ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 530

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 530 ร้านเผ่าค้างคาว
ตอนที่ 530 ร้านเผ่าค้างคาว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“คิดว่าทั้งสามคงได้ยินกันมาแล้ว ศิษย์พี่ซูมีเรื่องต้องจากที่นี่ไปหนึ่งปี ช่วงระหว่างเวลานี้ ข้าจะประจำการที่หอร้อยหลอมแทน ข้าหลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้า จากนี้ต่อไปเรียกชื่อข้าก็พอแล้ว ข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการค้า ดังนั้นการค้าภายในร้านยังต้องไหว้วานพวกท่าน ขอให้ทำทุกอย่างเหมือนปกติก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา

“ท่านทูตหลิ่วอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ต่อไปเรื่องในร้าน ยังต้องให้ท่านทูตเป็นคนตัดสินใจ ส่วนเรื่องหยุมหยิมอื่นๆ พวกข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ” เถ้าแก่เย่เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธอีกสองคนได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง

ศิษย์ที่มาประจำการชั่วคราวผู้นี้ ดูเหมือนจะรู้จักวางตัวได้ดี ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น สิ่งนี้ทำให้ทั้งสองแอบโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

หลังจากที่คนเหล่านี้พูดคุยกันสองสามประโยคแล้ว เถ้าแก่เย่ก็ให้ชายวัยกลางคนทั้งสองกลับไปที่ห้องหลอมอาวุธ ส่วนตนเองก็พาหลิ่วหมิงไปทำความรู้จักกับสถานที่ต่างๆ ในหอร้อยหลอม

ตอนที่เพิ่งเข้ามานั้น หลิ่วหมิงก็แค่ปราดตามองแบบผ่านๆ ขณะนี้มีเถ้าแก่เย่คอยอธิบายให้ เขาจึงรู้จักหอร้อยหลอมใหม่อีกครั้ง

ชั้นหนึ่งเป็นหน้าร้านที่ดูโบราณและเรียบง่าย มีหิ้งสินค้าเรียงเป็นแถวๆ มีอาวุธเวท อาวุธจิตวิญญาณ และหินแร่ต่างๆ อยู่บนหลังตู้

ชั้นสองกั้นเป็นห้องรับรองสองห้องกับห้องรับแขกหนึ่งห้อง ใช้เพื่อต้อนรับแขกระดับสูงหรือทำการค้าส่วนตัวบางอย่าง ตกแต่งได้ค่อนข้างวิจิตรงดงามมาก

ห้องรับรองล้วนมีชั้นจำกัดกั้นเสียงของนิกายยอดบริสุทธิ์ สถานการณ์ด้านใน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึก ก็ไม่สามารถสอดแนมจากภายนอกได้

ส่วนชั้นสามมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก ที่นี่เป็นห้องสงบจิตของศิษย์ที่มาประจำการ

ด้านหลังหอร้อยหลอมเป็นโรงหลอมอาวุธ อาวุธอาญาสิทธิ์ อาวุธจิตวิญญาณที่วางอยู่บนตู้ ล้วนหลอมมาจากโรงหลอมนี้

หลิ่วหมิงไม่เคยมีประสบการณ์หลอมอาวุธมาก่อน ขณะนี้เขาได้เปิดโลกทัศน์ไม่น้อย

สุดท้าย เถ้าแก่เย่พาหลิ่วหมิงลงไปห้องใต้ดินของหอร้อยหลอมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ห้องลับใต้ดินแห่งนี้มีพื้นที่บริเวณรอบๆ ไม่กี่จั้ง ความสูงเท่าคนหนึ่งคน วัสดุที่ใช้ทำผนังกับพื้นล้วนเป็นหินสีน้ำเงินเข้ม หินแร่ชนิดพิเศษนี้ไม่เพียงจะมีความแข็งแกร่งสูง แต่ยังมีผลสกัดกั้นการสอดแนมของจิตรับรู้ด้วย

ใจกลางห้องลับเป็นค่ายกลขนาดจั้งกว่าๆ มันเปล่งแสงสีขาวจางๆ ออกมา

“นี่คือค่ายกลส่งสารระยะไกลกับนิกายหรือ?” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง ค่ายกลส่งสารนี้จะส่งตรงไปที่หอดำเนินการของนิกาย โดยทั่วไปจะใช้ค่ายกลนี้รายงานนิกายในขณะที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น” เถ้าแก่เย่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ตามกฎของนิกาย ในหอร้อยหลอมนี้ มีแค่ศิษย์ประจำการที่สีของยืนยันเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติใช้มันได้ ท่านฑูตซูคงส่งของยืนยันให้ท่านแล้ว?”

ดูจากภายนอก หอร้อยหลอมเป็นร้านหลอมอาวุธแห่งหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมันคือฐานที่มั่นที่นิกายยอดบริสุทธิ์สร้างขึ้นมา ส่วนร้านค้าอื่นๆ ที่เรียกกันว่าในนามว่าร้านค้าของนิกายยอดบริสุทธิ์นั้น แท้จริงแล้วมันเปิดขึ้นโดยศิษย์สายในสายนอกจำนวนหนึ่ง หรือแอบอ้างคนในตระกูลสร้างขึ้นมา

และตลาดฉางหยางเป็นสถานที่กลุ่มอิทธิพลใหญ่หลายกลุ่มดูแลร่วมกัน ห้ามทำการต่อสู้ในตลาดโดยเด็ดขาด โดยปกติแล้ว ศิษย์ที่มาประจำการในหอร้อยหลอม จะเป็นตัวแทนของนิกายยอดบริสุทธิ์ในการสั่นสะเทือนสยบจิตใจผู้คน และไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเสมอไป

“พี่ซูมอบให้ข้าแล้ว” หลิ่วหมิงพยักหน้ากล่าว

ต่อมา ทั้งสองก็ออกไปจากห้องลับอย่างรวดเร็ว และมาถึงห้องสงบจิตบนชั้นสาม

ห้องสงบจิตมีทั้งหมดสามส่วน ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ห้องชั้นนอกสุดเป็นห้องรับแขก มีโต๊ะไม้สีแดงวางอยู่ตัวหนึ่ง และเก้าอี้แบบเดียวกันสองสามตัว ห้องกลางเป็นห้องนอน ด้านในสุดยังมีห้องลับอีกห้อง

แน่นอน! ที่นี่ก็มีชั้นจำกัดเช่นกัน ขณะที่ฝึกฝนอยู่ที่นี่จะไม่ถูกคนรบกวนโดยง่าย

หลังจากหลิ่วหมิงสำรวจดูไปหนึ่งรอบ ก็ค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมนี้มาก

“เถ้าแก่เย่ ท่านไปทำงานเถอะ! หากมีเรื่องในร้านก็ใช้สิ่งนี้ส่งข่าวให้ข้า ข้ามาตลาดใหญ่นอกนิกายเป็นครั้งแรก อยากไปเดินดูรอบๆ ทำความคุ้นเคยกับที่นี่ซักหน่อย” หลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือหยิบแผ่นกลมๆ สีขาวออกมาให้เถ้าแก่เย่

เถ้าแก่เย่ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็ตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย จากนั้นหลิ่วหมิงก็ออกจากเรือนร้อยหลอมไป

เขารู้จากเถ้าแก่เย่มาคร่าวๆ ว่า หลายปีมานี้ ด้วยอำนาจและชื่อเสียงของนิกายยอดบริสุทธิ์ คนทั่วไปไม่กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ด้วยเหตุนี้ศิษย์ประจำการจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในร้านตลอด

หลังจากเดินออกไปไม่ไกล เขาก็เดินอ้อมมายังสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง และกระตุ้นเคล็ดเปลี่ยนกระดูก พอมีเสียงดังกรอบแกรบ ร่างของเขาก็ยืดสูงขึ้นมา ขณะเดียวกันไอดำก็พวยพุ่งรอบตัว เมื่อไอดำหายไปอีกครั้ง เขาก็กลายเป็นชายฉกรรจ์หน้าดำที่มีรูปร่างสูงใหญ่

วิชาที่เขาเรียนมาจากนิกายปีศาจ หลายปีมานี้ได้ทำความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว บวกกับเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ทำให้ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนขนาดรูปร่างได้ แม้กระทั่งโครงกระดูกบนใบหน้า และสีผิวก็สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายๆ ทำให้มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากเดิม

จากนั้นหลิ่วหมิงก็เดินเข้าในตลาดที่มีคนพลุกพล่าน และเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปเรื่อยๆ

ตลาดฉางหยางสมกับเป็นตลาดขนาดใหญ่ ไม่ว่าจำนวนหรือขนาดของร้านค้าสองข้างทาง ล้วนมีเยอะกว่าตลาดเล็กๆ หลายแห่งที่เขาเคยไปในก่อนหน้า

และผู้ฝึกฝนที่เดินเรื่อยเปื่อยก็มีจำนวนมาก พวกเขาเดินเข้าเดินออกร้านค้าต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย ยิ่งเป็นร้านค้าที่มีหน้าร้านขนาดใหญ่ ก็ยิ่งมีคนเข้าออกเนืองแน่น

เขาเดินวนไปรอบหนึ่งแล้วก็เดินเข้าไปในร้านที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่

ภายในร้านแห่งนี้ถูกกั้นเป็นหลายพื้นที่ อาวุธจิตวิญญาณ โอสถ และวัตถุดิบล้วนมีขายครบครัน

ไม่นาน หลิ่วหมิงก็เดินออกมา แม้สีหน้าจะเงียบสงบ แต่สายตากลับดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา