แสงกระบี่สีเขียวเปล่งประกายออกมา และกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวทันที มันกะพริบแค่ทีเดียวก็ฟันแสงสีเทาจนขาด จากนั้นก็ม้วนเอาวิญญาณกระบี่รูปมนุษย์ไว้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่มีเสียงฉีกขาดดังออกมา วิญญาณกระบี่ก็ถูกปั่นเป็นชิ้นๆ โดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง พอเกิดเสียงดัง “ปัง!” มันก็กลายเป็นหมอกควันสีเทา ปราณกระบี่เล็กละเอียดราวกับเส้นผมลอยออกมา และแผ่คลื่นกลิ่นไอกระบี่อันแข็งแกร่ง
หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ร่างของเขากะพริบมาปรากฏตัวข้างปราณกระบี่แวววาวอย่างรวดเร็ว พอคว้ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ พลังไอกระบี่สายนี้ก็จมเข้าไปในทะเลจิตวิญญาณของเขา
ขณะเดียวกัน ตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุที่ลอยอยู่เงียบๆ ก็สั่นสะท้านราวกับมีชีวิตขึ้นมา ระหว่างที่มันกะพริบไม่กี่ที ก็ดูดพลังไอกระบี่ในทะเลจิตวิญญาณไปจนหมดเกลี้ยง
ภายใต้การกวาดจิตดูของหลิ่วหมิง ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของจิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่ฟื้นฟูเล็กน้อยแล้ว เขาจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ
จากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งเรียกกระบี่บินสีเขียวกลับมา และขณะที่กำลังจะขี่แสงกระบี่ไปด้านหน้าต่อนั้น กลับมีแสงสีเงินอีกลำพุ่งเข้ามา
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน หลังจากเขม้นตามอง ก็มองเห็นสิ่งที่ห่อหุ้มอยู่ในแสงสีเงินอย่างชัดเจน ที่แท้มันก็เป็นวิญญาณกระบี่รูปมนุษย์เช่นกัน ดูจากกลิ่นไอที่มันแผ่ออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าวิญญาณกระบี่ในก่อนหน้านั้นตั้งกี่เท่า
และด้านหลังของเขาก็มีแสงกระบี่สีทองขนาดใหญ่ลำหนึ่งพุ่งยิงเข้ามา ดูเหมือนว่าจะไล่แสงกระบี่ในเมื่อครู่อยู่
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ขณะที่กำลังจะหลบวิญญาณกระบี่สีเงินนั้น กลับมีเสียงบ้าระห่ำดังมาจากที่ไกลๆ
“ศิษย์น้องตรงหน้า ช่วยข้าสกัดกั้นเจ้าแสงสีเงินนี้หน่อย!”
ขณะที่พูด แสงกระบี่สีเงินก็กะพริบมาถึงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ชี้นิ้วออกมาไป กระบี่สีเขียวใต้เท้ากะพริบออกมาอีกครั้ง และกลายเป็นแสงกระบี่ยักษ์ลำหนึ่ง พอมันฟันลงไป เงากระบี่สีเขียวเจ็ดแปดเงาก็ปิดทางหนีของวิญญาณกระบี่ไว้ทั้งหมด
“ฮึ่ม……!”
ดูเหมือนวิญญาณกระบี่จะรู้สึกไม่พอใจที่ถูกหลิ่วหมิงขวางทางกะทันหัน มันจึงส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห และแสงสีเงินบนตัวก็เปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิม
ครู่ต่อมา ขณะที่เกิดเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” ติดต่อกันนั้น เงากระบี่สีเขียวก็พากันปะทะลงบนกระบี่สีเงิน!
ฉากที่ทำให้หลิ่วหมิงประหลาดใจได้เกิดขึ้นแล้ว!
แสงสีเงินเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่งสองสามทีก็กลับมาสงบดังเดิม และเงากระบี่กลับค่อยๆ แตกกระจายออกมา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเร็วของมันได้หยุดชะงักลงในทันที และในระหว่างเวลานี้ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา จากนั้นแสงสีทองเจิดจ้าก็ตามมาทัน
ห่างจากแสงกระบี่สีทองไปไม่กี่จั้ง หลิ่งหมิงรับรู้ได้ถึงคลื่นความร้อนที่ปะทะเข้ามา เขาจึงพุ่งถอยออกไปด้วยใจที่เย็นสะท้าน
วิญญาณกระบี่ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้รัศมีการโจมตีของแสงกระบี่ ภายใต้สถานการณ์ที่มันไม่สามารถถอยได้ จึงส่งเสียงคำรามออกมาทันที ความเร็วหยุดชะงักลง และแขนของมันก็สะบัดไปมาท่ามกลางแสงสีเงิน ทันใดนั้น ปราณกระบี่สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ม้วนตัวออกไปรับมือกับแสงสีทอง
แสงสีทองกับสีเงินพัวพันเข้าด้วยกันท่ามกลางเสียงโลหะที่กระทบกันเป็นระยะๆ
ขณะนี้หลิ่วหมิงพุ่งถอยออกไปยี่สิบสามสิบจั้งแล้ว และไม่คิดจะยื่นมือเข้าแทรกแต่อย่างใด
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ศึกตรงหน้าก็ชี้ชัดผลแพ้ชนะ ถึงแม้วิญญาณกระบี่สีเงินจะมีพลังแข็งแกร่งก็ตาม แต่ก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางเท่านั้น แต่ภายในแสงกระบี่สีทองแฝงไปด้วยไอกระบี่จำนวนมาก มีโอกาสเป็นได้ว่า ผู้ที่ควบคุมมันจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ ซึ่งพลังของทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอยู่แล้ว
วิญญาณกระบี่สีเงินเพียงแค่พยายามต้านทานได้เพียงสองครั้ง จากนั้นก็ถูกแสงกระบี่สีทองฟันเป็นสองส่วน และส่งเสียงระเบิดออกมา “ปัง!” “ปัง!” และกลายเป็นหมอกควันสีเงินหนาแน่นสองกลุ่ม
ท่ามกลางหมอกควัน มีพลังไอกระบี่แวววาวที่ดูคล้ายเชือกป่านหนึ่งเส้นปรากฏอยู่รำไร มันแผ่คลื่นสั่นสะเทือนออกมา ซึ่งมีขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่าเจ็ดแปดเท่าของไอกระบี่ที่เขาดูดซับในก่อนหน้า
พอหลิ่วหมิงมองเห็น ก็จ้องตาเป็นมันทันที
ขณะนั้นเอง แสงกระบี่สีทองก็ม้วนตัวกลายเป็นอสรพิษจิตวิญญาณสีทองที่ดูราวกับมีชีวิต พอมันอ้าและหุบปากลง ก็กลืนไอกระบี่แวววาวกับหมอกควันสีเงินที่แผ่มายังไม่ทันถึงเข้าไป
ทันใดนั้น แสงสีทองทั้งหมดก็มาบรรจบกันราวกับวาฬตัวยาวกำลังดูดซับน้ำ และกลายเป็นกระบี่บินสีทองที่บางราวกับปีกจักจั่น และบนนั้นก็มีชายฉกรรจ์หนวดโง้งยืนอยู่
หางตาหลิ่วหมิงกระตุกเล็กน้อย กลิ่นไอที่ชายฉกรรจ์ผู้นี้แผ่ออกมา ดูคล้ายกับของผู้ควบคุมยอดเขาอย่างอินจิ่วหลิง ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้จริงๆ มีความเป็นไปได้แปดในสิบส่วนที่เขาจะเป็นศิษย์ลับตามที่เล่าลือกัน
“ฮ่าๆ! ข้าคือฉิวหลงจื่อจากวังเจดีย์ เมื่อครู่ต้องขอบคุณที่ยื่นมือเข้าช่วย ดูจากระดับการฝึกฝนของศิษย์น้องแล้ว คงเป็นศิษย์สายในสินะ ตอนนี้สามารถเข้ามาสถานที่แห่งนี้ได้คงไม่ธรรมดา ไม่ทราบมีนามว่าอย่างไรหรือ?” ชายฉกรรจ์หนวดโง้งเพิ่งดูดไอกระบี่เข้าไปสายหนึ่ง จึงมองหลิ่วหมิงอย่างอารมณ์ดี และกุมมือกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ศิษย์พี่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าน้อยคือหลิ่วหมิงจากยอดเขาลั่วโยว” หลิ่วหมิงรีบคารวะกลับในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา