เสียงดัง “ซิ้ว!”
หลังจากที่ปลายเส้นเอ็นสั่นไหวเล็กน้อยแล้วมันก็ตั้งตรงขึ้นมา และไอสีดำจางๆ ก็วนเป็นเกลียวอยู่บนนั้น จากนั้นมันก็กลิ้งไปกลิ้งมาตรงขอบหนังอสูรราวกับอสรพิษจิตวิญญาณ
แต่เพียงไม่กี่อึดใจหลิ่วหมิงก็เด็ดเอาเอ็นอสูรที่เหลือออก เขาจับมุมของหนังอสูรแล้วสะบัด และมันก็กลายเป็นเกราะหนังง่ายๆ
ถึงแม้เกราะหนังนี้จะมีรูปร่างประหลาด แต่มันก็ปกป้องหัวใจ หน้าท้อง และส่วนสำคัญอื่นไว้ได้
หลิ่วหมิงลองนำมันแนบติดกับร่างกาย แล้วก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
วิธีการทำเกราะหนังอย่างง่ายนี้ เป็นความสามารถที่เราเรียนรู้จากการใช้ชีวิตบนเกาะมฤตยู คิดไม่ถึงว่าถึงแม้จะไม่ได้ใช้มาหลายปีแต่ฝีมือก็ยังใช้ได้อยู่
ต่อมาหลิ่วหมิงดึงหนังอสูรออก และยื่นมือไปคว้าเอาเกล็ดมังกรขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างก็สะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะมีแสงสีเขียวดีดตัวออกมา หลังจากที่มันหมุนวนไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ค่อยๆ ตกลงบนมืออย่างว่านอนสอนง่าย
มันคือเข็มเงาหยกเล่มนั้นนั่นเอง
นิ้วหลิ่วหมิงจับเข็มเงาหยกไว้แน่น หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขาก็ใช้เข็มเล่มนี้แทงเข้าไปยังเกล็ดมังกร
เสียงแหลมเล็กดังมาจากเกล็ดมังกรในทันที!
ระหว่างที่ปลายเข็มสัมผัสกับเกล็ดมังกรจะมีแสงสีเขียวเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ราวกับว่ามันกำลังแทงเหล็กบริสุทธิ์อยู่
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป “ฟู่!” เข็มเงาหยกเพิ่งจะแทงทะลุเกล็ดมังกรไปได้
หลิ่วหมิงแสยะปาก และสะบัดมือที่เริ่มรู้สึกเมื่อยบ้างแล้ว จากนั้นก็ใช้เอ็นอสูรแทงเข้ารูที่ปรากฏบนเกล็ดมังกรและเย็บมันติดเข้ากับหนังอสูร
ผ่านไปไม่นาน เกล็ดมังกรก็ติดอยู่บนหนังอสูรอย่างมั่นคง
หลิ่วหมิงลองดึงดูเบาๆ อยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นว่าเกล็ดมังกรไม่หลุดออกมาเขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลาที่เหลือ หลิ่วหมิงใช้เข็มเงาหยกเจาะเกล็ดสีแดงเหล่านั้นทีละเกล็ด
ถึงแม้ว่าเกล็ดมังกรเหล่านี้จะเป็นเกล็ดมังกรที่บางที่สุดที่เขาเลือกมา แต่เขาก็ต้องใช้เวลาในการเจาะไม่น้อย
หลายชั่วยามผ่านไป เมื่อหลิ่วหมิงเย็บเกล็ดมังกรเกล็ดสุดท้ายติดกับหนังอสูรแล้ว เกราะเกล็ดมังกรอย่างง่ายๆ ก็ปรากฏต่อหน้าเขา
เกราะหนังนี้แตกต่างกับเกราะเกล็ดโดยทั่วไปมาก ตรงส่วนที่เป็นจุดสำคัญจะมีเกล็ดมังกรอยู่หนาแน่น สำหรับส่วนอื่นๆ มีเกล็ดมังกรอยู่ไม่กี่เกล็ดเท่านั้น
ไม่ใช่เพราะว่าหลิ่วหมิงเสียดายที่จะใช้เกล็ดมังกรเหล่านี้ แต่เป็นเพราะว่าถ้าบนเกราะหนังมีเกล็ดมังกรมากเกินไปล่ะก็จะต้องส่งผลกระทบต่อการเดินเหินอย่างแน่นอน
เพราะนี่ไม่ใช่เกราะคุ้มกันที่ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธสร้างขึ้นมา เกล็ดมังกรเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการจัดการโดยเฉพาะ จึงไม่สามารถหดตัวได้ทุกส่วนตามใจนึก
ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้หลิ่วหมิงก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
เชื่อว่าหากมีเกราะหนังคุ้มกายล่ะก็ ต่อให้จะมีชีวิตเพิ่มมาอีกชีวิต ต่อให้จะเจอกับศัตรูตัวฉกาจ มันก็เหลือเฟือสำหรับการป้องกันตัวแล้ว
แต่กลิ่นไอของมังกรนี้ต้องกำจัดออกให้หมด มิเช่นนั้นพอใส่เข้าไปคงจะมีคนไม่น้อยที่รับรู้ถึงกลิ่นไอมังกรแดงตนนี้
และพอดีกับที่เขารู้ว่ามีน้ำยาจิตวิญญาณชนิดหนึ่งสามารถกำจัดกลิ่นไอของปีศาจอสูรได้
น้ำยาจิตวิญาณนี้ผสมง่ายมาก เพียงแค่หาสมุนไพรง่ายๆ มาสองสามอย่าง จากนั้นก็เอามันมาผสมปนเปเข้าด้วยกันก็สามารถทำได้แล้ว บางครั้งในตลาดสีเทาก็มีคนขายน้ำยาที่ผสมเสร็จแล้วด้วย
ดูท่าพรุ่งนี้คงต้องไปตลาดสีเทาอีกรอบแล้ว
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จากนั้นก็รีบเก็บเกราะหนังกับคราบมังกรแดงเข้าไปในหอยสังข์ย่อส่วน หลังจากที่สะบัดแขนเสื้ออีกครั้งม่านแสงที่ปกคลุมอยู่รอบด้านก็แตกกระจายออกไป ส่วนตัวเขาก็หลับตาแล้วเริ่มกำหนดลมหายใจขึ้นมา
เช้าวันที่สอง เมื่อเขากลับมาจากตลาดสีเทา เขาก็มีน้ำยาจิตวิญญาณที่ผสมเสร็จแล้วหนึ่งขวด
วันนี้ดวงเขาไม่เลว ตอนที่เขาไปตลาดสีเทานั้นมีศิษย์คนหนึ่งกำลังขายน้ำยาจิตวิญญาณนี้อยู่พอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา