โลหิตแวววาวพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว และยังส่งเสียงดัง “เพล้ง!” จากนั้นก็ระเบิดออกมาเป็นหมอกโลหิต
และหลังจากที่เกาชงแสดงวิชากระตุ้นหมอกโลหิตเหล่านี้ มันก็รวมตัวกันจนกลายเป็นหนวดสีแดงขนาดเท่าแขน หลังจากที่มันม้วนตัวไปหนึ่งทีก็ไปพันอสูรสิงห์พยัคฆ์ที่ไม่ทันตั้งตัวไว้ในนั้น
ภายใต้ความตื่นตระหนกตกใจ สายฟ้าบนตัวอสูรสิงห์พยัคฆ์เปล่งประกายโจมตีหนวดสีแดงอยู่ไม่หยุด
แต่เห็นได้ชัดว่าหมอกโลหิตเหล่านี้แตกต่างกับวิชาที่เกาชงแสดงในก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิง มันไม่เพียงแต่จะไม่ถูกโจมตีจนแตกกระจายในทันที แต่กลับรัดพันอสูรตนนี้ไว้แน่นท่ามกลางแสงสายฟ้าที่เปล่งประกาย ทำให้อสูรสิงห์พยัคฆ์เจ็บปวดจนสายฟ้าบนตัวยิ่งเปล่งประกายมากกว่าเดิม
“ปราณโลหิต”
หลังจากที่มีบางคนสัมผัสถึงกลิ่นไออันน่ากลัวของหนวดสีเลือดแล้ว ก็หลุดปากพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา
เฟิงฉานจ้องมองเกาชงทีหนึ่ง จากนั้นก็หายวับเข้าไปในศิลาจิตวิญญาณ
แสงสีเหลืองในดวงตามนุษย์ศิลาเปล่งประกาย แท่งหินแท่งหนึ่งพุ่งขึ้นมาตรงเท้าของเฟิงฉานอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
แต่ร่างของเฟิงฉานแห้งเหี่ยวไปชั่วระยะหนึ่ง และภายในพริบตาเดียวก็กลายเป็นสีดำ แต่เขายังคงโจมตีไปยังด้านหน้าโดยไม่สนใจแท่นหินด้านล่าง
แท่งหินเสียบเอียงๆ เข้าที่เอวของเขาแต่ถูกแรงสั่นสะเทือนทำให้มันระเบิดออกมา
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เฟิงฉานขยับตัวไม่กี่ทีก็โจมตีมาถึงด้านหน้าของมนุษย์ศิลา หลังจากที่ไอดำบนมือทั้งสองม้วนตัวออกมา หมัดสีเงินจางๆ ก็ปรากฏออกมาด้วย จากนั้นมันก็พุ่งไปโจมตีศิลาจิตวิญญาณ
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นติดต่อกันในทันที
ก้อนหินสีดำเจ็ดแปดก้อนที่ลอยวนอยู่กลางอากาศได้โจมตีร่างของเฟิงฉานอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็พากันระเบิดตัวออกมาราวกับว่าปะทะโดนเหล็กบริสุทธิ์
ถึงแม้เฟิงฉานจะถูกกระทบกระเทือนจนต้องล่าถอยอยู่ไม่หยุด แต่ไม่มีบาดแผลปรากฏบนตัวเขาแม้แต่น้อย เขากระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นสองมือก็พุ่งโจมตีศิลาจิตวิญญาณด้วยตรงหน้าจนเกิดเป็นภาพพร่ามัว
ไม่นานก็มีเสียงดังสะเทือนไปทั่วฟ้า เงาหมัดสีเงินจำนวนมากเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันโจมตีมนุษย์ศิลาจนหินบนตัวแตกละเอียดออกมาเป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ศิลาจิตวิญญาณจะเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่มันก็ไม่ถึงกับไม่โต้ตอบกลับเมื่อมีการโจมตีในระยะประชิดเช่นนี้
มันคำรามเสียงแปลกประหลาดดังออกมาพร้อมกับกระทืบเท้าลงพื้นอย่างรุนแรง ก้อนหินขนาดต่างๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นบริเวณนั้นทันที หลังจากที่มันสั่นไหวหนึ่งทีก็พุ่งยิงเข้าใส่เฟิงฉานราวกับฝนตก
เฟิงฉานคำรามออกมาด้วยความโมโห หมัดสีเงินเปลี่ยนทิศทางในทันที มันพุ่งออกไปทั่วทิศราวกับดอกไม้บาน ทำให้ก้อนหินส่วนมากถูกโจมตีนจนแตกละเอียด
แต่เฟิงฉานยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ข้าทั้งสองยืนหยัดได้ไม่นาน น้องเถียนรีบลงมือเถอะ!” ถึงแม้จะดูเหมือนว่าร่างของเฟิงชาฉานนั้นฟันแทงไม่เข้า ทำให้ศิลาจิตวิญญาณไม่สามารถทำอะไรเขาได้ชั่วขณะ แต่เขาก็ยังเอ่ยปากเร่งออกมา
ประจักษ์ชัดว่าวิธีการป้องกันอันน่าหวาดกลัวนี้ไม่สามารถยืนหยัดได้นานมากนัก
ชายหนุ่มแซ่เถียนเก็บอาการตื่นตะลึงแล้วก็ตอบรับกลับไป จากนั้นก็หันหน้าไปยังค่ายกลศิลาที่อยู่ด้านหลัง และโยนพัดใบลานในมือขึ้นไปในอากาศทันที นิ้วทั้งสิบปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาเป็นสายๆ
พลังเวทย์ทั้งหมดนี้จมหายเข้าไปในพัดใบลานอย่างรวดเร็ว และยังส่งเสียงดังวิ้งๆ ก่อนที่จะมีอักขระสีฟ้า และสีแดงลอยออกมาจากพัด
เฉียนฮุ่ยเหนียง และผู้ที่เหลือก็ค่อยๆ แสดงวิชาประสานพลังกับชายหนุ่มแซ่เถียน เพื่อใช้ในการโจมตีอันน่าอัศจรรย์
เสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!”
ตอนที่อักขระสีฟ้า และสีแดงตรงบริเวณพัดใบลานปรากฏออกมามากขึ้นจนดูราวกับเบียดเสียดไปทั่วทุกพื้นที่นั้น กลิ่นไอบนร่างของชายหนุ่มแซ่เถียนก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม รัศมีแสงสีฟ้าและสีแดงขนาดใหญ่โผล่ออกมาหมุนวนรอบตัวเขาอยู่ไม่หยุด
“ชีพจรจิตวิญญาณอัคคีวารี!”
พอเห็นฉากนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็หลุดปากออกมาด้วยความตื่นตะลึง
และขณะนั้นเอง เสียงร่ายคาถาของชายหนุ่มก็หยุดลง ท่ามือที่ทำอยู่ก็เปลี่ยนไปด้วย
หลังจากที่พัดใบลานโบกสะบัดเล็กน้อย มันก็พัดโจมตีค่ายกลศิลาด้วยความรุนแรง
บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
ลำแสงสีฟ้าแดงตัดสลับกันพุ่งออกไปปะทะกับกำแพงอากาศไร้รูปที่อยู่ไม่ไกล และกลายเป็นแสงลูกกลมๆ ขนาดใหญ่กลอกกลิ้งไปมาไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นจนพื้นที่บริเวณนั้นสั่นสะเทือนขึ้นมา
คนอื่นๆ อีกสี่คนเห็นเช่นนี้ก็พากันลงมือโดยไม่ลังเล
เฉียนฮุ่ยเหนียงเปล่งเสียงออกมาก่อนที่จะมีหอกน้ำแข็งแวววาวที่ยาวจั้งกว่าๆ โผล่ออกมาด้านหน้า จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นแสงแวววาวเมื่อโจมตีออกไป
ทางด้านคนอีกสามคน ก็มีอสรพิษไฟสีแดง เงาร่างหินยักษ์สีเหลือง และหนามสีเขียวที่พุ่งยิงออกไปจนดูแน่นขนัด ทั้งหมดนี้โจมตีไปยังบริเวณแสงลูกกลมๆ ที่มีสีแดงกับสีฟ้า
ตอนนี้ชายหนุ่มแซ่เถียนถึงได้ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา มือข้างหนึ่งชี้ไปยังจุดที่แสงลูกกลมๆ รวมตัวกัน
หลังจากมีเสียงดังก้องจนหูจะหนวกดังขึ้นมา แสงลูกกลมๆ กับการโจมตีอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะระเบิดออกมาพร้อมกัน ทำให้กำแพงอากาศไร้รูปที่บังอยู่ด้านหน้าแตกละเอียดออกมา
กองหินหลายแห่งก็ถูกกระทบกระเทือนจนแตกละเอียดเป็นผุยผง
“สำเร็จแล้ว รีบไป!”
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ก็พุ่งออกไปจากค่ายกลศิลาด้วยความดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา