ตราประทับยักษ์ที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว กลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของหลิ่วหมิง
ท่ามกลางไอดำอันพวยพุ่งตรงด้านล่าง หลิ่วหมิงก็ใช้แขนข้างหนึ่งที่มีไอดำลอยวนค้ำยันตราประทับสีดำผ่านอากาศไว้
อู่หมิงอ้าปากเล็กน้อย ดูเหมือนเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
แม้ตราประทับตาข่ายมืดนี้จะเป็นของที่เลียนแบบมาจากอาวุธเวทบางอย่างในสมัยบรรพกาล แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ชั้นจำกัดทั้งหมดถูกเปิดออกมา แม้แต่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นต้นก็ไม่อาจรับมือได้
และหลิ่วหมิงตรงหน้ากลับใช้พลังกายเนื้อทำให้มันลอยอยู่กลางอากาศได้!
ขณะนั้นเอง ดวงตาหลิ่วหมิงก็เป็นประกาย พอเขาตะโกนออกมา ก็ดันแขนทั้งสองขึ้นด้านบน ทำให้ตราประทับขยับขึ้นไป จากนั้นร่างของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
อู่หมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาดำกระพริบตรงหน้า หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขาอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นแขนข้างหนึ่งก็พร่ามัวปล่อยกำปั้นออกไป
การโจมตีรวดเร็วราวสายฟ้าแลบเช่นนี้ อู่หมิงไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองใดๆ หลังจากมีเสียงดังขึ้น ปราณแกร่งคุ้มร่างก็ถูกโจมตีจนระเบิดออกมา ขณะเดียวกันพลังมหาศาลก็ทะลักเข้ามาในพริบตา
ร่างของชายหนุ่มอวบอ้วนสั่นสะเทือน และถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปเจ็ดแปดจั้ง สองตาทั้งคู่มืดลงจากนั้นก็สลบไป
“ตู้ม!” ตราประทับสีดำเพิ่งจะหล่นลงในบริเวณที่หลิ่วหมิงเคยยืนอยู่ในก่อนหน้านั้น
กายเนื้อกับพลังมหาศาลอันน่ากลัวของหลิ่วหมิง ย่อมทำให้ศิษย์ที่ชมการประลองอยู่รู้สึกหวาดผวาขึ้นมา
บริเวณมุมบางแห่ง พอชายหนุ่มชุดคลุมสีทองที่หลับตาพักผ่อนอยู่ได้ยินเสียงนี้ ก็ต้องชำเลืองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้
การประลองอีกสองคู่ที่เหลือ ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงยักษ์สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างราบรื่น และชายควบคุมตั๊กแตนที่หลิ่วหมิงพบเจอในรอบแรก ก็เอาชนะคู่ต่อสู้สาขาจิตวิญญาณบริสุทธิ์ได้เช่นกัน
หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม การประลองรอบที่สามก็เริ่มต้นขึ้น
การประลองรอบนี้ ชายหนุ่มผอมแห้งที่สะพายกระบี่ทองแดงยักษ์กลับได้ต่อสู้กับจินเทียนชื่อ
ครั้งนี้ ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ละสายตามาดูการประลองนี้
หลังจากมีประสบการณ์สองรอบในก่อนหน้านั้น พอชายหนุ่มผอมแห้งที่สะพายกระบี่ทองแดงยักษ์ขึ้นไปบนแท่นประลอง เขาก็รีบทำท่ามืออย่างไม่ลังเล กระบี่ทองแดงยักษ์บนหลังพุ่งขึ้นฟ้า “ฟิ้ว!” พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่สิบกว่าจั้ง ไอกระบี่ทะลักออกจากร่างอย่างมหาศาล ทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างแท่นประลองรู้สึกใจเย็นสะท้าน
“กระบี่ร่างเป็นหนึ่ง!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมา ร่างของเขาพร่ามัวรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่ทองแดงยักษ์เล่มนั้น และกลายเป็นแสงกระบี่สีเขียวที่ยาวสิบกว่าจั้งก่อนพุ่งเข้าหาจินเทียนชื่อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
มีแสงสว่างเปล่งประกาย ภายใต้สถานการณ์ที่กระบี่ร่างรวมกันเป็นหนึ่ง คิดว่าคงไม่อาจเก็บอาวุธจิตวิญญาณไปได้ แต่พอจินเทียนชื่อโบกแขนเสื้ออีกครั้ง แสงกระบี่สีเขียวก็กระพริบหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
และชายหนุ่มกระบี่ทองแดงก็โซซัดโซเซมาปรากฏตัวกลางอากาศ แต่สีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ บรรดาศิษย์ที่อยู่นอกแท่นประลองต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ บรรดาผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้บนแท่นหยก ก็พากันขมวดคิ้วขึ้นมา
ขณะที่ผู้คนต่างก็คิดว่าการประลองจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้นั้น ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบศีรษะในฉับพลัน แสงสว่างม้วนตัวออกจากศีรษะ และพ่นกระบี่เล็กสีเหลืองที่ยาวสามชุ่นออกมา
พอกระบี่นี้ปรากฏตัว ก็มีเงากระบี่จำนวนมากปรากฏออกมาบนอากาศบริเวณนั้น ขณะเดียวกันไอกระบี่ก็พุ่งขึ้นฟ้า และแผ่แสงเจิดจ้าจนผู้คนไม่กล้ามองมันโดยตรง
สิ่งนี้ทำให้บรรดาศิษย์ที่อยู่บนยอดเขาต้องสูดหายใจด้วยความเย็นสะท้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนหลุดปากออกมาว่า “กระบี่บินพลังจิตวิญญาณ”
ในเมื่อชายหนุ่มกระบี่ทองแดงปล่อยท่าไม้ตายของตนเองออกมาแล้ว ย่อมไม่ลังเลอะไรอีกต่อไป เขาชี้นิ้วไปที่จินเทียนชื่อแล้วตะโกนออกมา
กระบี่เล็กสีเหลืองพุ่งไปหาจินเทียนชื่อทันที อากาศบริเวณที่มันพุ่งผ่านเกิดการบิดเบี้ยวขึ้นมา และยังทำให้รู้สึกถึงความร้อนผะผ่าว
ครั้งนี้ชายหนุ่มชุดคลุมสีทองไม่ได้โบกแขนเสื้ออีก พอร่างของเขาพร่ามัว กระบี่เล็กก็พุ่งผ่านเงาร่างของเขาไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
ขณะนี้ หลิ่วหมิงที่ได้จัดการคู่ต่อสู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้จ้องมองการต่อสู้ของแท่นประลองนี้อยู่ ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ดูท่าเคล็ดวิชาที่จินเทียนชื่อใช้ คงมีผลกับอาวุธจิตวิญญาณที่ต่ำกว่าต้นแบบอาวุธเวทเท่านั้น โล่เก้ากะโหลกในมือตนเองตอนนี้ ก็ได้ปรับแต่งเป็นต้นแบบอาวุธเวทแล้ว คงจะสามารถรับมือกับคนผู้นี้ได้เช่นกัน
พอผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ที่สังเกตดูการต่อสู้นี้อยู่ มองเห็นกระบี่บินพลังจิตวิญญาณที่ชายหนุ่มนำออกมา ก็ต้องมองมาด้วยสายตาประหลาดใจเช่นกัน ชายที่ไว้หนวดจากยอดเขากระบี่สวรรค์ ถึงกับเอ่ยปากรับคนผู้นี้เข้ายอดเขา เพื่อฝึกฝนสายกระบี่ด้วยความดีใจ
ขณะที่ผู้คนต่างก็คิดว่าม้ามืดตัวที่ใหญ่ที่สุดในงานประลองใหญ่ได้ปรากฏออกมาแล้วนั้น จินเทียนชื่อกลับดูเหมือนยังยิ้มกริ่มอยู่เช่นเดิม
ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา กระบี่บินสีเขียวหมุนวนหนึ่งรอบ และพร่ามัวไปตรงหน้าชายหนุ่มชุดคลุมสีทอง
ครั้งนี้จินเทียนชื่อไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด แต่กลับโบกแขนเสื้อทั้งสองในฉับพลัน ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมา มีแสงแวววาวสองดวงม้วนตัวออกจากแขนเสื้อ และกระพริบไปห่อหุ้มกระบี่เล็กสีเหลืองไว้
ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก มือทั้งสองทำท่ามืออยู่ไม่หยุด กระบี่บินพลังจิตวิญญาณถูกฝ่ายตรงข้ามทำให้สั่นสะเทือนสองสามที จากนั้นก็ไม่สามารถออกมาได้
จินเทียนชื่อค่อยๆ ยิ้มออกมา พอขยับแขนข้างหนึ่ง มือยักษ์สีทองก็ปรากฏออกมาในพริบตา และคว้าลงไปทันที
ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขาขยับไหล่เพื่อจะหลบหลีก แต่กลับรู้สึกว่ามีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่รอบด้าน และอากาศก็ดูแข็งแกร่งราวกับเหล็ก ทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา