พริบตาที่แมงป่องยักษ์ตัวนี้พุ่งไปถึงทางแยก ทันใดนั้นมันก็พร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วแบ่งร่างกลายเป็นเงาร่างที่เหมือนกันทุกประการแต่ขนาดหนึ่งในสามของก่อนหน้านี้สามตัว จากนั้นพุ่งต่อไปยังทางที่ต่างกัน ที่ทางแยกต่อไปก็แยกร่างออกเป็นอีกหลายตัวมุ่งหน้าต่อไปอีก
เป็นเช่นนี้จากหนึ่งเป็นสาม จากสามเป็นเก้า ไม่นานนักเงาแมงป่องทั้งหมดก็หายลึกเข้าไปในอุโมงค์ไม่เห็นร่องรอย
“ที่แท้เป็นแบบนี้เอง!”
ตอนนี้หลิ่วหมิงเพิ่งเข้าใจขึ้นมาบ้าง ในที่สุดบนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
เซียเอ๋อร์ในเวลานี้ ดวงตาทางผลซิ่งเบิกโตจนกลม เพ่งมองเบื้องหน้าไม่กะพริบ ส่วนร่างกายก็นั่งหลังตรงนิ่งไม่กระดิกอยู่ที่เดิม พื้นดินใกล้ๆ มีแสงสีเหลืองอ่อนสายแล้วสายเล่าผุดออกมาแล้วจมลงไปในร่างนางเป็นระยะ
เวลาเคลื่อนผ่านไปทีละน้อย ใบหน้าของหญิงสาวซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ปราณบนร่างก็เริ่มไม่มั่นคงอ่อนแรงเป็นพักๆ
หลิ่วหมิงอดไม่ได้เผยสีหน้ากังวลใจ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดสตรีชุดตาข่ายสีดำก็ครางออกมาพลางหลับดวงเนตรงามลง ทั้งร่างสั่นระริกลุกขึ้นยืน เมื่อนางลืมดวงเนตรงามขึ้นอีกครั้ง บนใบหน้าซีดขาวผิดปกติก็ประดับรอยยิ้มยินดี
แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาแมงป่องจิ๋วที่แยกร่างจนเหลือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือทั่วทุกมุมของเขาวงกตทั้งหมดก็ระเบิดดังปังกลายเป็นปราณสีเหลืองก้อนแล้วก้อนเล่าสลายหายไปเช่นนี้
“นายท่าน ตามข้ามาเถิด ข้าหาทางออกพบแล้ว”
เสียงของหญิงสาวเพิ่งเอ่ยจบ ร่างกายก็ขยับไหวกลายเป็นเงาสีเหลืองกลุ่มหนึ่งเหาะไปยังอุโมงค์สายหนึ่งเบื้องหน้า
หลิ่วหมิงดีใจยิ่งนัก ตามไปติดๆ อย่างยินดี
ครึ่งเค่อต่อมาหลังเขาเลี้ยวไปเลี้ยวมาหลายหนตามที่เซียเอ๋อร์นำทางอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นสุดปลายอุโมงค์เส้นหนึ่งคือทางออกที่ส่องแสงสีขาว
“เซียเอ๋อร์ ครั้งนี้ลำบากเจ้าแล้ว รีบพักผ่อนเถิด” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ผ่อนคลายลง หันหน้าไปสั่งสตรีชุดตาข่ายสีดำด้านข้างคำหนึ่ง
เซียเอ๋อร์ขานรับเบาๆ คำหนึ่งก็กลายเป็นปราณสีดำสายหนึ่ง ลอยเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวหลิ่วหมิงอีกครั้ง
เวลานี้หลิ่วหมิงจึงเพ่งสายตาประเมินทางออกที่อยู่ไม่ไกลอีกหลายครั้งถึงก้าวยาวเดินเข้าไป
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเบื้องหน้าเขาล้วนสว่างจ้า หลังจากนั้นเขาก็โผล่มายังลานกว้างมหึมาสักแห่ง
ลานแห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวาง ขนาดราวหลายหมู่ นอกจากทางออกที่ตนออกมายังมีทางออกอีกสองทาง บนอุโมงค์ทั้งสามต่างมีสัญลักษณ์ เหนือทางออกด้านหลังร่างสลักภาพสัญลักษณ์ดวงดาราภาพหนึ่งไว้ อีกสองทางคือจันทราสว่างดวงหนึ่งกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง
สัญลักษณ์เหล่านี้เห็นชัดว่าสอดคล้องกับอุโมงค์ทั้งสามที่เลือกตอนแรก
พื้นลานปูด้วยหินเขียวขนาดหนึ่งจั้งกว่าเหมือนเขาวงกตที่เดินทางผ่านมาก่อนหน้านี้ บนพื้นตรงกลางลานกว้างรางร่องสีทองอ่อนเส้นแล้วเส้นเล่าเห็นได้ชัดเจน มองไกลๆ เห็นชัดว่าวาดเป็นค่ายกลรูปวงกลมใหญ่ถึงสิบกว่าจั้งค่ายกลหนึ่ง
เวลานี้บนค่ายกลส่องแสงรัศมีครึ่งดำครึ่งขาว นอกจากนี้แสงสีดำกำลังค่อยๆ เจิดจ้าขึ้น ทำให้แสงสีขาวลดน้อยลงอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองเห็นได้
หลิ่วหมิงครุ่นคิดขณะจับจ้องค่ายกลและเผยสีหน้าใคร่ครวญ
ในเวลานี้เองเสียงฟึบก็ดังขึ้น ตรงทางออกที่มีสัญลักษณ์พระอาทิตย์เงาสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมา หลังกะพริบวูบหนึ่งก็หยุดไม่ไกลจากด้านข้างค่ายกล
หลังแสงสีม่วงดับลง คนข้างในกลับเป็นบุรุษผมม่วงแห่งหอเป๋ยโต่ว
“เจ้าเองหรือ? …ดียิ่ง ดียิ่ง”
บุรุษผมม่วงเห็นว่ามีคนออกจากเขาวงกตมาได้ก่อนหน้าเขาก็เผยสีหน้าคิดไม่ถึงออกมาในทันใด สายตากวาดมองสถานการณ์รอบด้านอย่างรวดเร็ว
หลังเขาเห็นว่าที่แห่งนี้มีเพียงเขากับหลิ่วหมิงสองคน ลูกตาก็กลอกไปมาเล็กน้อย เอ่ยพึมพำสองสามประโยคพร้อมกับที่บนใบหน้าเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมทันที ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ มีดสั้นสีม่วงยาวหนึ่งฉื่อกว่าที่แผ่ประกายเย็นเยียบจางๆ เล่มหนึ่งบินออกมา
“ที่แท้ท่านคิดจะประลองฝีมือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้แซ่หลิ่วก็ยินดีเป็นคู่มือ” หลิ่วหมิงเห็นสภาพเช่นนี้ ไหนเลยยังไม่รู้ว่าบุรุษผมม่วงหมายสิ่งใด แม้ในใจหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่บนหน้ากลับยิ้มไม่โกรธ
สายตาของเขาฉับพลันเย็นเยียบ กระตุ้นเคล็ดวิชาอย่างไม่เกรงใจสักนิด พลังเวทในร่างเอ่อล้นไม่ขาดสายออกมาจากผลึกหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ด จากนั้นแทรกเข้าไปในกระบี่บินว่างเปล่าที่ลอยอยู่ในทะเลจิตรับรู้
เสียงฟึบดังขึ้นทีหนึ่ง!
กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหว่างคิ้วของหลิ่วหมิงแล้วลอยนิ่งอยู่เบื้องหน้าร่าง
บุรุษผมม่วงเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มือข้างหนึ่งชักมีดสั้นเบื้องหน้าร่างเสือกออกไปทีหนึ่ง
เสียงแหวกอากาศดังก้อง!
มีดสั้นพุ่งเร็วรี่ออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นรุ้งน่าตะลึงสีม่วงยาวสิบกว่าจั้ง ซัดเข้ามาหาหลิ่วหมิงอย่างทรงพลังดุดัน
จุดที่รุ้งน่าตะลึงพาดผ่าน กลางอากาศคล้ายถูกแช่แข็ง ส่งเสียงกรีดแหลมดังเปรี๊ยะๆ ออกมา
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันคำหนึ่งแล้วใช้เคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียว กระบี่เล็กสีทองพร่าเลือนวูบหนึ่งกลายเป็นรุ้งสีทองยาวสิบกว่าจั้งประจันเข้าใส่อีกฝ่าย
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นหนึ่งหน!
รุ้งบินสีทองกับรุ้งน่าตะลึงสีม่วงปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสว่างสีทองกับสีม่วงสองสีส่องสว่างไม่หยุด ปราณจิตวิญญาณปะทะกันอย่างรุนแรงพักหนึ่ง พายุสีทองและสีม่วงลูกหนึ่งก็พัดหวีดหวิวพุ่งขึ้นฟ้า ด้านในแสงสว่างแสบตาพุ่งออกมาประหนึ่งอสรพิษแสงขนาดยักษ์สองตัวกำลังรัดพันขย้ำกันไม่หยุด
เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกหน!
พายุหมุนระเบิดออก มีดสั้นสีม่วงกับกระบี่บินสีทองต่างบินออกมาจากคลื่นปราณ พุ่งถอยกลับมาหาทั้งสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา