นาทีต่อมาเงาหมัดสีทองมากมายก็กระทบบนโล่กระดูกประหนึ่งสายฝนกระหน่ำ แสงสีเงินสว่างวาบออกมา จากนั้นเสียงปังๆ ก็ดังสนั่นในทันใด
แม้ศิษย์คิ้วเหลืองจะไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นกรอกไอปีศาจเข้าไปในโล่กระดูกสุดชีวิตก็ยังคงถูกบีบให้ถอยร่นไม่หยุด หลังเสียงดังไม่กี่ครั้ง บนโล่กระดูกก็ปรากฏรอยร้าวลึกเส้นหนึ่ง เขารีบขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก
“แย่แล้ว ร่างแปลงร่างนี้ร้ายกาจจริงๆ ศิษย์พี่ รีบช่วยข้าอีกแรงที!”
“ไร้ประโยชน์จริงๆ ไม่รู้ว่าตั้งแต่แรกอาจารย์ส่งเจ้าเข้ามาในแดนลึกลับได้อย่างไร!”
อีกด้านหนึ่งบุรุษสยายผมกำลังตกตะลึงกับความสามารถในการกลืนกินที่ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนใช้ออกมา เมื่อได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ หลังเขาตวัดตากวาดมองศิษย์น้องของตนเองทีหนึ่งแล้ว ในใจพลันลอบด่าคำหนึ่ง จากนั้นพลิกมือทีหนึ่งเอาธงเล็กสีดำคันหนึ่งออกมาสะบัดใส่สหายร่วมสำนักอย่างไม่สนใจไยดี ฉับพลันแสงสีดำเข้มสายหนึ่งแล่นโถมออกมาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเกราะป้องกันหนาชั้นหนึ่งใกล้ๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสีดำบนธงผืนน้อยก็กะพริบวูบหนึ่ง ควันสีดำม้วนตลบชั่วพริบตาโถมทะลักไปที่มือ กลายเป็นหอกยาวส่องแสงสีดำระยิบระยับเล่มหนึ่ง
บุรุษร่างสูงสะบัดข้อมือทีหนึ่ง หอกยาวสีดำสนิทพลันส่งเสียงฟึบแล่นออกจากบนมือ กลายเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่งพุ่งรี่เสียบตรงเข้าใส่เชอฮ่วน
หลิ่วหมิงเห็นสภาพเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันทีหนึ่ง ส่งเคล็ดวิชาสายหนึ่งไปยังเงาของเชอฮ่วน
เชอฮ่วนแหงนศีรษะคำรามเบาๆ ทีหนึ่งก็กางกรงเล็บทั้งสี่กระโจนพรวดไปข้างหน้าสิบกว่าจั้งแล้วอ้าปากมหึมาออกอีกครั้ง “ฟุบ” กัดหอกยาวสีดำสนิทไว้ในปาก
เสียงปึกดังขึ้น หอกยาวสีดำสนิทถูกกัดหักเป็นสองท่อนทั้งอย่างนั้น ไอปีศาจมากมายไหลทะลักออกมาทว่ากลับถูกเงาของเชอฮ่วนกลืนไม่กี่คำลงท้องไป
“ไม่มีทาง เป็นไปได้อย่างไร?” บุรุษผู้สยายผมเห็นฉากนี้ ในที่สุดก็ตาโตอ้าปากค้าง แทบไม่อาจเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
เวลานี้เอง เสียง “ปัง” ทีหนึ่งก็ดังขึ้น เงาวัวสีน้ำเงินมหึมาส่องแสงวูบหนึ่งก็สลายหายไป
ในเวลาเดียวกันบนใบหน้าของหลิ่วหมิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายออกมา ฉับพลันแสงกระบี่สีทองพุ่งออกจากร่าง หลังวนเวียนบนท้องฟ้ารอบหนึ่ง แสงสีขาวสายหนึ่งก็พลันระเบิดออกมาจากปลายกระบี่ จากนั้นพร่าเลือนกลายเป็นรุ้งสีทองสว่างจ้าสายหนึ่งพุ่งเข้ามา ความเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบกลางฟ้าแจ้ง เร็วกว่าวิชาขี่กระบี่ทั่วไปเป็นเท่าตัว
บุรุษผมสยายไม่มีกระทั่งเวลาตอบสนอง ถูกรุ้งยาวสีทองโจมตีทำลายไอปีศาจคุ้มครองร่างพร้อมเสียงดังตูม พุ่งทะลุศีรษะไปทันที
น่าเวทนาบุรุษผมสยาย แม้ทั้งร่างจะเต็มไปด้วยวิชาลับ และมีสมบัติกับอาวุธจิตวิญญาณเต็มตัว ก็ได้แต่โงนเงนสองสามหน ธงน้อยสีดำหลุดหล่นจากมือ ศพร่วงลงมาจากท้องฟ้าทั้งๆ ที่สองตายังเบิกโพรง
ต่อจากนั้นหลิ่วหมิงผู้ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็ชี้นิ้วไปยังอากาศที่ว่างเปล่า
หลังรุ้งยาวสีทองวนรอบหนึ่งพลันกลายเป็นแสงกระบี่เต็มฟ้าบินเลี้ยวกลับมา พริบตาปั่นศพที่อยู่กลางอากาศกลายเป็นฝนเลือดห่าใหญ่
“ศิษย์พี่!” ศิษย์คิ้วเหลืองเห็นสถานการณ์ดังนั้นร้องตระหนกหวาดหวั่นเสียงดังทันที
และในเวลาเดียวกันโล่กระดูกสีเงินเบื้องหน้าร่างเขากลับไม่อาจต้านทานหมัดยักษ์สีทองได้อีกต่อไป เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง มันก็กลายเป็นแสงจิตวิญญาณสีเงินจุดแล้วจุดเล่าแตกกระจาย
นาทีต่อมาเงาหมัดสีทองหลายหมัดพลันพุ่งมาถึง
ศิษย์คิ้วเหลืองคำรามบ้าคลั่งฉับพลันตบถุงหนังบางถุงข้างเอว ทันใดนั้นฝนโลหิตห่าใหญ่ก็ซัดออกมาจากข้างใน ปะทะกับเงาหมัดสีทองพอดิบพอดี
เสียงฟู่ๆ ดังขึ้นสองสามครั้ง หลังเงาหมัดสีทองถูกฝนโลหิตรินรด พริบตาก็ถูกทำลายสลายไป
ทว่าตอนนี้เองด้านหลังของเขาฉับพลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น กำปั้นสีทองระยิบระยับข้างหนึ่งต่อยเข้ามา พร้อมกันนั้นรอบกำปั้นยังปรากฏเงาหัวพยัคฆ์สีดำจางๆ ห้าหัวพร้อมกัน
ร่างแปลงอาภรณ์ทองนั่นเอง พร้อมกับที่โล่กระดูกแตกกระจาย มันก็ขยับบิดร่างกายสองสามหนปรากฏขึ้นหลังร่างเขาด้วยมุมที่น่าเหลือเชื่อ ส่งการโจมตีออกมาโดยไม่เกรงใจสักนิด
ด้วยพลังของหลิ่วหมิง แม้เป็นร่างแปลงที่มีพลังปราณเพียงห้าหกส่วนก็ใช้วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬที่ใกล้บรรลุขั้นปลายได้ พลังที่แฝงอยู่เหนือกว่าที่ผู้ฝึกฝนขั้นเดียวกันจนยากจะจินตนาการ
ศิษย์คิ้วเหลืองคิดหลบหลีกอีกก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่สีหน้าซีดเผือดเร่งใช้ปราณสีดำมืดมัวคุ้มกันร่างเอาไว้
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง!
ไอปีศาจสีดำระลอกหนึ่งแผ่กระจายออกสี่ด้าน บนพื้นดินพลันปรากฏหลุมยักษ์ลึกถึงจั้งกว่าหลุมหนึ่ง ศิษย์ร่างเตี้ยทั้งร่างเลือดทะลักนอนอยู่ในหลุมยักษ์ หายใจรวยริน
ร่างแปลงอาภรณ์ทองโฉบวูบอีกหนหนึ่ง เงาร่างพลันปรากฏข้างหลุม ปลายนิ้วดีดทีหนึ่ง ปราณกระบี่หมุนสายหนึ่งพลันพุ่งพรวดออกมา พุ่งทะลุศีรษะของศิษย์ร่างเตี้ยทันที หลังจากหักเลี้ยวอีกหนหนึ่งโจมตีโซ่แห่งโชคชะตาบนข้อมือเขากระจุย
ก็เป็นเช่นนี้ แค่เวลาชั่วยกมือยกเท้า ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสองคนก็ล้มตายในมือหลิ่วหมิง โชคชะตาที่ครอบครองย่อมแบ่งมาอยู่ที่หลิ่วหมิงครึ่งหนึ่ง
ที่น่าเสียดายก็คือโชคชะตาของทั้งสองคนไม่มากนัก หลังหลิ่วหมิงตรวจสอบโซ่แห่งโชคชะตาของตนเองจึงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเล็กน้อย
เขาเก็บร่างแปลงอาภรณ์ทองไป หลังเก็บกำไลเก็บของของทั้งคู่แล้วก็งอนิ้วดีดอีกหนึ่งครั้ง ปล่อยลูกบอลเพลิงหลายลูกเก็บกวาดซากร่างที่เหลืออยู่ทั้งหมดจนเกลี้ยง
จากนั้นเขาก็ไปเก็บสมุนไพรห้าสีที่อยู่ไม่ไกลเข้าไปในกล่องหยกใบหนึ่งอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วน
หลังทำทุกสิ่งเสร็จสิ้น หลิ่วหมิงก็เก็บซ่อนกลิ่นอาย กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งแหวกฟ้าจากไปไกลต่อ
ผลปรากฏว่าหลิ่วหมิงนำหญ้าจิตวิญญาณจากไปได้ไม่ถึงชั่วมื้ออาหาร ตรงขอบฟ้าสายลมสีดำแถบหนึ่งพลันโหมพัดหวีดหวิวมาถึงแล้วและหยุดลงตรงจุดที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา