ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 199

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 199 แลกเปลี่ยน
ตอนที่ 199 แลกเปลี่ยน
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากแสงเย็นสะท้านจากจันทราสีเขียวพุ่งผ่านไป ผีเสื้อจำนวนมากก็ค่อยๆ ถูกทำลายจนแตกกระเจิง!

“เพล้ง!” แสงเย็นสะท้านทั้งสองฟันลงบนจันทราหยก แต่มันกลับสั่นไหวและกระเด็นออกไป

จากนั้นเงาร่างผีเสื้อก็พร่ามัวกลายเป็นเงาร่างของหญิงสาว เมื่อเท้าทั้งสองของนางแตะลงพื้น ก็ต้องล่าถอยไปสองสามก้าว

“ในมือเจ้าคือกระบี่จันทราหยก!” หูชุนเหนียงจ้องมองกระบี่สั้นในมือหลิ่วหมิงด้วยความสงสัย

“ความสามารถที่แท้จริงของสหายหูคงไม่ใช่วิชาระบำผีเสื้อ แต่เป็นเส้นทางการฝึกฝนกระบี่ใช่ไหม?” หลังจากที่หนวดสัมผัสสีดำของหลิ่วหมิงกระจายตัวไปแล้ว เขาก็ถามออกไปด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนยิ้ม

“อะไรคือเส้นทางการฝึกฝนกระบี่! ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร และเจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าในก่อนหน้านั้น!” หูชุนเหนียงได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ก็ควบคุมให้สงบได้ในทันที

“ถ้าอย่างนั้น ไม่ทราบว่าสหายรู้จักศิษย์นิกายจันทราสวรรค์ที่ชื่อจางซิ่วเหนียงหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มออกมา และถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ

“จางซิ่วเหนียง? เจ้าเป็นใครกันแน่!” ครั้งนี้ หูชุนเหนียงไม่อาจสงบสติอารมณ์ไว้ได้ นางตะคอกออกไปด้วยแววตาที่ดุร้าย

จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสอง และกระบี่สั้นสีขาวสองเล่มก็ปรากฏอยู่บนมือ ขณะเดียวกันกลิ่นไออันน่าสะพรึงกลัว ก็แผ่ออกมาจากร่างของนาง

“เฮ่อๆ! ดูท่าข้าจะเดาไม่ผิด สหายหูเป็นศิษย์ตรวจตราของนิกายจันทราสวรรค์จริงๆ สหายอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจะให้เจ้าดูของบางอย่างก่อน” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้กลับตบมือหัวเราะใหญ่ พอเขาขยับแขน ลำแสงสีเงินก็พุ่งยิงออกไป

สีหน้าหูชุนเหนียงเปลี่ยนไป นางวาดกระบี่เล่มหนึ่งไปยังด้านหน้าอย่างชำนาญ และพลังไร้รูปบางอย่างก็ม้วนตัวออกมา

หลังจากที่แสงสีเงินสั่นสะท้าน มันก็หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าหญิงสาว มันคือป้ายสีเงินที่เป็นสิ่งบ่งบอกสถานะศิษย์ตรวจตราของนิกายปีศาจ

ความจริงแล้ว หลังจากที่หลิ่วหมิงเห็นว่าระหว่างคิ้วของหูชุนเหนียง มีส่วนคล้ายคลึงกับศิษย์ที่มีร่างกระบี่สื่อสารจิตวิญญาณกระบี่ของนิกายจันทราสวรรค์เจ็ดถึงแปดส่วน เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในทันที

จนเมื่อเขาตั้งใจกระตุ้นกระบี่จันทราหยกให้แสดงอานุภาพออกมา และนางก็จำมันได้ จึงทำให้เขามั่นใจสถานะของนางแปดถึงเก้าส่วน

“ที่แท้คุณชายเฉียนก็เป็นศิษย์ตรวจตราคนใหม่ของนิกายปีศาจ สิ่งนี้ทำให้ข้าค่อนข้างรู้สึกตกใจ แต่กระบี่จันทราหยกเล่มนี้อยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร และรู้จักซิ่วเหนียงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าได้อย่างไร?” พอหูชุนเหนียงเห็นรูปร่างของแผ่นป้ายอย่างชัดเจน ก็รีบเก็บกระบี่สั้นในมือทันที และคว้าเอามันมาตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วถึงถอนหายใจยาวๆ ก่อนกล่าวออกมา

“มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงเรื่องกระบี่จันทราหยก แต่ถ้าสหายไปสอบถามกับทางนิกาย ก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนสหายจางน่ะหรือ เมื่อไม่นานมานี้เราเคยพบกันไม่กี่ครั้ง ในการการทดสอบความเป็นความตาย” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“การทดสอบความเป็นความตาย! เจ้าเป็นศิษย์แกนนำของนิกายปีศาจ! แต่ทำไมข้าถึงไม่รู้จักศิษย์แกนนำนิกายปีศาจที่มีอายุขนาดนี้?” หูชุนเหนียงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

“เฮ่อๆ! ข้าเพิ่งเป็นศิษย์แกนนำคนใหม่ ใบหน้านี้ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของข้า สหายไม่รู้จักก็เป็นเรื่องปกติ” หลิ่วหมิงหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

“ฮิๆ! อย่างนี้ก็หมายความว่าศิษย์น้องเฉียนคงยังมีอายุไม่มากนัก ควรจะเรียกข้าว่าศิษย์พี่ แต่เจ้าวางมาดเป็นผู้ใหญ่มาก ทำให้มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เลยจริงๆ” พอหญิงสาวได้ยิน ก็เบิกตาพินิจดูหลิ่วหมิงอย่างละเอียด และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

“ศิษย์พี่ชมเกินไปแล้ว! ศิษย์น้องยอมรับว่าตนเองมีพรสวรรค์ด้านการปลอมตัวอยู่บ้าง แต่จะว่าไปแล้ว ศิษย์พี่หูก็ควรจะยืนยันสถานะของตัวเองหน่อยไหม?” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ฮึ! อายุยังน้อย แต่ช่างระมัดระวังเสียจริง อ่ะ! นี่คือป้ายศิษย์ตรวจตราของข้า!” หูชุนเหนียงเบ้ปาก แต่ก็ยังเอาแผ่นป้ายสีเงินออกมาจากแขนเสื้อ และโยนออกไปพร้อมกับแผ่นป้ายของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ม้วนเอาแผ่นป้ายทั้งสองมาไว้ในมือ หลังจากที่ก้มหน้าตรวจสอบเล็กน้อย ก็ค้นพบว่านอกจากอักขระที่จารึกอยู่หน้าหลังไม่เหมือนกันแล้ว ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือน้ำหนักล้วนไม่แตกต่างกัน

เขาออกแรงที่นิ้วมือเล็กน้อย แต่ป้ายของนิกายจันทราสวรรค์ยังแข็งแกร่งดังเดิม ไม่มีร่องรอยเสียหายใดๆ เลย

ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงถึงได้รู้สึกวางใจขึ้นมาจริงๆ หลังจากที่กล่าวคำว่า “ขออภัย” ออกไปแล้ว ก็โยนป้ายนิกายจันทราสวรรค์คืนกลับไป

“แต่ข้ากลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย! ศิษย์น้องมั่นใจถึงขนาดเปิดเผยตัวตนออกมาก่อน ถ้าหากคาดเดาผิดพลาด และข้าไม่สามารถเอาป้ายออกมายืนยันได้ล่ะก็ ศิษย์น้องจะชดเชยความผิดนี้อย่างไร” หูชุนเหนียงคว้าเอาป้ายหยกไว้ได้ และเลิกคิ้วถามออกไป

“เรื่องนี้ง่ายมาก เพียงแค่ทำให้ท่านอยู่ที่นี่ตลอดไป ก็ไม่มีปัญหาใดๆ แล้ว” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และตอบอย่างสบายใจ

“ฮึ! สมกับเป็นศิษย์แกนนำของนิกายศาจ มาดการพูดจาไม่เบา แต่ในเมื่อเจ้ามีชีวิตรอดจากการทดสอบความเป็นความตายได้ คิดว่าคงจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ข้าก็อยากเตือนเจ้าสักเรื่อง! ศิษย์น้องอย่าได้ลำพองตนว่าเป็นศิษย์แกนนำของนิกายใหญ่ แล้วปฏิบัติต่อผู้ฝึกฝนอิสระที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างหนิ่งยโส ผู้ฝึกฝนอิสระเหล่านี้อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเรา แต่สามารถมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งได้ ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก เวลาที่พวกเขาต่อสู้กัน จะไม่ยั้งไม้ยั้งมือเหมือนกับพวกเรา ขอเพียงแค่มีโอกาสชนะอันน้อยนิด พวกเขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา บางทีการประลองมือตามปกติ พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา แต่พอถึงยามต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย ศิษย์นิกายใหญ่อย่างพวกเราอาจจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกฝนอิสระที่ฝึกฝนมาจนถึงระดับนี้ ล้วนมีอายุมาก ลำพังแค่พลังเวทย์ที่สะสมกับประสบการณ์การต่อสู้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจเทียบได้” หูชุนเหนียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ขอบคุณศิษย์พี่ที่ชี้แนะ ก่อนหน้านั้นข้าอวดดีไปหน่อย” หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านในใจ และโค้งตัวกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา