ขณะเดียวกัน ผู้คนบนแท่นหินที่สะสมพลังมานาน ก็เริ่มกระตุ้นเคล็ดวิชาต่างๆ เพื่มโจมตีม่านแสงสีเงินที่ปรากฏขึ้นมาใหม่
คนแรกที่เริ่มโจมตีก็คือซินหยวน
ในขณะที่หลานสี่เพิ่งพูดจบ แสงสีทองจางๆ ก็เปล่งประกายออกจากร่างของซินหยวน จากนั้นเขาก็กระโดดตัวพร้อมกับหมุนควงกระบองเหล็กในมือโจมตีไปยังใจกลางม่านแสงสีเงิน
ครู่ต่อมา เงากระบองสีดำปรากฏออกมาเป็นจำนวนมาก มันทุบใส่ม่านสีเงินอย่างรุนแรง
คลื่นอากาศระเบิดตัวบนม่านแสงพร้อมกับส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น และก่อตัวเป็นพายุบ้าระห่ำม้วนตัวออกไปทั่วทิศ
ซินหยวนยังคงโจมตีต่อโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น กล้ามตัวบนตัวขยายใหญ่ขึ้นมาเท่าตัว จากนั้นลายเส้นสีดำก็ปรากฏบนร่างของเขา
หญิงสาวเผ่าเกล็ดทองขยับตัวลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา และกระจกโบราณก็ปรากฏอยู่บนมือทันที
“ฟู่!”
จุดแสงเล็กๆ จำนวนมากพุ่งออกจากกระจกไปรวมตัวกันกลางอากาศ พริบตาเดียว ก็ก่อตัวเป็นลำแสงสีทองแล้วพุ่งยิงออกไป
และบนแท่นหินที่อยู่ใกล้ๆ หญิงสาวที่ชื่อชิงฉีก็หยิบธงที่มีไอดำลอยวนอยู่ออกมาเป็นครั้งแรก นางโบกสะบัดธงอย่างบ้าคลั่งจนหมอกดำพวยพุ่งออกมา มันค่อยๆ กลายเป็นวิหคประหลาดที่มีหน้าเป็นปีศาจร่างเป็นอินทรีย์ จากนั้นก็พัดพาพายุพุ่งใส่ม่านแสงสีเงินอย่างรุนแรง
ขณะนี้ บนแท่นหินอีกด้านหนึ่งก็มีฝุ่นปลิวว่อน ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังแทรกเข้ามา
คนเผ่าเจ้าสมุทรสองสามคนถือธนูกระดูกขนาดใหญ่ และยิงลูกธนูหลากสีออกไปราวกับสายฝนกระหน่ำ
ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้วไม่นับว่ารวดเร็วมากนัก แต่ทุกการโจมตีต่างก็ทำให้ม่านแสงสีเงินสั่นสะท้าน อานุภาพของมันแปลกประหลาดยิ่งนัก!
ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ ที่อยู่ริมทะเลสาบ ก็ค่อยๆ นำอาวุธที่เป็นท่าไม้ตายของตนเองออกมาร่วมทำการโจมตี
แม้การโจมตีของพวกเขาจะเทียบกับซินหยวนและคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่ด้วยที่ว่ามีคนจำนวนมากโจมตีพร้อมกัน เมื่อมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่ามันดูคล้ายก้อนเมฆอันเรืองรอง อานุภาพจึงแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กขึ้น
ในขณะที่มีเสียงระเบิดดังออกมานั้น ม่านแสงสีเงินก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
ทันทีที่เขาสะบัดข้อมือ แสงสีฟ้าก็เปล่งประกาย เขาใช้นิ้วลูบกระบี่เล็กสีฟ้า และปล่อยพลังเวทย์เข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
กระบี่เล็กสีฟ้าสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แผ่ไอเย็นสะท้านออกมา
หลิ่วหมิงสะบัดข้อมือด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นเงากระบี่จำนวนมากก็ปรากฏออกมา เมื่อเขาคลายนิ้วทั้งห้า กระบี่ทั้งหมดก็พุ่งยิงออกไป มันรวมตัวเข้าด้วยกันในระหว่างทาง และขยายใหญ่ตามแรงลมอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นกระบี่แสงสีฟ้าที่ยาวสามสิบสี่สิบจั้ง
มีเสียงแหลมยาวดังขึ้นมา!
พอหลิ่วหมิงกระตุ้นกระบี่เล็กสีฟ้า มันก็กลายเป็นสายรุ้งแวววาวม้วนตัวออกไป ซึ่งกระพริบแค่ทีเดียว ก็ฟันใส่ม่านแสงที่บิดเบี้ยวทันที
“ตู๊ม!” เกิดเสียงดังสนั่น!
ทันทีที่กระบี่แสงขนาดใหญ่ฟันลงบนม่านแสง มันก็สั่นคลอนเล็กน้อย!
หลิ่วหมิงยืนอยู่บนแท่นหิน เขาขยับแขนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางอากาศ
กระบี่แสงสีฟ้าดีดตัวออกมา และวกกลับไปฟันอีกครั้ง…….
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป!
หลังจากม่านแสงสีเงินบนทะเลสาบถูกกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็พังทลายลง
หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้แสดงความดีใจออกมา ไหมแสงสีโลหิตก็ปรากฏตัวในบริเวณที่ม่านแสงสีเงินพังทลายลง มันทอสลับกันไปมาราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต จากนั้นก็กลายเป็นกำแพงแสงโลหิตปิดกั้นไว้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รีบหยุดโจมตีในทันที
คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน และหยุดการโจมตีเช่นกัน
แต่มีสองคนที่ยังทำการโจมตีด้วยความคึกคะนอง ดูเหมือนว่าจะมีคนหนึ่งยิงลูกธนูหลากสีใส่แสงโลหิต ส่วนอีกคนก็ยกมือทั้งสองปล่อยอัคคีสายฟ้าโจมตี
ฉากแปลกประหลาดได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอการโจมตีของทั้งสองมาถึงด้านหน้ากำแพงสีโลหิต ก็มีเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” จากนั้นก็จมหายไปอย่างน่าประหลาดใจ
ต่อมามีเสียงดัง “โครมคราม!” ดังออกมา จากนั้นลำแสงสีโลหิตก็พุ่งออกมาสองลำ พริบตาเดียวก็มาถึงด้านหน้าของทั้งสอง
เมื่อรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปทันที คนหนึ่งโบกธนูในมือจนกลายเป็นม่านแสงสีขาวห่อหุ้มตนเองไว้
ส่วนอีกคนก็อ้าปากพ่นเปลวไฟใส่ลำแสงในฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา