พอคำพูดนี้ดังออกมา ผู้คนในพรรคฉางเฟิงต่างก็รู้สึกตกใจมาก แม้แต่นักพรตแซ่สือก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
“ที่แท้ก็เป็นคนของสำนักเสียงมหัศจรรย์ ข้าว่าอยู่ทำไมถึงหาต้อตอเสียงของสหายไม่เจอ วิชาหมื่นเงียบวังเวงของสำนักท่านล้ำลึกจริงๆ” น้ำเสียงที่ดูตื่นตะลึงเล็กน้อยดังเข้ามา
เงาร่างชายชุดดำปรากฏขึ้นมาบนอากาศทางด้านพรรคฉางเฟิง
ชายผู้นี้มีอายุราวๆ สี่สิบปี ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ ริมปีปากค่อยๆ เปล่งแสงสีม่วงแวววาว แลดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
พอเฟิงจ้านเห็นคนผู้นี้ เขาก็รีบเข้าไปคารวะด้วยความดีใจ
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน เขาไม่อาจคาดเดาระดับการฝึกฝนของชายชุดดำผู้นี้ได้ เกรงว่าคงอยู่ในระดับแก่นแท้เช่นกัน
นักพรตแซ่สือกับหญิงงดงามแซ่เซียวสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็สงบปากสงบคำด้วยใบหน้าซีดขาว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ในนิกายห้าวิญญาณที่มีประวัติหมื่นปีเช่นนี้ ไหนเลยจะมีที่พูดคุยสำหรับพวกเขา
“ข้าเซวียคุ่ย เป็นผู้อาวุโสสาขาย่อยของนิกายห้าวิญญาณชั่วคราว คิดว่าท่านคงเป็นสหายอวี้ชิงสินะ! ข้าได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้ว” ชายชุดดำค่อยๆ ประสานมือคารวะ น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสเซวีย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาเกาะเล็กๆ แห่งนี้ของทะเลหนานไห่ทำไมกัน?” อวี้ชิงซือไท่คารวะกลับแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ฮ่าๆ สำนักเสียงมหัศจรรย์มาที่นี่ได้ ข้านิกายห้าวิญญาณทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ? ข้าจะไม่พูดคลุมเรือ ประมุขพรรคฉางเฟิงได้มอบสายแร่หยกที่มีวัสดุจิตวิญญาณแฝงอยู่แห่งนี้ ให้กับนิกายห้าวิญญาณแล้ว และยังเข้าร่วมสาขาของนิกายห้าวิญญาณเราด้วย ตอนนี้มีสถานะเป็นผู้ดำเนินการคนหนึ่ง ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็แค่มาตรวจสอบดูสายแร่ของนิกายเท่านั้น” ชายชุดดำหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็พากันฮือฮาขึ้นมา เพียงแต่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสอง ถึงไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อะไรออกมามากนัก
“สหายกล่าวไม่ถูกต้อง สายแร่หินหยกแห่งนี้เป็นแหล่งแร่ของทะเลหนานไห่ เดิมทีก็ไม่ได้เป็นของพรรคฉางเฟิงเพียงผู้เดียวแต่อย่างใด นิกายวิหคสวรรค์ย่อมมีส่วนแบ่งบ้าง และอารามชิงสุ่ยก็เป็นเบื้องบนของนิกายนี้ ซึ่งเป็นสาขาย่อยของสำนักเสียงมหัศจรรย์เราในเขตทะเลหนานไห่ สายแร่นี้แห่งนี้จะยอมให้คนอื่นได้อย่างไร?” หญิงชุดขาวขมวดคิ้ว และค่อยๆ กล่าวออกมาทีละประโยคๆ
พอคำพูดนี้ดังออกมา นักพรตแซ่สือกับหญิงแซ่เซียวก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม
แม้อารามจื่อเซียวกับหอเทียนเซียงจะรู้ว่าอารามชิงสุ่ยมีคนหนุนหลังอยู่ในแผ่นดินจงเทียน และรู้ลางๆ ว่าเป็นสำนักเสียงมหัศจรรย์ แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้
สำนักเสียงมหัศจรรย์กับนิกายห้าวิญญาณ ต่างก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลที่มีประวัติมานับหมื่นปี
ขณะนี้ นักพรตแซ่สือกับหญิงงดงามแซ่เซียว ต่างก็แสดงสีหน้าขมขื่นออกมา ดูท่าสายแร่หินหยกแห่งนี้ พวกเขาคงไม่มีหวังได้ส่วนแบ่งเลยแม้แต่น้อย
“สหายอวี้ชิง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้น้อยที่อยู่ด้านล่างได้ทำการตกลงโดยใช้เดิมพันการต่อสู้มาตัดสินมิใช่หรือ ตอนนี้พรรคฉางเฟิงได้รับชัยชนะแล้ว นิกายวิหคสวรรค์ยังจะมีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งสายแร่อีกหรือ?” ชายชุดดำส่ายหน้ากล่าวเบาๆ สีหน้าของเขายังคงสงบเช่นเดิม
“เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ผู้น้อยคิดเอาเองทั้งนั้น ไหนเลยจะนำมากล่าวอ้างได้จริงๆ จะว่าไปแล้วที่พรรคฉางเฟิงเข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของนิกายห้าวิญญาณหรอกนะ?” อวี้ชิงซือไท่จ้องมองนักพรตแซ่สือที่อยู่ด้านล่างทีหนึ่ง และกล่าวออกมา
นักพรตแซ่สือได้ยินเช่นนี้ ก็ก้มหน้าลงไปทันที เหงื่อเย็นผุดออกมาเต็มใบหน้า
“นี่……” ชายชุดดำสะอึกไปทันที คำพูดนี้ดูเหมือนจะสะกิดจุดอ่อนของเขา ที่พรรคฉางเฟิงแย่งชิงสายแร่แห่งนี้ มีอารามจื่อเซียวคอยหนุนหลังอย่างเปิดเผย แม้ว่ากลุ่มอิทธิพลเล็กๆ อย่างอารามจื่อเซียว จะไม่เข้าตาชายชุดดำเลยแม้แต่น้อย แต่เบื้องหลังของอารามจื่อเซียวก็มีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังอยู่ หากเรื่องนี้ยืดเยื้อนานเข้าจนคนเหล่านั้นรู้ล่ะก็ เกรงว่าเรื่องมันคงไม่ง่าย
“เว่ยจ้ง ศิษย์นิกายข้าก็เข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ทำไมจะไม่ใช่ตัวแทนของนิกายห้าวิญญาณเรา?” ชายชุดดำเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
“เฮ่อๆ! หรือว่าเมื่อครู่ข้าจะดูผิดไป? ดูเหมือนว่าศิษย์ของเจ้าผู้นั้น จะพ่ายแพ้ให้กับศิษย์นิกายวิหคสวรรค์มิใช่หรือ?” หญิงชุดขาวหัวเราะๆ และมองชายชุดดำด้วยแววตาเย้ยหยัน
ชายชุดดำค่อยๆ หน้าแดงขึ้นมา แต่อย่างไรซะเขาก็เป็นผู้ที่ผ่านโลกมาไม่น้อย สีหน้าจึงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“สหายเซวีย ในเมื่อสายแร่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของพรรคฉางเฟิงกับนิกายวิหคสวรรค์ ข้ากับเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงแต่อย่างใด แหล่งแร่ระดับสุดยอดแห่งนี้ ไม่คุ้มค่าที่พวกเราทั้งสองจะต้องมาฉีกหน้ากัน ไม่สู้พวกเราต่างก็ถอยออกมาคนละก้าว และแบ่งสายแร่แห่งนี้เท่าๆ กันดีไหม?” อวี้ชิงซือไท่ถอนหายใจแล้วกล่าวออกมา
ชายชุดดำฟังจบก็คิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว หลังจากคิดชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ก็พยักหน้ากล่าว
“ในเมื่อสหายอวี้ชิงกล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจหักหน้าท่านได้ ดี! ทำตามที่สหายกล่าว!”
“เช่นนี้ก็ดี” อวี้ชิงซือไท่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด
ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสองแบ่งสายแร่หินหยกระดับสุดยอดแห่งนี้อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่กล่าวถึงอารามจื่อเซียวเลยแม้แต่น้อย
แม้นักพรตแต่สือจะรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ก็ยังคงแสดงใบหน้ายิ้มแย้มออกมา และไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา