ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 679

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 679 ลวงฆ่าราชินีผึ้ง
ตอนที่ 679 ลวงฆ่าราชินีผึ้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
“อีกประเดี๋ยวก็ล่อราชินีผึ้งห้าแสงไปบริเวณค่ายกล เจ้าเปิดประตูค่ายกลให้มันเข้าไปด้านใน ขณะเดียวกันก็กระตุ้นธูปวิญญาณไม้จันทน์ และเข้าไปถ่วงเวลาด้านในพร้อมกับข้า ด้วยพลังของข้ากับเจ้า หากตรึงปีศาจผึ้งตัวนี้ไว้ในค่ายกล คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากจะสังหารมันโดยสิ้นเชิง ยังต้องรอให้คนอื่นๆ มารวมตัวกันก่อน ถึงจะลงมือพร้อมกันได้ หากเสี่ยงอันตรายลงมือ การสละชีพโจมตีกลับของปีศาจผึ้งนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับมือได้โดยง่าย อีกอย่างยันต์หลายผืนเหล่านี้ สหายทุกท่านต่างก็มีติดตัว พอถึงเวลานั้นก็สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบของวิชาภาพสัญลักษณ์ได้” อู๋ขุยโยนแผ่นค่ายกลในมือให้ชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากหัวโคก่อน จากนั้นก็นำยันต์สีเงินออกมาสองสามผืน และโยนให้หลิ่วหมิงกับคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง

“สหายอู๋วางใจเถอะ!” ชายฉกรรจ์รับแผ่นค่ายกลแล้วกล่าวออกมา

เวลาต่อมา อู๋ขุยยังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชายฉกรรจ์เกี่ยวกับประเด็นที่ต้องระมัดระวังในขณะที่ควบคุมค่ายกล

ฮวาชิงอิ่งก็นำกล่องหยกสีดำออกมามอบให้อู๋ขุยอย่างระมัดระวัง

“คำพูดเตือนสติได้พูดไปก่อนแล้ว เสาแห่งภาพสัญลักษณ์ได้ผ่านการปรับแต่งมาหลายสิบปีแล้ว และเชื่อมโยงกับจิตของข้า หากเจ้ากล้าคิดที่จะโจมตีภาพสัญลักษณ์นี้ หรือถือโอกาสวางแผนนำภาพสัญลักษณ์นี้หายเข้ากลีบเมฆไปล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน” ก่อนไปอู๋ขุยก็พูดกับชายฉกรรจ์ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“ฮึ! สหายอู๋คิดมากไปแล้ว ไหนเลยข้าจะกล้านำชีวิตของข้ามาล้อเล่นกับเสาแห่งภาพสัญลักษณ์นี้” ชายฉกรรจ์ทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของค่ายกล

ขณะนี้อู๋ขุยถึงมีสีหน้าผ่อนคลายลง และกลายเป็นแสงงดงามพุ่งไปทางรังผึ้ง

คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็ทะยานฟ้าตามไป และส่งเสียงหารือกันอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อรู้ว่าราชินีผึ้งอยู่ในถ้ำ พวกเขาย่อมเก็บกลิ่นไอและพลังเข้าไปทั้งหมด

“เมื่ออู๋ขุยล่อผึ้งห้าแสงตัวนั้นไปแล้ว พวกเราทั้งสี่ก็รับมือกับปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้สองตัวนั้น คนหนึ่งรับมือกับปีศาจผึ้งที่ได้รับบาดเจ็บ ที่เหลืออีกสามคนก็รวมพลังกันรับมือกับอีกตัว แม้ว่าปีศาจผึ้งตัวนั้นจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็ยังเป็นปีศาจอสูรระดับแก่นแท้อยู่ หากสหายท่านใดรับมือกับมันเพียงคนเดียว แน่นอนว่าหลังจากปีศาจผึ้งตัวนี้ตายแล้ว ศพของมันย่อมเป็นของคนผู้นั้น” ฮวาชิงอิ่งเหาะไปพลางๆ และพูดไปพลางๆ

คนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันด้วยความลังเล

ใครๆ ก็รู้ดีว่าปีศาจอสูรที่ยิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น แม้ว่าปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้ตัวนั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ใครจะรับรองได้ว่ามันจะไม่มีวิธีการอื่นในการเอาตัวรอด หรืออาจจะระเบิดแก่นแท้ก็เป็นไปได้ ดังนั้นการรับมือกับมันตัวคนเดียว ย่อมเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก

ในทางตรงกันข้าม หากรวมพลังกันรับมือกับปีศาจผึ้งอีกตัวล่ะก็ ภายใต้สถานการณ์สามรุมหนึ่ง ย่อมปลอดภัยกว่ามาก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็คิดใคร่ครวญเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ เอ่ยปากออกมา

“ในเมื่อไม่มีใครรับ ข้าจะรับเอง”

ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนสหายแล้ว หากไม่ไหวจริงๆ ล่ะก็ ตรึงมันเอาไว้ก่อนก็ได้ รอพวกเราทั้งสามสังหารอีกตัวได้แล้ว จะรีบมาช่วยทันที” ฮวาชิงอิ่งเห็นเช่นนี้ก็รีบกล่าวด้วยความดีใจ

หลิ่วหมิงยิ้มและไม่กล่าวอะไรออกมา

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป คนกลุ่มนี้ก็มาถึงบริเวณหน้าปากถ้ำ

“ทุกท่าน หากเตรียมพร้อมแล้ว ข้าจะไปวางอาหารเลือดกับสิ่งของเล็กๆ จำนวนหนึ่งที่ปากถ้ำ” ชายชุดเขียวมองดูสภาพพื้นที่บริเวณหน้าปากถ้ำแล้วกระแอมไอเบาๆ ก่อนส่งเสียงพูด

“อันนี้ย่อมได้”

ฮวาชิงอิ่งพยักหน้า แต่อู๋ขุยกลับเผยสีหน้าไม่เห็นด้วย

ไอหมอกรอบตัวชายหนุ่มชุดเขียวม้วนตัวมาถึงปากถ้ำโดยไม่สนใจท่าทีของคนอื่นๆ เขาวางกรวยแหลมหลายอันที่มียันต์สีทองจางๆ ติดอยู่ลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใช้ดินปิดทับเล็กน้อย และล้อมเป็นรูปวงกลมที่มีขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ เมื่อเขาขยี้ยันต์เก็บของผืนหนึ่งจนแตกกระจาย เลือดเนื้อสีแดงสดกองหนึ่งก็ไหลออกมา ทันใดนั้นกลิ่นคาวเลือดก็โชยออกมา

“หรือว่านี่จะเป็นกรวยเปลวไฟระเบิด?” หญิงสวมหมวกคลุมกวาดสายตาดูบริเวณที่มีกรวยแหลมๆ ฝังอยู่ และถามออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

พูดถึงกรวยเปลวไฟระเบิดนี้ จากการเข้าร่วมงานประมูลในหลายปีที่ผ่านมา เขาก็พอจะได้ยินชื่อของมันอยู่บ้าง มันเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงในดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ นับว่าเป็นโลหะพิเศษของที่นี่ที่ผ่านการชุบหลอมในเปลวไฟสิบกว่าปีขึ้นไปถึงจะหลอมได้สำเร็จ พอออกจากเตา จำเป็นต้องใช้ยันต์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในการควบคุมเปลวไฟร้อนแรงที่สะสมอยู่ในนั้น พอกระตุ้นยันต์นี้ มันก็จะระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟอันร้อนแรงทันที พลังของมันยังเทียบเท่ากับการโหมโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของผู้ฝึกฝนระดับผลึกด้วย ซึ่งมีมูลค่าไม่เบา

“คงจะใช่ แต่ต่อให้ทั้งสิบกว่าอันนี้ระเบิดออกมาพร้อมกัน ซึ่งจะมีพลังไม่น้อย แต่หากจะทำร้ายราชินีผึ้งล่ะก็ เกรงว่าคงจะด้อยไปหน่อย” อู๋ขุยกลับเบ้ปากกล่าวออกมา

ประกายตาของฮวาชิงอิ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงการกระทำของชายชุดเขียวตั้งแต่แรกแล้ว

ในระหว่างเวลานั้น ชายชุดเขียวก็จัดวางทุกอย่างเสร็จสรรพ และกลายเป็นหมอกเบาบางลอยไปซ่อนตัวตรงก้อนหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกล

อู๋ขุยเห็นเช่นนี้ ก็ขยับร่างไปปรากฏอยู่บนต้นไม้โบราณบริเวณรังผึ้งอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงเคล็ดวิชาซ่อนตัวอยู่กลางอากาศ

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แรงกดดันจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งก็ทะลักออกจากปากถ้ำอีกครั้ง ปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้นบินออกมา หลังจากสังเกตดูรอบๆ แล้ว ตัวที่ได้รับบาดเจ็บก็บินออกมาด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา