ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 572

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 572 ราวกับหักไม้แห้งผุ
ตอนที่ 572 ราวกับหักไม้แห้งผุ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายใต้สถานการณ์ที่ร่างของหลิ่วหมิงสั่นสะท้าน ไอดำรอบตัวก็หนาแน่นขึ้นมาทันที ระหว่างที่ไอดำพวยพุ่งนั้น มังกรหมอกสีดำสองตัวกับพยัคฆ์หมอกหนึ่งตัวก็ก่อตัวขึ้นมา และร่างของเขาก็จมอยู่ในนั้น

เกิดเสียง “ฟิ้วๆ!” ดังติดต่อกัน

พอไหมกระบี่สีเทาแทงเข้าไปภายในไอดำ มันก็ถูกเงาร่างมังกรพยัคฆ์รัดพันไว้ และกลืนลงไป

หลัวเกิ่งเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก หลังจากตะคอกด้วยความโมโหแล้ว มือทั้งสองก็ปล่อยพลังออกไปติดต่อกันสิบกว่าสาย

แสงกระบี่สีเทาขยายตามแรงลมจนมีขนาดใหญ่หลายเท่า และกลายเป็นเงาร่างปีศาจยักษ์ ดวงตาทั้งคู่ประกายด้วยความดุร้าย และกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว

“ปราณกระบี่แปลงร่าง?”

ท่ามกลางไอดำที่อยู่ด้านล่าง หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน นี่นับได้ว่าเป็นวิชาขี่กระบี่ขั้นสุดยอด เขาเคยเห็นในขณะที่ซาทงเทียนแสดงออกมาเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเป็นวิชานี้ด้วย

“ไม่ ไม่ถูกต้อง!”

ภายใต้การหรี่ตามองของหลิ่วหมิง ก็ค้นพบเส้นสนกลในทันที

มันไม่ใช่ปราณกระบี่แปลงอย่างแต่อย่างใด แม้ว่ามันจะคล้ายมาก แต่บนตัวหมาป่ายักษ์กลับไม่มีไอกระบี่ที่ดุเดือดเป็นพิเศษของวิชาขี่กระบี่

แสงกระบี่ในก่อนหน้านั้นก็เช่นกัน เพียงแค่ดูคล้ายปราณกระบี่เท่านั้น ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะถูกเขาโจมตีกลับได้อย่างง่ายดาย

ดูท่าหลัวเกิ่งก็ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่แต่อย่างใด คงเสริมความสามารถที่คล้ายเคียงกับการฝึกกระบี่เท่านั้น

เงาร่างหมาป่ายักษ์เคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ มันขยับตัวแค่ทีเดียวก็มาอยู่ห่างจากเหนือศีรษะของหลิ่วหมิงไม่ถึงจั้งกว่าๆ และอ้าปากงับลงมาอย่างโหดเหี้ยม

แววตาหลัวเกิ่งเผยแววเยาะเย้ยออกมา ราวกับเห็นภาพหลิ่วหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และคุกเข่าร้องขอชีวิตอยู่บนพื้น

หลิ่วหมิงกลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก นิ้วทั้งห้ากางออกอีกครั้ง ไอดำมารวมตัวอยู่เหนือฝ่ามือ พอกำนิ้วทั้งห้า ก็คว้าเอาคอของหมาป่ายักษ์ไว้ได้

นิ้วทั้งห้าราวกับตะขอ ไม่ว่าหมาป่ายักษ์จะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดรอดได้

หลัวเกิ่งเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกตกใจมาก เขารีบทำท่ามืออย่างสุดความสามารถ เพื่อกระตุ้นเงาร่างหมาป่ายักษ์ให้หลุดรอดออกมา

แต่ขณะนี้ หลิ่วหมิงปล่อยพลังออกไปด้วยมือข้างหนึ่งแล้ว ส่วนอีกข้างก็กำไปในอากาศอย่างโหดเหี้ยม

หลังจากเงาร่างปีศาจยักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเวทนา ร่างของมันก็ถูกฝ่ามือยักษ์สีดำบีบจนแตกกระจาย และคืนร่างกลับมาเป็นกระบี่ยาวสีเทาเช่นเดิม มันบิดตัวไปมาท่ามกลางไอดำอยู่ไม่หยุด

ภายใต้ความตกใจ หลัวเกิ่งทำท่ามือติดต่อกันอยู่ไม่หยุด เพื่อกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณให้พ้นจากพันธนาการ

“ผนึก!”

หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดออกมา มือทั้งคู่ต่างก็ปล่อยพลังแปลกประหลาดออกไป หลังจากเอามือทั้งสองถูกันแล้ว ก็ชี้ขึ้นบนฟ้า

ทันใดนั้น อักขระสีดำจำนวนมากก็พุ่งออกจากปลายนิ้วของเขา และห่อหุ้มกระบี่ยักษ์สีเทาไว้ หลังจากประสานสลับกันไปมา ก็กลายเป็นค่ายกลลี้ลับหลังหนึ่ง

ครู่ต่อมา อักขระสีดำก็กระพริบหายไปเข้าในผิวกระบี่

“พรึ่บ!” ไม่นานแสงบนตัวกระบี่ยาวสีเทาก็สลายไปจนหมดสิ้น และตกลงบนแท่นประลองโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก

“ปิดผนึก?” ผู้ดำเนินการระดับผลึกที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนี้ ก็พูดพึมพำด้วยความประหลาดใจ

นี่คือวิธีการคุมขังอาวุธจิตวิญญาณชั่วคราว ซึ่งหลิ่วหมิงเรียนรู้มาจากการหลอมอาวุธจิตวิญญาณในก่อนหน้านั้น โดยทั่วไปแล้วจะใช้ในขณะที่ตนเองมีพลังเวทและพลังจิตเหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม และเมื่อตอนที่ได้เปรียบถึงจะแสดงออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

ขณะนี้บรรดาศิษย์ที่ล้อมดูอยู่ใต้แท่นประลอง ต่างก็ส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจอยู่ไม่หยุด

ในใจหลัวเกิ่งรู้สึกเย็นยะเยือก และจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม

หลัวเกิ่งเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงมาก ยังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองใดๆ เงาร่างมนุษย์สีดำก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกาย จากนั้นกำปั้นที่มีไอดำปกคลุมอยู่หนาแน่น ก็พุ่งเข้ามาถึง

กำปั้นยังเข้าไม่ทันถึงตัว พลังไร้รูปบางอย่างก็ปะทะเข้ามาตรงหน้า

หลัวเกิ่งมีสีหน้าซีดขาวขึ้นมา แสงสีเทาเปล่งประกายบนกระบี่สีเทาในมือ ภายใต้การกระตุ้นของเขา โล่กลมๆ สีขาวเงินที่มีอักขระลี้ลับประทับอยู่ ก็ขยายใหญ่จนมีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่า และต้านทานอยู่ตรงหน้า

“ตู้ม!” มือข้างที่ถือโล่ของหลัวเกิ่งสั่นสะท้านอยู่คู่หนึ่ง และร่นถอยออกไปหลายจั้งถึงพอที่จะตั้งหลักได้

“เจ้า……”

พอเห็นหลิ่วหมิงออกจากไอดำอันพวยพุ่ง หลัวเกิ่งก็เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา พอก้มหน้ามองดูโล่ในมือ สีหน้าของเขาก็ซีดขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเห็นร่างของหลิ่วหมิงพร่าขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็รีบพ่นโลหิตลงบนโล่อย่างรวดเร็ว

ภายใต้การกระตุ้นของพลังเวท แสงสีเงินก็เปล่งประกายบนโล่สีเงินทันที ขณะเดียวกัน หลัวเกิ่งก็แผ่ปราณแกร่งคุ้มร่างที่ส่องแสงเจิดจ้าออกมา ทั้งสองผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นม่านป้องกันโปร่งแสงกลมๆ ลูกหนึ่ง และห่อหุ้มร่างของหลัวเกิ่งไว้

หลังจากหลัวเกิ่งหลบอยู่ในม่านป้องกันที่คุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว สีหน้าเขาถึงดูดีขึ้นมาเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา