร้อมกัน
ไกลออกไปในเมืองหนานฮุยที่อยู่ห่างหลายร้อยลี้ ร่างกายของประมุขหอเป๋ยโต่วสั่นสะท้าน เขาแค่นเสียงดังเหอะออกมาจากปาก ก่อนที่แสงสว่างของกระจกส่องหล้าด้านหน้าจะสั่นไหว แสงสีขาวด้านบนสลายหายไปอย่างฉับพลัน
พวกผู้เฒ่าอาภรณ์สีดำสี่คนต่างสีหน้าซีดขาวเล็กน้อยเช่นเดียวกัน แต่พริบตาเดียวก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติ
“พลังจิตร้ายกาจนัก ถึงกับโจมตีพวกเราห้าคนที่รวมพลังกันได้ในครั้งเดียว” ประมุขหอเป๋ยโต่วโคจรพลังเวทในร่าง หลังผ่านไปสองสามลมหายใจสีหน้าจึงฟื้นกลับเป็นปกติ จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับที่ดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง
“แม้เป็นเช่นนั้น แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ยืนยันจำนวนร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อเหล่านั้นได้แล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าร่างแยกเหล่านี้จะมากกว่าที่พวกเราคาดไว้กันตอนแรกมากนัก มีมากถึงสิบหกตัว ดูท่าจังหวะที่จะร่วมทัพออกศึกต้องหารือกันให้ดีอีกสักรอบแล้ว” ปรมาจารย์มู่คงเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“สหายมู่คงกล่าวถูกต้องที่สุด ในเมื่อรู้จำนวนร่างแยกของราชินีหนอนผีเสื้อแล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมมาตรการรับมือให้เหมาะสม” สตรีอาภรณ์สีเหลืองจากนิกายเทียนกงพยักหน้าเอ่ยเสียงเข้ม
ช่วงเวลาต่อจากนั้นการประชุมลับดำเนินไปอีกหลายชั่วยามก่อนจะสิ้นสุดลงในที่สุด
……
เมื่อท้องฟ้าใกล้มืด จินเลี่ยหยางมาเยือนที่พักของพวกหลิ่วหมิง จากนั้นเรียกศิษย์ลับยี่สิบคนมารวมตัวกันที่ห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง หลิ่วหมิง ฉิวหลงจื่อ คุนอวี้ล้วนอยู่ในกลุ่มนั้น
“ศิษย์พี่จิน ท่านเรียกพวกเรามารวมตัวกันอย่างรีบด่วนเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือ?” ฉิวหลงจื่อเอ่ยถามขึ้นมาก่อน
คนอื่นก็เผยสีหน้าสงสัยใคร่รู้เช่นกัน
“ศิษย์น้องฉิวไม่ต้องใจร้อน เรื่องเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ศึกใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว พันธมิตรมีภารกิจสำคัญภารกิจหนึ่งจะมอบหมายให้ศิษย์ลับเช่นพวกเจ้า” จินเลี่ยหยางสร้างม่านแสงกั้นเสียงสีทองอ่อนขึ้นมาชั้นหนึ่งล้อมคนทั้งหมดไว้ด้านใน จากนั้นจึงเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนที่นั่นล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลิ่วหมิงที่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงมุมห้องแววตาวูบไหว
“ในเมื่อเป็นภารกิจที่พันธมิตรสั่งมา พวกเราย่อมทุ่มสุดกำลังทำให้ลุล่วง ไม่ทราบว่าเนื้อหาภารกิจคือสิ่งใด?” ผู้ฝึกฝนหญิงที่ผูกผมเปียเส้นน้อยหลายเส้นคนหนึ่งเอ่ยถาม
“รายละเอียดของภารกิจก็คือ…”
จินเลี่ยหยางเล่าเรื่องยาพิษที่พันธมิตรปรุงขึ้นเพื่อจัดการเหล่าแมลงโดยเฉพาะ จากนั้นอธิบายรายละเอียดของภารกิจวางยาพิษครั้งนี้
เมื่อจินเลี่ยหยางเล่าทุกสิ่งจบ ผู้คนที่นั่นล้วนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เบื้องบนของพันธมิตรตระหนักถึงอันตรายในภารกิจครั้งนี้ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อใคร่ครวญทุกด้านก็ยังตัดสินใจว่าให้ศิษย์ลับระดับแก่นแท้อย่างพวกเจ้าทำภารกิจจะเหมาะสมที่สุด” จินเลี่ยหยางเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทุกคนจึงค่อยๆ อธิบาย
ทุกคนมองหน้ากัน ในเมื่อผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ออกคำสั่งด้วยตนเอง ประกอบกับสถานการณ์ในยามนี้ย่อมไม่มีหนทางให้ปฏิเสธ
หรือพูดอีกอย่างก็คือ อยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป!
พูดอีกแง่หนึ่ง หากสงครามใหญ่ครั้งนี้เผ่ามนุษย์ฝั่งนี้พ่ายแพ้ พวกเขาผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เหล่านี้ก็คงไม่มีจุดจบที่ดีอันใดเช่นกัน รังคว่ำแล้ว ไหนเลยจะเหลือไข่ที่สมบูรณ์ พวกเขาย่อมเข้าใจเหตุผลประการนี้
ไม่ว่าเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อตนเอง พวกเขาล้วนทำได้เพียงสู้เต็มที่เท่านั้น
หลิ่วหมิงไม่ได้สีหน้าเปลี่ยนไปมากเท่าใดนัก เขาเพียงอดไม่ได้ถอนหายใจอยู่ในใจเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา