ขณะนี้ ชายชุดคลุมผ้าแพรสีขาวผู้หนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา และก้าวมาด้านหลังของหลงเหยียนเฟยอย่างรวดเร็ว เขาก็คือซาทงเทียนนั่นเอง
“ศิษย์พี่หลง ได้ยินมาว่าหลิ่วหมิงทะลวงคอขวดระดับผลึกได้แล้วจริงหรือ?” ซาทงเทียนถามออกมาเช่นนี้ น้ำเสียงของเขามีความตื่นเต้นแฝงอยู่เล็กน้อย
“อืม! ข้าก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ แม้จะบอกว่าคุณสมบัติร่างสามชีพจรจิตวิญญาณจะมีโอกาสทะลวงเขตแดนระดับผลึกน้อยมาก แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาใช้แต้มคุณูปการจำนวนมาก เพื่อยืมใช้กระจกหยินหยางแยกผสาน เช่นนี้แล้วการทะลวงคอขวดระดับผลึกก็มีโอกาสเป็นได้เล็กน้อย ทำไมล่ะ! ดูเหมือนว่าศิษย์น้องซาจะรู้สึกดีใจเล็กน้อย?” หลงเหยียนเฟยหันมามองซาทงเทียนทีหนึ่ง และกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ดี! ดีมาก! เดิมทีข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสต่อสู้กับเขาแล้ว!” ซาทงเทียนแหงนหน้าหัวเราะออกมาทันที จากนั้นก็โยนแผ่นค่ายกลส่งเสียงลงบนตั่งน้ำชาตรงหน้าหลงเหยียนเฟย และหมุนตัวเดินจากไปทันที
หลังจากเขาเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว เดิมทีคิดว่าการฝึกฝนของหลิ่วหมิงจะหยุดอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลายตลอดชีวิต แม้ว่าวิชาขี่กระบี่ของเขาจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ต้องมีสักวันที่ตนเองจะเหนือกว่า ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกเสียใจดายมาโดยตลอด
หลงเหยียนเฟยมองดูทิศทางที่ซาทงเทียนจากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
……
ภายในห้องลับแห่งหนึ่งในหุบเขาเลื่อนลอย ในมือของเจียหลานก็คีบแผ่นหยกส่งสารสีฟ้าจางๆ อยู่เช่นกัน มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของนาง
ดวงตาของนางเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลับตาทั้งคู่ลง เพื่อสงบจิตสงบใจเข้าสู่สมาธิ
ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวเรื่องที่หลิ่วหมิงอาศัยร่างสามชีพจรจิตวิญญาณทะลวงระดับผลึกสำเร็จออกไป พริบตาเดียวก็เกิดความฮือฮาขึ้นมา ราวกับว่าเวลาแค่ไม่กี่วันข่าวนี้ก็แพร่สะบัดไปครึ่งค่อนเทือกเขาหมื่นวิญญาณแล้ว
ศิษย์ธรรมดาที่มีแค่สามชีพจรจิตวิญญาณได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในคราเดียวกัน
และข่าวเกี่ยวกับหลิ่วหมิงจำนวนหนึ่งในก่อนหน้านั้น เช่นการได้ที่หนึ่งในงานประลองใหญ่ของศิษย์สายนอกแต่กลับไม่มีผู้ควบคุมยอดเขาท่านใดรับเป็นศิษย์ จึงอาศัยการฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายฝ่าด่านเจดีย์ชั้นที่สามสิบหก หลังจากผ่านไปหลายปี ข่าวที่เงียบหายไปนานเหล่านี้ ก็กลับมาเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาหลังอาหารของบรรดาศิษย์ต่างๆ
ขณะเดียวกัน บนเขาลูกหนึ่งที่อยู่บริเวณยอดเขาลั่วโยว ภายในถ้ำลึกลับที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีปราณหยินหนาแน่นปกคลุมอยู่
“อาจารย์ ในยอดเขามีคนทะลวงเขตแดนระดับผลึกอีกแล้ว” ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำกล่าวรายงานอยู่นอกห้องลับด้วยท่าทีนอบน้อม
“เฟิงเอ๋อร์ ไม่ใช่บอกเจ้าแล้วหรือว่าอาจารย์กำลังกักตัวอยู่ หากไม่มีเรื่องสำคัญอะไรก็ไม่ต้องมารบกวนข้า” มีเสียงทุ้มต่ำของผู้อาวุโสท่านหนึ่งดังมาจากด้านใน
“ทราบ! ศิษย์ผิดไปแล้วที่รบกวนการฝึกฝนของอาจารย์” ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำหมุนตัวเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน ครั้งนี้คือศิษย์ผู้ใดที่เข้าสู่ระดับผลึก? อาจารย์เพิ่งกักตัวได้สองปีเท่านั้น ศิษย์ระดับของเหลวของยอดเขาลั่วโยวก็มีแค่สิบกว่าคน และไม่ค้นพบว่าใครจะมีพลังแฝงพอที่จะทะลวงระดับผลึกภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำในห้องลับดังขึ้นอีกครั้ง
“เรียนอาจารย์ คือหลิ่วหมิง ศิษย์น้องหลิ่วผู้นั้น” ชายหนุ่มชุดดำได้ยินก็หมุนตัวกลับมาตอบอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ?”
กลิ่นไออันแข็งแกร่งแผ่ออกจากห้องลับในทันที ปราณหยินพุ่งออกจากรอยแยกของประตูใหญ่
“เพล้ง!” แสงสีดำเปล่งประกายบนประตูสีเทา พริบตาเดียวมันก็เปิดออกมา ชายวัยกลางคนที่มีปราณหยินรายล้อมม้วนตัวออกมา คนผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสแซ่อวี๋ที่มีผมสีขาวเล็กน้อย ซึ่งหลิ่วหมิงเคยพบตอนที่เข้ามาในยอดเขาลั่วโยววันนั้น
“คือศิษย์สายนอกที่อาศัยการฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายฝ่าด่านเจดีย์ชั้นที่สามสิบหก และกราบตัวเป็นศิษย์ยอดเขาเราในวันนั้นหรือ?” พอชายวัยกลางคนเก็บปราณหยินรอบตัว ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างงดงาม ซึ่งไม่สอดคล้องกับน้ำเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คือคนผู้นี้” ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำถูกแรงกดดันมหาศาลจนร่นถอยไปก้าวหนึ่งถึงทรงตัวไว้ได้อย่างยากลำบาก
“ตามที่ข้าทราบมา หลังจากเจ้าเด็กนี่มอบตัวเป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวแล้ว ยังไม่ถูกผู้อาวุโสท่านใดรับเป็นศิษย์เลย วันนั้นข้าก็เป็นกังวลกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงไม่ได้รับเขาเป็นศิษย์ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว สถานการณ์ย่อมแตกต่างกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าเด็กนี่อยู่ที่ใด?” ชายวัยกลางคนพูดพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็ถามชายหนุ่มชุดดำตรงหน้า
“คิดว่าศิษย์น้องหลิ่วยังคงปรับสมดุลอยู่ในวังหลีเหอ แต่คาดว่าอีกสองวันคงจะออกมาแล้ว” ชายหนุ่มชุดดำคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบออกมา
“ดีมาก! เจ้าไปรอที่ถ้ำของเขา พอเห็นศิษย์ผู้นี้ก็บอกว่าข้าอยากพบเขา นำเขามาหาข้าด้วย” ชายวัยกลางคนสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นปราณหยินก็ม้วนตัวเขากลับไปในห้องลับอีกครั้ง และประตูห้องลับก็ถูกไอหมอกสีเทาปกคลุมไว้
ชายหนุ่มชุดดำตอบรับในทันที จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป และขี่เมฆดำพุ่งไปทางยอดเขาลั่วโยว
เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นภายในถ้ำที่พักของผู้อาวุโสท่านอื่นๆ หลังจากผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้รับรู้เรื่องของหลิ่วหมิง ก็มีความคิดที่จะรับเขาเป็นศิษย์ขึ้นมา
แต่ทว่าในขณะที่ผู้อาวุโสเหล่านี้ส่งศิษย์ออกไปเรียกหลิ่วหมิงเข้าพบนั้น ต่างก็ได้รับข่าวที่ทำให้พวกเขาต้องแอบตำหนิอยู่ในใจ
ที่แท้ในวันที่หลิ่วหมิงออกจากการกักตัวนั้น อินจิ่วหลิงได้ส่งคนมาเรียกตัวหลิ่วหมิงไปเข้าพบที่วิหารใหญ่ของยอดเขาลั่วโยวแล้ว
……
เมฆดำก้อนหนึ่งพุ่งมาถึงด้านนอกห้องโถงหลักของยอดเขาลั่วโยว พอแสงดับลงก็เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชุดดำ ซึ่งเขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา