ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 463

สรุปบท ตอนที่ 463: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 463 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 463 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 463 อวี้ชิง
ตอนที่ 463 อวี้ชิง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หญิงสาวที่ดูเหมือนไร้ที่ติผู้นี้ ก็เป็นผู้ฝึกฝนที่ไว้ผมเช่นกัน

พอคำพูดนี้ดังออกมา ผู้คนในพรรคฉางเฟิงต่างก็รู้สึกตกใจมาก แม้แต่นักพรตแซ่สือก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน

“ที่แท้ก็เป็นคนของสำนักเสียงมหัศจรรย์ ข้าว่าอยู่ทำไมถึงหาต้อตอเสียงของสหายไม่เจอ วิชาหมื่นเงียบวังเวงของสำนักท่านล้ำลึกจริงๆ” น้ำเสียงที่ดูตื่นตะลึงเล็กน้อยดังเข้ามา

เงาร่างชายชุดดำปรากฏขึ้นมาบนอากาศทางด้านพรรคฉางเฟิง

ชายผู้นี้มีอายุราวๆ สี่สิบปี ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ ริมปีปากค่อยๆ เปล่งแสงสีม่วงแวววาว แลดูแปลกประหลาดยิ่งนัก

พอเฟิงจ้านเห็นคนผู้นี้ เขาก็รีบเข้าไปคารวะด้วยความดีใจ

พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน เขาไม่อาจคาดเดาระดับการฝึกฝนของชายชุดดำผู้นี้ได้ เกรงว่าคงอยู่ในระดับแก่นแท้เช่นกัน

นักพรตแซ่สือกับหญิงงดงามแซ่เซียวสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็สงบปากสงบคำด้วยใบหน้าซีดขาว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ในนิกายห้าวิญญาณที่มีประวัติหมื่นปีเช่นนี้ ไหนเลยจะมีที่พูดคุยสำหรับพวกเขา

“ข้าเซวียคุ่ย เป็นผู้อาวุโสสาขาย่อยของนิกายห้าวิญญาณชั่วคราว คิดว่าท่านคงเป็นสหายอวี้ชิงสินะ! ข้าได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้ว” ชายชุดดำค่อยๆ ประสานมือคารวะ น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสเซวีย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาเกาะเล็กๆ แห่งนี้ของทะเลหนานไห่ทำไมกัน?” อวี้ชิงซือไท่คารวะกลับแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ฮ่าๆ สำนักเสียงมหัศจรรย์มาที่นี่ได้ ข้านิกายห้าวิญญาณทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ? ข้าจะไม่พูดคลุมเรือ ประมุขพรรคฉางเฟิงได้มอบสายแร่หยกที่มีวัสดุจิตวิญญาณแฝงอยู่แห่งนี้ ให้กับนิกายห้าวิญญาณแล้ว และยังเข้าร่วมสาขาของนิกายห้าวิญญาณเราด้วย ตอนนี้มีสถานะเป็นผู้ดำเนินการคนหนึ่ง ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็แค่มาตรวจสอบดูสายแร่ของนิกายเท่านั้น” ชายชุดดำหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา

พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็พากันฮือฮาขึ้นมา เพียงแต่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสอง ถึงไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อะไรออกมามากนัก

“สหายกล่าวไม่ถูกต้อง สายแร่หินหยกแห่งนี้เป็นแหล่งแร่ของทะเลหนานไห่ เดิมทีก็ไม่ได้เป็นของพรรคฉางเฟิงเพียงผู้เดียวแต่อย่างใด นิกายวิหคสวรรค์ย่อมมีส่วนแบ่งบ้าง และอารามชิงสุ่ยก็เป็นเบื้องบนของนิกายนี้ ซึ่งเป็นสาขาย่อยของสำนักเสียงมหัศจรรย์เราในเขตทะเลหนานไห่ สายแร่นี้แห่งนี้จะยอมให้คนอื่นได้อย่างไร?” หญิงชุดขาวขมวดคิ้ว และค่อยๆ กล่าวออกมาทีละประโยคๆ

พอคำพูดนี้ดังออกมา นักพรตแซ่สือกับหญิงแซ่เซียวก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม

แม้อารามจื่อเซียวกับหอเทียนเซียงจะรู้ว่าอารามชิงสุ่ยมีคนหนุนหลังอยู่ในแผ่นดินจงเทียน และรู้ลางๆ ว่าเป็นสำนักเสียงมหัศจรรย์ แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้

สำนักเสียงมหัศจรรย์กับนิกายห้าวิญญาณ ต่างก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลที่มีประวัติมานับหมื่นปี

ขณะนี้ นักพรตแซ่สือกับหญิงงดงามแซ่เซียว ต่างก็แสดงสีหน้าขมขื่นออกมา ดูท่าสายแร่หินหยกแห่งนี้ พวกเขาคงไม่มีหวังได้ส่วนแบ่งเลยแม้แต่น้อย

“สหายอวี้ชิง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้น้อยที่อยู่ด้านล่างได้ทำการตกลงโดยใช้เดิมพันการต่อสู้มาตัดสินมิใช่หรือ ตอนนี้พรรคฉางเฟิงได้รับชัยชนะแล้ว นิกายวิหคสวรรค์ยังจะมีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งสายแร่อีกหรือ?” ชายชุดดำส่ายหน้ากล่าวเบาๆ สีหน้าของเขายังคงสงบเช่นเดิม

“เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ผู้น้อยคิดเอาเองทั้งนั้น ไหนเลยจะนำมากล่าวอ้างได้จริงๆ จะว่าไปแล้วที่พรรคฉางเฟิงเข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของนิกายห้าวิญญาณหรอกนะ?” อวี้ชิงซือไท่จ้องมองนักพรตแซ่สือที่อยู่ด้านล่างทีหนึ่ง และกล่าวออกมา

นักพรตแซ่สือได้ยินเช่นนี้ ก็ก้มหน้าลงไปทันที เหงื่อเย็นผุดออกมาเต็มใบหน้า

“นี่……” ชายชุดดำสะอึกไปทันที คำพูดนี้ดูเหมือนจะสะกิดจุดอ่อนของเขา ที่พรรคฉางเฟิงแย่งชิงสายแร่แห่งนี้ มีอารามจื่อเซียวคอยหนุนหลังอย่างเปิดเผย แม้ว่ากลุ่มอิทธิพลเล็กๆ อย่างอารามจื่อเซียว จะไม่เข้าตาชายชุดดำเลยแม้แต่น้อย แต่เบื้องหลังของอารามจื่อเซียวก็มีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังอยู่ หากเรื่องนี้ยืดเยื้อนานเข้าจนคนเหล่านั้นรู้ล่ะก็ เกรงว่าเรื่องมันคงไม่ง่าย

“เว่ยจ้ง ศิษย์นิกายข้าก็เข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ทำไมจะไม่ใช่ตัวแทนของนิกายห้าวิญญาณเรา?” ชายชุดดำเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา

“เฮ่อๆ! หรือว่าเมื่อครู่ข้าจะดูผิดไป? ดูเหมือนว่าศิษย์ของเจ้าผู้นั้น จะพ่ายแพ้ให้กับศิษย์นิกายวิหคสวรรค์มิใช่หรือ?” หญิงชุดขาวหัวเราะๆ และมองชายชุดดำด้วยแววตาเย้ยหยัน

ชายชุดดำค่อยๆ หน้าแดงขึ้นมา แต่อย่างไรซะเขาก็เป็นผู้ที่ผ่านโลกมาไม่น้อย สีหน้าจึงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“สหายเซวีย ในเมื่อสายแร่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของพรรคฉางเฟิงกับนิกายวิหคสวรรค์ ข้ากับเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงแต่อย่างใด แหล่งแร่ระดับสุดยอดแห่งนี้ ไม่คุ้มค่าที่พวกเราทั้งสองจะต้องมาฉีกหน้ากัน ไม่สู้พวกเราต่างก็ถอยออกมาคนละก้าว และแบ่งสายแร่แห่งนี้เท่าๆ กันดีไหม?” อวี้ชิงซือไท่ถอนหายใจแล้วกล่าวออกมา

ชายชุดดำฟังจบก็คิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว หลังจากคิดชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ก็พยักหน้ากล่าว

“ในเมื่อสหายอวี้ชิงกล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจหักหน้าท่านได้ ดี! ทำตามที่สหายกล่าว!”

“เช่นนี้ก็ดี” อวี้ชิงซือไท่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด

ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสองแบ่งสายแร่หินหยกระดับสุดยอดแห่งนี้อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่กล่าวถึงอารามจื่อเซียวเลยแม้แต่น้อย

แม้นักพรตแต่สือจะรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ก็ยังคงแสดงใบหน้ายิ้มแย้มออกมา และไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย

และนักพรตแซ่สือก็นึกได้ในฉับพลัน!

ในที่สุดเขาก็นึกได้ว่า เงามังกรพยัคฆ์บนตัวหลิ่วหมิงเมื่อครู่ เขาเคยพบเจอบนตัวศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ในแผ่นดินจงเทียนครั้งหนึ่ง

แต่ดูเหมือนว่าเงาร่างที่คนผู้นั้นแสดงออกมา จะแตกต่างกับหลิ่วหมิงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำไม่ได้ในตอนแรก

ตู๋กูอวี้ เฟิงจ้าน และคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าตื่นเต้นมาก

ซินหยวนก็ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง

สำหรับเขาแล้ว กลุ่มอิทธิพลระดับพรรคฉางเฟิง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากลุ่มอิทธิพลบางกลุ่มในเขตทะเลหนานไห่เลย แต่กลับสังกัดอยู่แค่หนึ่งในสิบกลุ่มอิทธิพลใหญ่ของทะเลหนานไห่เท่านั้น

และอารามชิงสุ่ยที่เป็นหนึ่งในสิบกลุ่มอิทธิพลใหญ่ในทะเลหนานไห่ กลับเป็นแค่หนึ่งในสาขาของสำนักเสียงมหัศจรรย์ในแผ่นดินจงเทียนที่มีประวัติมานับหมื่นปี และสำนักเสียงมหัศจรรย์เองกลับเป็นแค่สำนักย่อยของนิกายยอดบริสุทธิ์เท่านั้น ถ้าอย่างนั้นนิกายยอดบริสุทธิ์ที่เป็นหนึ่งในสี่ยอดนิกายใหญ่จะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่อาจจินตนาการออกมาได้

“ดี! ในเมื่อซือไท่กับนิกายยอดบริสุทธิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ข้าก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬนี้มาจากผู้อาวุโสท่านหนึ่งในนิกายยอดบริสุทธิ์ไม่มีผิด และสถานะของผู้อาวุโสท่านนี้ก็ค่อนข้างพิเศษมาก” หลิ่วหมิงครุ่นคิดไปมาหลายตลบ เขารู้แก่ใจว่าไม่อาจพูดแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้ จึงได้แต่กัดฟันตอบกลับไป

“ดีมาก! สหายทุกท่าน สหายหลิ่วผู้นี้อาจมีที่มาเกี่ยวพันกับนิกายยอดบริสุทธิ์ หวังว่าทุกท่านจะหลบเลี่ยงเล็กน้อย” อวี้ชิงซือไท่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า ทันใดนั้นก็กล่าวกับคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าสงบ

พอได้ยินเช่นนี้ แม้แต่เซวียคุ่ยเองก็ต้องพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และหมุนตัวจากไป

คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาต่างพากันทะยานขึ้นฟ้าเพื่อหลบไปไกลๆ

แต่ก่อนซินหยวนจะไป ก็มองหลิ่วหมิงด้วยความเป็นห่วง จากนั้นถึงจำใจจากไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง

ส่วนเจียหลานนั้น ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนไปก็มองดูหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าสงสัยแปลกๆ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา