หยางเฉียนที่คิดจะทำให้ค่ายกลมั่นคงอีกเล็กน้อยแล้วค่อยจากไป จำต้องอยู่ต่อเพื่อส่งพลังเวทย์ไปที่ค่ายกลอีกครั้ง
ท่ามกลางค่ายกล ไอสีดำกับเงากระบองพุ่งชนเข้าหากันอย่างรุนแรง จนก่อเกิดเป็นพายุหมุนสีดำพุ่งขึ้นฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้พื้นที่ในเขตจำกัดสั่นสะเทือนอยู่ไม่หยุด
ด้านนอกชายป่า ร่างของหลิวหมิงเคลื่อนไหวแค่ทีเดียวก็พุ่งผ่านไปยังด้านข้างของปีศาจวานรสีเทาที่ถูกแมงป่องกระดูกขาวหนีบไว้แน่น ขณะเดียวกันปราณกระบี่สีเขียวหลายสายก็กะพริบผ่านไปฟันวานรยักษ์จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โลหิตสีแดงของมันเลอะไปเต็มพื้น
จากนั้นหลิ่วหมิงก็ไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก็มีคมวายุสี่ห้าเส้นพุ่งออกไปยังการต่อสู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
และทางด้านนั้น ชายหน้าดำกำลังแสดงเคล็ดวิชาร่างฝึกอีกครั้ง พร้อมกับเหวี่ยงกระบองสีทองไปปะทะกับปีศาจวานรสีดำ
แต่เมื่อเทียบกับปีศาจวานรสีเทาแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังของปีศาจวานรสีดำแข็งแกร่งกว่ามาก ภายใต้สถานการณ์ที่ชายหน้าดำต้องเผชิญหน้ากับมันแค่คนเดียว ถึงแม้จะใช้เคล็ดวิชาหลายอย่างเข้าช่วยติดต่อกันก็ยังต้องล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่ใช่ว่ามีกระบอกกลสีเงินที่ควบคุมได้อย่างอิสระซึ่งไม่รู้ว่าปรากฏออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมันยังยิงเพลิงสายฟ้าสีเงินออกไปอยู่ตลอดเวลาจนบีบให้ปีศาจวานรตนนั้นจำต้องหลบหลีกชั่วคราวล่ะก็ เกรงว่าเขาคงไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้
ปีศาจวานรสีดำใช้กระบองเหล็กสีดำมืดทุบไปข้างหน้าอย่างรุนแรงสามครั้ง จนทำให้ชายหน้าดำสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว และขณะที่มันกำลังเดินหน้าเพื่อลงมือต่อนั้น เพียงแค่มันได้ยินเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” คมวายุจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาถึงตัวแล้ว
ปีศาจวานรคำรามออกมาพร้อมกับยื่นกระบองเหล็กสีดำไปตั้งขวางไว้ด้านหน้า หลังจากที่กวัดแกว่งไปหนึ่งทีก็ปัดคมวายุทั้งหมดกระเด็นออกไป
และในช่วงเวลานั้นเอง ชายหน้าก็กระพือปีกทั้งสองพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หลังจากที่หมุนวนไปรอบหนึ่งก็สะบัดปีกก่อนที่จะมีแท่งสีเงินพุ่งยิงลงมาอย่างรวดเร็ว มันคือเข็มแหลมเล็กจำนวนมากที่มีขนาดราวกับขนวัว
วานรสีดำที่อยู่ด้านล่างได้เห็นฉากนี้ก็ไม่เกิดความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย มันเพียงแค่กวัดแกว่งกระบองเหล็กในมือจนดูพร่ามัว มันกลายเป็นเงากระบองคุ้มกันร่างเขาไว้ท่ามพายุที่บ้าระห่ำ
แท่งสีเงินเหล่านั้นมีมากจนดูหนาแน่นราวกับฝนตก แต่มันยังไม่ทันได้สัมผัสโดนเงากระบองก็ถูกพายุตรงนั้นม้วนกลืนเข้าไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นกระบอกกลบนไหล่ของชายหน้าดำก็ส่งเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” และพ่นเพลิงสายฟ้าสีเงินออกมาสิบกว่าสาย และพุ่งยิงออกไปราวกับลูกธนู
ขณะเดียวกันเขาก็อาศัยพลังจากการดิ่งตัวลงในการทุบกระบองสีทองลงไปยังด้านล่าง
ในเวลาเดียวกัน หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็มาถึงด้านหน้า จากนั้นก็กวัดแกว่งกระบี่สีเขียวออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ปราณกระบี่สีเขียวสี่ห้าสายรวมตัวเป็นหนึ่งก่อนที่ม้วนตัวออกไป
ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้หารือกันมาก่อน แต่ก็ร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ
แน่นอนว่าวานรยักษ์สีดำค้นพบเรื่องที่ตนเองถูกล้อมโจมตีแล้ว และลักษณะการโจมตีของทั้งสองดุดันเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจละเลยการโจมตีจากด้านใดด้านหนึ่งได้เลย
มันคำรามด้วยความโมโหทันที ขนทั่วร่างของมันตั้งชันขึ้นมา หลังจากที่กระบองในมือสั่นไหวในฉับพลันมันก็พร่ามัวจนกลายเป็นเงากระบองยักษ์ยาวจั้งๆ กว่าๆ สองอัน และแยกกันพุ่งไปหาหลิ่วหมิงกับชายหน้าดำในทันที
“ตู้ม!” “ตู้ม!” เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นดังออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ทางด้านหลิ่วหมิง ปราณกระบี่ประสานเข้ากับคลื่นอากาศจนระเบิดออกมา
บนอากาศเหนือตัววานรยักษ์สีดำ เพลิงสายฟ้าสีเงินกับกระบองสีทองก็ปะทะกับเงากระบองสีดำอย่างรุนแรง จากนั้นคลื่นอากาศอันน่าตกใจก็ม้วนตัวออกไป
ปีศาจวานรคำรามออกมา ร่างของมันหนักอึ้ง เท้าทั้งสองจมลงไปในดินจนถึงหัวเข่า
ชายหนุ่มหน้าดำกลับยิ่งเร็วร้าย หลังจากที่มีพลังมหาศาลสะท้อนกลับมา ร่างของเขาก็ตีลังกากระเด็นออกไปสิบกว่าตลบ และกระอึกเลือดออกมาก่อนที่จะตั้งตัวบนอากาศได้
การต่อสู้อย่างรุนแรงในครั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลิ่วหมิงคอยกวนวานรสีดำอยู่ข้างๆ แต่ก็ยังทำให้ชายหน้าดำได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
แน่นอนว่าปีศาจวานรตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่ากันเท่าไหร่ เท้าทั้งสองที่จมอยู่ในดินก็เกิดอาการชาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
แต่ในขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงกลับกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้น และกลายเป็นเงาร่างพุ่งเข้าใส่ปีศาจวานรอย่างรวดเร็ว
ปีศาจวานรสีดำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คำรามเสียงข่มขู่ออกมา พร้อมกับตวัดกระบองเหล็กออกไปในแนวนอน กระบองเหล็กไม่ได้โดนตัวหลิ่วหมิงจริงๆ แต่เป็นพลังไร้รูปบางอย่างพุ่งไปต้านหลิ่วหมิงไว้
ตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายออกมา พอเขาบิดตัวก็ลอยไปตามแรงผลักของพลังไร้รูป จนดูราวกับใบไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลม และลอยผ่านด้านบนของกระบองเหล็กสีดำไป
ขณะเดียวกัน เขาก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวพร้อมกับร่ายคาถา หลังจากที่เขายกมือขึ้น ลูกเปลวไฟสีแดงสามลูกก็ดีดตัวออกไป
แต่ก็ไม่มีใครสังเกตว่าชั่วพริบตาที่ลูกเปลวไฟพุ่งออกไปนั้น มีแสงสีเขียวหยกพุ่งตามออกไปจากนิ้วมือของหลิ่วหมิงด้วย
วานรยักษ์สีดำเองก็ไม่อาจสังเกตได้ว่ามีอาวุธลับอีกอย่างหนึ่งซ้อนอยู่ในนั้น มือขนาดใหญ่ทั้งสองที่มีขนดกเต็มปัดลูกไฟจนดับทั้งสามลูก
แต่ชั่วพริบตานั้นเองเข็มเงาหยกก็กระเจาะทะลุดวงตาข้างหนึ่งของมันด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา