ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 474

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 474 เทือกเขาตะวันมืด
ตอนที่ 474 เทือกเขาตะวันมืด
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากหุ่นนักรบล้มลงไปแล้ว ก็มีแสงทรงกลดสีขาวสว่างขึ้นตรงใจกลางห้องลับ และแผ่ขยายออกไป

อักขระสีเงินจำนวนมากปรากฏออกมาท่ามกลางแสงสีขาว และกระพือขึ้นลงรอบจุดศูนย์กลางอยู่ไม่หยุด ภายใต้การประสานสลับกันไปมา ไม่นานก็ก่อตัวเป็นค่ายกลสีขาวสลัวๆ หลังหนึ่ง

พอมีลำแสงเปล่งประกายออกมา แผ่นป้ายขนาดเท่าฝ่ามือก็โผล่ขึ้นจากกลางค่ายกล

“นี่คือค่ายกลส่งตัว……” หลิ่วหมิงเก็บมุกพลังวารี และไอมังกรพยัคฆ์ทมิฬบนตัวเข้าไป หลังจากเดินวนสำรวจดูค่ายกลส่งตัวไปหนึ่งรอบแล้ว ก็พูดพึมพำออกมา

ในเมื่อค่ายกลปรากฏออกมา ก็แสดงว่าเขาผ่านการทดสอบนี้แล้ว

และป้ายอันนี้กับป้ายประจำตัวของเขา มีจุดที่คล้ายกันหลายแห่ง คิดว่าคงใช้ในตอนที่รับภารกิจบนป้ายประกาศใน

หลิ่วหมิงก้มลงหยิบแผ่นป้าย และค่อยๆ เดินเข้าไปกลางค่ายกล

ค่ายกลส่งตัวเปล่งแสงเจิดจ้าออกมาทันที จากนั้นคลื่นอากาศก็ก่อตัวขึ้น

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าภาพบริเวณรอบด้านพร่ามัว พอได้สติกลับมา ก็มาปรากฏตัวในมุมหนึ่งของหอขนาดใหญ่

“ที่นี่คงเป็นหอใน” หลิ่วหมิงถือป้ายไว้ และสำรวจดูรอบด้าน

การตกแต่งของสถานที่แห่งนี้ คล้ายกับหอใหญ่ในก่อนหน้านั้นมาก เสาหินขนาดใหญ่ค้ำยันอยู่ตรงมุมทั้งสี่ ใจกลางหอมีกำแพงหยกที่ค่อนข้างเล็กตั้งอยู่ มันเปล่งแสงสีเงินจางๆ ออกมา มีภารกิจเรียงรายเป็นแถวๆ

เพียงแต่ว่า ‘ป้ายประกาศลี้ลับ’ ที่ปรากฏบนกำแพงหยกกลับเป็นสีทอง

และที่แตกต่างจากหอนอกที่มีกลุ่มคนจำนวนมากก็คือ ดูเหมือนที่นี่จะมีคนอยู่แค่ยี่สิบคน ประจักษ์ชัดว่ากว้างโล่งมาก และแต่ละคนต่างก็สวมชุดคลุมสีเทาเหมือนกับหลิ่วหมิง นอกจากรูปร่างอ้วนผอมสูงต่ำแล้ว ก็ไม่สามารถตรวจสอบกลิ่นไอใดๆ ได้เลย

กลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีคนพูดคุยกัน เทียบกับหอนอกที่คึกคักแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยความสงบ และมีบรรยากาศที่ดูอึดอัดใจกว่ามาก

พอหลิ่วหมิงปรากฏตัว ผู้คนที่ล้อมรอบกำแพงหยกอยู่ ก็มีคนสองสามคนหันมามองทีหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ประจักษ์ชัดว่าไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจ หลังจากเดินเข้าไปในกลุ่มคนแล้ว ก็ค่อยๆ กวาดสายตาไปบนกำแพงหยกที่อยู่ตรงหน้า

……

และในขณะเดียวกัน ภายในห้องลับบางแห่งในหอลี้ลับ ศิษย์ชุดคลุมสีเหลืองที่รูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่ง กำลังเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ ในมือกำลังประคองแผ่นค่ายกลด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ อักขระหยกที่อยู่บนนั้นแตกร้าวไปกว่าครึ่งหนึ่ง มีเพียงแค่กระจกทองแดงที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์

ข้างในกระจกกำลังแสดงรูปภาพช่วงหนึ่ง มันคือฉากที่หลิ่วหมิงต่อสู้กับหุ่นนักรบในเมื่อครู่ ระยะเวลาการต่อสู้ไม่นานมากนัก ทั้งสองแลกมือกันไม่ถึงชั่วเวลาครึ่งถ้วยชา ก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว

พอศิษย์ชุดคลุมสีเหลืองกวาดสายตามองอย่างไม่ใส่ใจ ก็เห็นว่าหลิ่วหมิงกำลังแสดงเงาร่างมังกรพยัคฆ์ เขาจึงรู้สึกตกตะลึงในทันที ร่างที่เอนตัวอยู่ก็ค่อยๆ ตั้งตรงขึ้นมา

“ไอ้โง่คนใดไปฝึกฝนวิชาโง่ๆ อย่างเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬกัน แต่ดูท่าทีแล้วแม้แต่ขั้นที่สองก็ยังฝึกฝนไม่สำเร็จ คาดว่าน่าจะเป็นศิษย์สายในที่เพิ่งเข้ามาใหม่” ศิษย์ชุดคลุมสีเหลืองเกาศีรษะ และพูดพึมพำออกมา

ชายร่างอ้วนส่ายศีรษะ พอสะบัดแขนเสื้อ ภาพบนกระจกทองแดงก็กระพริบหายไป

เขาเอนหลังลงบนเก้าอี้อีกครั้ง มือขนาดใหญ่ล้วงบริเวณหน้าอกสองที ไม่รู้ว่าเขาเอาน่องไก่ย่างสีเหลืองออกมาจากไหน จากนั้นก็กัดกินราวกับว่าลืมเรื่องราวเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น

……

ภายในหอลี้ลับ

ขณะนี้หลิ่วหมิงกวาดสายตาดูภารกิจบนกำแพงหยกแบบผ่านๆ ไปหนึ่งรอบ สีหน้าเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

ภารกิจในนี้อันตรายกว่าป้ายประกาศนอกมาก ภารกิจส่วนใหญ่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกขนลุกอย่างช่วยไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันแต้มคุณูปการที่เป็นค่าตอบแทน ก็สูงเกินกว่าที่ป้ายประกาศนอกจะเปรียบเทียบได้

ยกตัวอย่างเช่น รวบรวมหนวดสัมผัสของมดสายไฟ หนึ่งเส้นจะได้รับห้าร้อยแต้มคุณูปการ

หลิ่วหมิงเคยอ่านเจอมดสายไฟในคัมภีร์ของพรรคฉางเฟิง มดสายไฟเป็นแมลงอสูรดุร้ายที่ปรากฏตัวในเขตภูเขาไฟ ลำตัวยาวสองสามหมี่ ทั้งยังจัดการได้ยากมาก เปลวไฟปีศาจที่มันพ่นออกมา พอที่จะเทียบเท่ากับเปลวไฟในภูเขาไฟได้ พออาวุธจิตวิญญาณทั่วไปสัมผัสกับมัน ก็จะละลายในทันที พลังของมันก็พอที่จะเทียบเท่ากับผู้ฝึกฝนระดับของเหลวได้

หากเป็นเช่นนี้ก็ดี แต่สิ่งที่แมลงอสูรทำให้คนรู้สึกปวดหัวก็คือ พวกมันเคลื่อนไหวเป็นฝูงมาโดยตลอด ฝูงหนึ่งมีหลายร้อยหลายพันตัว

อสูรตั๊กแตนโลหิตที่เขา ซินหยวน ฟางเหยา และคนอื่นๆ ออกไปล่าในก่อนหน้านั้น มีพลังแค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณ มีแค่ราชาอสูรเท่านั้นที่อยู่ระดับของเหลวจิตวิญญาณ แต่ยังต้องวางค่ายกล และเสียพลังไปมาก ทั้งยังต้องสูญเสียสหายร่วมทางไปคนหนึ่ง ถึงสามารถทำลายรังของมันได้ และเพื่อสิ่งนี้หลิ่วหมิงถึงกับต้องใช้ทรายทองคำร่วงที่เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา

พอนึกถึงมดสายไฟระดับของเหลวหลายร้อยตัว พ่นไฟปีศาจละลายหินละลายภูเขากระโจนเข้ามา หลิ่วหมิงก็รู้สึกขนลุกขนชันอย่างช่วยไม่ได้

ลำดับต่อมา ล่าผีเสื้อแห่งฝัน นำหินโอสถที่อยู่ในร่างของมันออกมา แต่ละก้อนจะได้หนึ่งพันแต้มคุณูปการเป็นค่าตอบแทน

ผีเสื้อแห่งฝันเป็นปีศาจอสูรที่สีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ มีพลังไม่มากนัก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นต้น ศิษย์ระดับของเหลวทั่วไปสามารถรับมือแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และอสูรชนิดนี้ก็ไม่ได้ปรากฏตัวเป็นฝูง

ผีเสื้อแห่งฝันตัวผู้ที่ตัวโตเต็มที่ จะเกาะตัวหินโอสถในร่างได้หนึ่งก้อน หินโอสถชนิดนี้เป็นวัตถุดิบของโอสถที่ประสิทธิผลมาก และเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของการปรุงโอสถระดับสุดยอดหลายชนิด

แม้จะบอกว่าฝีเสื้อแห่งฝันมีพลังอ่อนแอ แต่ปีศาจอสูรชนิดนี้กลับใช้ชีวิตอยู่ในหมู่มวลบุปผาพิษราตรีตลอดปี

และบุปผาพิษราตรีเป็นบุปผาพิเศษชนิดหนึ่งในแผ่นดินจงเทียน ปกติจะเกิดในสิ่งแวดล้อมที่เปียกชื้น และก่อตัวเป็นบุปผาทะเลในระยะหลายร้อยลี้ ขณะเดียวกันก็แผ่ไอพิษร้ายแรงออกมาไม่ขาดสาย หากผู้ฝึกฝนธรรมดาสูดดมไอพิษโดยไม่ทันระวังล่ะก็ ไม่อยากจะนึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา