ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 510

สรุปบท ตอนที่ 510: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 510 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 510 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 510 ไข่หนอนสีขาว
ตอนที่ 510 ไข่หนอนสีขาว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชั่วเวลาแค่ครึ่งถ้วยชา แสงกระบี่สีแดงก็ค่อยๆ มืดลง และถูกกดดันจนมีความยาวแค่ฉื่อกว่าๆ ทั้งยังต้องร่นถอยเป็นระยะๆ

หลิ่วหมิงถอนหายใจยาวๆ ออกมา เขากวักมือเรียกกระบี่บินกลับมาในทันที เมื่อเผชิญหน้ากับเงากระบี่ที่พุ่งเข้ามาเช่นนี้ เขาก็สะบัดแขนเสื้อในทันที จุดแสงสีทองหมุนติ้วๆ ออกมา พอมีเสียงดัง “ฟู่!” มันก็แผ่ขยายเป็นม่านทราย

จากนั้นเขาก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว และปล่อยพลังเข้าไปในหมอกทราย

“ฟู่!” หมอกทรายสีทองม้วนตัวขึ้นมา และกลายเป็นชั้นป้องกันบังอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มชุดผ้าแพรเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาเยาะเย้ยออกมา พอเขาตะคอกเสียง นิ้วทั้งสิบก็คลื่นไหวอย่างรวดเร็วราวกับล้อรถ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าเขาปล่อยวิชาออกมาเท่าใด จากนั้นแสงกระบี่สีเขียวก็พร่ามัวขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมาก็กลายเป็นอสรพิษยักษ์สีเขียวที่ยาวเกือบสิบจั้ง

ในที่สุดคนผู้นี้ก็แสดงวิชากระบี่ที่แท้จริงออกมา คิดไม่ถึงว่าจะทำให้กระบี่บินเปลี่ยนรูปร่างได้

พออสรพิษสีเขียวส่ายหาง ก็มีเงาสีเขียวจำนวนมากปะทะใส่ม่านทรายสีทอง

“เพล้ง!”

บริเวณที่แสงสีเขียวเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้มีแสงสีทองหมุนวนอยู่บนผิวม่านทราย และกลายเป็นเม็ดทรายกระเด็นไปทั่วทิศ ซึ่งไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

มีเสียงแตกหักดังมาอย่างกระชั้นชิด

อสรพิษยักษ์สีเขียวทำลายชั้นป้องกันหลายชั้น และกระโจนมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง จากนั้นก็อ้าปากเพื่อจะงับเขาอย่างโหดเหี้ยม

จินอวี้หวนที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ ก็อุทานด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้

ใบหน้าแคบยาวของซาทงเทียนดูเย็นชาขึ้นมา เขาชี้นิ้วออกไปด้านหน้าโดยไม่คิดจะยั้งมือ

แต่หลิ่วหมิงเพียงแค่ขยับไหล่ ร่างของเขาก็พร่ามัว หลังจากม้วนตัวท่ามกลางหมอกทราย ร่างของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

อสรพิยักษ์โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับความว่างเปล่า

ชายหนุ่มชุดผ้าแพรเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา

แต่ครู่ต่อมา มีเงาร่างกระพริบออกมาท่ามกลางม่านทรายที่อยู่เหนือหัวของอสรพิษยักษ์ หลังจากมีเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมาพร้อมกัน หลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมาพร้อมกับไอดำที่พวยพุ่ง และถือโอกาสที่ชายหนุ่มกำลังตกตะลึง ปล่อยกำปั้นที่มีเกล็ดสีแดงปกคลุมออกไปอย่างรุนแรง และทุบหัวอสรพิษยักษ์สีเขียวอย่างหนักหน่วง

อสรพิษยักษ์กระเด็นออกไปพร้อมเสียงร้องโหยหวน แสงสีเขียวรอบตัวสลายไป และกลายร่างเป็นกระบี่บินสีเขียวก่อนดีดตัวกลับมา

“เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ! นี่เป็นวิชาในนิกาย ทำไมเจ้าถึงเป็นวิชานี้!” พอซาทงเทียนเห็นไอดำบนตัวหลิ่วหมิง ก็รู้สึกอึ้งในตอนแรก แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตะโกนถามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โบกมือเรียกกระบี่บินกลับมา และก้มมองดูมัน

แสงบนกระบี่บินขาดๆ หายๆ ดูเหมือนจะมีสภาพไม่มั่นคงเล็กน้อย คมกระบี่ก็มีร่องรอยเล็กน้อย ดูท่าคงจะสูญเสียจิตวิญญาณไปมาก ดวงตาของชายหนุ่มดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“แน่นอนว่าย่อมเป็นวิชาที่นิกายให้มา ว่าแต่ท่านยังจะต่อสู้อีกหรือไม่?” หลิ่วหมิงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ และเก็บไอดำบนตัวเข้าไป ขณะเดียวกันก็ปล่อยพลังออกไป และม่านทรายก็ม้วนตัวเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

ซาทงเทียนผู้นี้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆ อานุภาพการป้องกันของทรายทองคำแข็งแกร่งแค่ไหน นอกจากราชาอัคคีจิตวิญญาณแล้ว นี่เป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวคนที่สองที่สามารถทำลายมันได้

แต่ว่ากำปั้นเมื่อครู่ของเขา ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียพลังเล็กน้อย

“เจ้าชื่ออะไร ศิษย์สายนอกในก่อนหน้านี้คงไม่มีคนอย่างเจ้า คงเป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่สินะ?” ชายหนุ่มชุดผ้าแพรตาเป็นประกาย และสังเกตดูหลิ่วหมิงอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น

“ข้าเป็นแค่คนไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่งเท่านั้น ต่อให้บอกชื่อแซ่ไป เกรงว่าศิษย์พี่ก็ไม่รู้จักอยู่ดี” หลิ่วหมิงหัวเราะแล้วกล่าวออกมา

“ดี! ข้าจำเจ้าไว้แล้ว ในเมื่อเจ้ายืนกรานจะช่วยเจ้าหนูนี่ ก็ตามใจเจ้าเถอะ! แต่หากครั้งหน้าเจ้ามาขวางทางข้าอีกล่ะก็ เรื่องมันคงจะไม่ง่ายเช่นนี้” ซาทงเทียนกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย จากนั้นก็หมุนตัวทะยานจากไปอย่างไม่ลังเล

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย และเขาก็ครุ่นคิดด้วยตาที่เป็นประกาย

“คิดไม่ถึงว่าพลังของศิษย์พี่หลิ่วจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ทั้งยังบีบให้เขาถอยไปได้” เห็นได้ชัดว่าจินอวี้หวนไม่ได้คิดอะไรมาก พอเห็นว่าชายหนุ่มชุดผ้าแพรจากไปไกลแล้ว นางก็รีบเหาะมาข้างหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบานใจ

“แม่นางจินกล่าวเกินไปแล้ว ก็แค่โชคนี้เท่านั้น คนผู้นี้เป็นศิษย์สายใน คงจะซ่อนท่าไม้ตายไว้ไม่น้อย ข้าเองก็ทำได้เพียงเท่านี้ แต่ข้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ในตลาดของนิกายในก่อนหน้านั้น ข้าได้ยินมาว่าคนผู้นี้ก่อกวนแม่นางอยู่ไม่หยุด วันนี้ยังมาไกลถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุพิเศษอันใด?” หลิ่วหมิงหัวเราะเหอะๆ! และเปลี่ยนเรื่องในฉับพลัน

“อันนี้……” จินอวี้หวนมีสีหน้าชะงักงันในทันที

“หากแม่นางจินลำบากใจที่จะพูดออกมา ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“ศิษย์พี่หลิ่วกล่าวเกินไปแล้ว วันนี้สามารถบีบให้คนผู้นี้ถอยไปได้ ล้วนเป็นเพราะความสามารถของศิษย์พี่หลิ่ว ไหนเลยข้าจะกล้าปิดบังท่าน ตระกูลซาของเขาวางแผนจะเอาสมบัติที่บรรพบุรุษของตระกูลจินได้ทิ้งไว้ ดังนั้นถึงได้ทำให้ข้าลำบากใจมาโดยตลอด” สีหน้าของจินอวี้หวนเปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างคลุมเครือ

“ใช่หรือ?” หลิ่วหมิงเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

“ไม่ได้เป็นอันขาดตัวไหมน้ำแข็งนี้มีความรู้สึกไวต่อพลังของชั้นจำกัดมาก หากวางค่ายกลไว้ที่นี่ คาดว่ามันคงไม่กล้าออกจากบ่อเย็นอย่างแน่นอน”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามแผนของแม่นางเถอะ!” หลิ่วหมิงพยักหน้า และไม่พูดอะไรออกมาอีก

นางรู้จักตัวไหมน้ำแข็งในบ่อดีเช่นนี้ ดูท่าคงจะศึกษามานานแล้ว เช่นนี้ก็ดี เตรียมการได้รอบคอบเช่นนี้ เชื่อว่าคงจะจัดการตัวไหมน้ำแข็งตัวนั้นได้อย่างราบรื่น

หลังจากทั้งสองหารือกันเรียบร้อยแล้ว ก็รีบดำเนินการในทันที

จินอวี้หวนนำกล่องไม้ยาวครึ่งฉื่อออกมาจากเอว มียันต์สีเหลืองจางๆ แปะอยู่บนนั้น

นางดึงยันต์ออกอย่างไม่ลังเล และเปิดกล่องออกมา

พอเปิดฝากล่องออก ควันเย็นสะท้านสีขาวเทาก็พวยพุ่งออกมา หลังจากไอเย็นสลายไป ไข่หนอนสีขาวขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกัน กลิ่นคาวจางๆ ก็โชยออกมาพร้อมกัน

นางค่อยๆ จับไข่หนอนออกมาอย่างระมัดระวัง และเคลื่อนตัวไปยังมุมหนึ่งของถ้ำที่อยู่ห่างจากบ่อเย็นมากที่สุด จากนั้นก็ฝังมันลงดินครึ่งหนึ่ง

ขณะนี้ จินอวี้หวนถึงเคลื่อนตัวไปซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง และบีบตราหยกจนแหลกละเอียดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

แสงสีขาวจางๆ เปล่งประกายออกมา จากนั้นร่างของนางก็ค่อยๆ จมหายไปในอากาศ

“นี่คือเหยื่อล่อที่พูดถึง……”

หลิ่วหมิงจ้องมองไข่หนอนไม่ทราบชื่อด้วยสีหน้าครุ่นคิด พอออกแรงที่นิ้วทั้งห้า ตรากหยกก็แตกกระจาย และเขาก็ซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่ง

ครึ่งชั่วยามผ่านไป ก็มีระลอกคลื่นก่อตัวบนผิวน้ำที่เงียบสงบ จากนั้นคลื่นพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งก็ปนเปเข้ามากับไอเย็นสะท้าน

“ได้ผลจริงๆ ด้วย ไข่หนอนไม่ทราบชื่อใบนั้น สามารถล่อตัวไหมน้ำแข็งระดับของเหลวขั้นปลายออกมาได้อย่างง่ายดาย คิดว่ามันคงไม่ใช่ไข่หนอนธรรมดาแล้ว” สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปในทันที และคิดเช่นนี้อยู่ในใจ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา