ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 409

สรุปบท ตอนที่ 409: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 409 – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 409 ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 409 ขนวิหค
ตอนที่ 409 ขนวิหค
โดย
Ink Stone_Fantasy
ครึ่งชั่วยามต่อมา

นอกม่านแสงสีฟ้าที่อยู่ห่างจากโลกใต้สมุทรร้อยกว่าจั้ง และอยู่ภายใต้การควบคุมของราชาปีศาจสมุทร สถานที่แห่งนี้เป็นผืนทะเลสีครามที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

ในระหว่างคลื่นทะเลแต่ละลูก จะเห็นทหารเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งขี่ฉลามยักษ์สีดำลาดตระเวนไปมา

ทหารเหล่านี้สวมชุดหนังสีดำ สะพายดาบสั้นอยู่บนหลัง ในมือถือขวานสองคม

ขณะนี้ ในบรรดาทหารกลุ่มเล็กๆ บางกลุ่มที่อยู่บนผิวทะเล มีทหารเผ่าปีศาจที่ค่อนข้างหนุ่มสองคน กำลังลาดตระเวนไปมาตามเส้นทางที่กำหนด โดยมีชายฉกรรจ์ที่มีลวดลายสีดำบนใบหน้าเป็นหัวหน้า ขณะเดียวกันก็พูดคุยเกี่ยวกับฉากอันน่าตกใจที่พบเห็นในก่อนหน้า

“ครั้งนี้ราชาสมุทรเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ช่างมีอานุภาพน่าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ข้าเป็นทหารมาหลายปีก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่มีผิวสีฟ้ากล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“นั่นน่ะสิ! ราชาสมุทรยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเพียงหนึ่งเดียวในเขตทะเลชังไห่ นับว่าเป็นราชาในมหาสมุทรที่แท้จริง ร่างของพระองค์เป็นมังกรผลึกสีคราม ว่ากันว่ายังสืบทอดสายเลือดส่วนหนึ่งของมังกรที่แท้จริงในสมัยบรรพกาลด้วย ไม่รู้ว่าสายรุ้งสีเงินแวววาวที่ปรากฏออกมาในก่อนหน้านั้นเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงทำให้พระองค์กริ้วถึงเพียงนี้” ทหารเผ่าปีศาจอีกคนกล่าวออกมาด้วยแววตาเคารพและเลื่อมใส

“ฮึ! พวกเจ้าจะรู้อะไร ก็เห็นๆ อยู่ว่าสายรุ้งแวววาวในก่อนหน้านั้นคือวิชาขี่กระบี่บินหลบหลีกขั้นสูง ตามที่ข้าทราบมา ใต้ทะเลลึกของพวกเราไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ นางคงเป็นผู้ฝึกกระบี่ระดับผลึกเผ่ามนุษย์ที่เข้ามาที่นี่เมื่อครึ่งปีก่อน” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา

“อะไรนะ! นางไม่ใช่คู่รักฝึกฝนที่ราชาสมุทรได้เลือกไว้หรอกหรือ! ทำไมถึงหนีออกไปนอกพระราชวังล่ะ และทำให้ราชาสมุทรต้องไปตามด้วยพระองค์เอง?” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจในก่อนหน้านั้นทำเสียงจุ๊ๆ! ด้วยความตกใจ

“มันแปลกจริงๆ……”

“ใคร?”

ขณะที่ชายหนุ่มเผ่าปีศาจอีกคนกำลังจะกล่าวอะไรออกมา สีหน้าชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจก็ดูอึมครึมขึ้นมาทันที ง่ามยักษ์ในมือถูกสะบัดออกไปไกลๆ ขณะเดียวกันก็คำรามเสียงต่ำออกมา

ทหารเผ่าปีศาจสองคนยิ่งรู้สึกตกใจเข้าไปใหญ่ พวกเขารีบแหงนหน้ามองน้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไป

น้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไปราวๆ ร้อยจั้ง ไม่รู้ว่ามีจุดสีแดงปรากฏออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พริบตาเดียวมันก็พุ่งยิงมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว

“ผู้บัญชาการหลัว แย่……แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” จุดแสงสีแดงเข้ามายังไม่ทันถึง แต่กลับมีเสียงตื่นตระหนกตกใจดังเข้ามาถึงก่อน

“อ้าว! ที่แท้ก็เป็นพี่เหยียนนั่นเอง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าถึงได้ลนลานถึงเพียงนี้? ไม่ใช่ว่าเจ้าไปลาดตระเวนอยู่รอบนอกหรอกหรือ?” พอชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจเห็นใบหน้าของคนที่มาอย่างชัดเจน เขาก็เก็บง่ามด้วยความประหลาดใจ

“แย่แล้ว! ห่างออกไปสองร้อยลี้มีกองทหารของเผ่าเจ้าสมุทรอยู่ พวกมันกำลังมุ่งมาทางนี้ อีกไม่นานก็จะมาถึงแล้ว!” พริบตาเดียวแสงสีแดงก็มาถึงตรงหน้า พอลำแสงดับลง ชายหนุ่มเผ่าปีศาจผมสีเขียวที่มีรูปร่างผอมแห้ง ก็พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก

“อะไรนะ! มีเรื่องเช่นนี้ด้วย! ตอนนี้ราชาสมุทรเพิ่งออกจากวังไปพอดี ว่าแต่เผ่าเจ้าสมุทรมากันกี่คนกันแน่?” พอชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจได้ยิน ก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

“เรื่องนี้ไม่อาจแยกแยะได้อย่างชัดเจน พูดได้แค่ว่ามีจำนวนมาก แม้แต่เผ่าเกล็ดทองที่เป็นเชื้อพระวงศ์ชังไห่ก็ปรากฏอยู่ในนั้นด้วย แม้แต่ชนเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสิบก็มี” ชายหนุ่มผมเขียวรายงานอย่างลนลาน

“เผ่าเกล็ดทองกับชนเผ่าทั้งสิบต่างก็ปรากฏตัวแล้ว! ข้าจะรีบส่งสัญญาณเตือน ส่วนเจ้าก็เรียกพี่น้องคนอื่นๆ ให้เข้าไปในชั้นจำกัดใต้ทะเล ในเมื่อครั้งนี้เผ่าเจ้าสมุทรบุกมาถึงรัง มันคงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะสามารถต้านทานได้” ชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจสูดหายใจด้วยรู้สึกเย็นสะท้าน จากนั้นก็ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด เขาหยิบหอยสังข์ขนาดเล็กออกมา และทำท่ามือปล่อยแสงสีขาวเข้าไปในหอยสังข์

ครู่ต่อมา ก็มีเสียงร้องแหลมดังมาจากหอยสังข์ จากนั้นก็จมดิ่งไปลงไปใต้ทะเลที่ลึกหลายพันจั้ง

ขณะเดียวกัน ทหารเผ่าปีศาจที่กระจายอยู่ในรัศมีร้อยกว่าลี้ ก็ค่อยๆ ขี่ฉลามมารวมตัวกัน จากนั้นก็พากันลงไปในโลกใต้สมุทรอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน โลกใต้สมุทรก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ทหารเผ่าปีศาจแต่ละกองหลั่งไหลออกมาจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ พริบตาเดียว ด้านบนของโลกใต้สมุทรที่เงียบสงบ ก็เต็มไปด้วยทหารเผ่าปีศาจจำนวนมาก แต่ละคนต่างก็มีท่าทีเตรียมพร้อม พอมองดูไกลๆ จะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดเป็นอย่างมาก

ค่ายกลโผล่ออกมาตามมุมต่างๆ ของโลกใต้สมุทร ทำให้อากาศบริเวณนั้นเกิดการผันผวนขึ้นมา ภายใต้แสงสว่างที่เปล่งประกาย มีชั้นจำกัดสีต่างๆ โผล่ออกมานอกม่านแสงสีฟ้า มันส่องสะท้อนจนโลกใต้สมุทรกลายเป็นสีต่างๆ

ผ่านไปสักพัก แสงหลากสีที่มีกลิ่นไออันแข็งแกร่ง ก็กระพริบเข้าไปในห้องโถงที่ใช้ปรึกษางานต่างๆ ของพระราชวังใต้สมุทร

พวกเขาก็คือทหารหาญระดับผลึกของราชาปีศาจสมุทร หลังจากได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

และแน่นอนว่าทหารหาญเหล่านี้ เป็นกองกำลังในบังคับบัญชาเพียงส่วนหนึ่งของราชาปีศาจสมุทรเท่านั้น

ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจส่วนมาก ต่างก็ตั้งมั่นอยู่ตามฐานที่มั่นต่างๆ หรือไม่ก็ไปทำภารกิจอยู่ที่อื่น จึงไม่สามารถกลับมาได้ทัน

ข้างในห้องโถงมีแสงไฟส่องสว่าง!

ชิงฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวก้าวไปยังส่วนลึกของพระราชวัง

ในระหว่างทาง เขาหยิบป้ายหยกออกมาอันหนึ่ง พอทำท่ามือด้วยมือเดียว อักขระเล็กๆ แถวหนึ่งก็จมหายเข้าไปในนั้น แต่ผ่านไปซักพัก ก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

“แปลกจริง ชื่อลี่ไม่มีภารกิจที่ต้องออกไปข้างนอก ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มารวมตัวกันที่ห้องโถง ตอนนี้ก็ยังไม่ตอบรับกลับมาอีก” ชิงฉินมองดูแผ่นค่ายกลในมือแล้วพูดพึมพำด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ต่อมาก็เก็บป้ายหยกเข้าไปโดยไม่คิดอะไรอีก

เขาผลักประตูเข้าไปในห้องรับรองแห่งหนึ่ง และหยุดอยู่หน้ารูปวาดทิวทัศน์ที่แขวนอยู่บนผนัง

ชิงฉินชี้มือข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศสองสามที หลังจากแสงสีเขียวกระพริบหายเข้าไปในนั้น รูปวาดทิวทัศน์ก็แยกตัวออกมา เผยให้เห็นห้องลับมืดมิดหลังหนึ่ง

ห้องลับมีขนาดแค่สามสี่จั้ง นอกจากค่ายกลขนาดเล็กที่ประทับอยู่ตรงกลางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของใดๆ อีก

ชิงฉินเดินไปตรงหน้าค่ายกลด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พอสะบัดแขนเสื้อ ก็มีผลึกหินสีเขียวขนาดเท่าลูกกำปั้นพุ่งยิงไปรอบๆ ค่ายกล และหล่นลงบนรอยเว้า ขณะเดียวกันก็ปล่อยวิชาออกไป

แสงสีเขียวเปล่งประกาย และส่งเสียงต่ำๆ ออกมาเป็นระลอกๆ จากนั้นแสงแปลกประหลาดสีเขียวก็แผ่กระจายออกจากใจกลางค่ายกล อักขระจำนวนมากเปล่งประกายระยิบระยับ

ร่างของชิงฉินเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มายืนอยู่บนค่ายกลส่งตัวแล้ว ขณะเดียวกันก็กางนิ้วทั้งห้าออกมา ขนวิหคสีเขียวหยกปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ

“ฟู่!” ขนวิหคพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากหมุนติ้วๆ แล้วมันก็ลอยอยู่กลางอากาศ

ชิงฉินสะบัดแขนเสื้อขึ้นบนอากาศด้วยตาที่เป็นประกาย หลังจากแสงสีเขียวม้วนตัวผ่านไป ขนวิหคก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวที่มีขนาดชุ่นกว่าๆ

เขาร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันนิ้วทั้งสิบก็ดีดพลังใส่กลุ่มแสงสีเขียวอยู่ไม่หยุด

กลุ่มแสงสีเขียวหดและขยายตัวอยู่สองสามที จากนั้นก็ส่งเสียงดังกังวานออกมา พริบตาเดียว ก็กลายเป็นวิหคน้อยสีเขียวหยกตัวหนึ่ง มันก็กระพือปีกบินขึ้นด้านบน หลังจากพร่ามัวอีกครั้ง มันก็หายไปในอากาศ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา