จุดที่อาภรณ์สีแดงสะบัดผ่านเกิดแสงเรืองรองสีแดงสดสายแล้วสายเล่ากลางอากาศ เริ่มแรกมีเพียงสิบกว่าสาย ทว่าเมื่อหญิงสาวท่องมนตร์เร็วขึ้น แสงเรืองรองสีแดงก็ยิ่งมากขึ้นทุกที
จากนั้นร่างกายของหญิงสาวก็พร่าเลือนไม่ชัดตาม ร่างกายของนางสั่นไหววูบหนึ่ง เงาร่างที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการเก้าร่างก็ปรากฏขึ้นกลางแสงเรืองรองสีแดง
ชั่วขณะหนึ่งแสงเรืองรองสีแดงสดที่พาดสลับไปมาเคลื่อนตัวดุจเริงระบำ แขนกลมกลึงทั้งสองข้างของหญิงสาวหน้าตางดงามผู้สวมชุดนางในทั้งเก้าคนสะบัดอาภรณ์ การเคลื่อนไหวทุกท่าแลดูพลิ้วไหวงดงามเป็นธรรมชาติราวกับว่านักระบำผู้งดงามเก้านางกำลังแสดงการร่ายรำอันวิจิตรอยู่
ภาพที่เหมือนดั่งฝันดั่งภาพลวงตาเช่นนี้ทำให้หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างไปร้อยกว่าจั้งมองแล้วดวงใจเต้นระรัวอย่างอดไม่ได้ราวกับกำลังเมามายลุ่มหลง
ทว่าครู่ต่อมาเขาก็กัดปลายลิ้น ความเจ็บแปลบแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ เขาตื่นได้สติทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเบากับตนเอง
“วิชามายาร้ายกาจนัก!”
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในผู้นี้อยู่อยู่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่หลายร้อยจั้ง แต่กลับทำให้เขาเกือบได้รับผลจากกระบวนท่าไปด้วย ทั้งๆ ที่พลังจิตกับพลังสมาธิของเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดาจะเทียบได้
เวลานี้เองเสียงอื้ออึงชวนให้คนขนหัวลุกก็ดังสนั่นขึ้นไกลออกไป!
หนอนมารสีดำมืดฟ้ามัวดินมุดเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงทั่วฟ้าภายใต้การควบคุมของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคน
ทว่าเมื่อหนอนมารสีดำที่เดิมทีท่าทางดุร้ายเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงสดซึ่งชวนให้คนตาลายก็หยุดชะงัก ร่างกายส่ายไหวสั่นระริก
แสงเรืองรองสีแดงเหล่านี้ในมือหญิงสาวผู้สวมชุดนางในกวาดผ่านอากาศแผ่วเบาก็มีหนอนมารสีดำอย่างน้อยสองสามตัว อย่างมากสิบกว่าตัวสลายกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าอีกหน
แต่หนอนมารเหล่านี้จำนวนมากเกินไป แม้ถูกโจมตีสลายไปไม่รู้เท่าไร แต่หนอนมารที่เหลืออยู่ก็ยังคงโถมเข้ามาไม่ขาด
ทว่าพริบตานั้นที่หนอนมารเหล่านี้สัมผัสถูกร่างของหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน ร่างกายของนางก็พลันแตกกระจายเป็นละอองแสงสีขาวสลายหายไป คล้ายกับว่าเป็นเพียงร่างมายาร่างหนึ่งเท่านั้น
ครู่ต่อมาอากาศบริเวณใกล้เคียงก็เกิดคลื่นไหวกระเพื่อม ร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาแล้วอาภรณ์สีแดงในมือก็ขยับระบำอีกครั้ง
เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หนอนมารสีดำที่เดิมทีมืดฟ้ามัวดินก็ถูกโจมตีสลายไปแล้วเกือบครึ่ง หญิงสาวผู้สวมชุดนางในตรงกลางยังคงมีเก้านางราวกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด ยิ่งหนอนมารลดน้อยลง ย่างก้าวที่เริงรำก็ยิ่งแลดูพลิ้วไหว
ในเวลาเดียวกันนี้แสงเรืองรองเต็มฟ้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขอบเขตขยายออกไปกว้างหลายเท่า จนเกือบจะแตะวงนอกสุดของมนุษย์ปีศาจแล้ว
ไม่รอให้มนุษย์ปีศาจทั้งหลายตอบโต้อย่างใด กลางแสงเรืองรองสีแดงพลันมีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวด้านหลังมนุษย์ปีศาจคนหนึ่ง
มนุษย์ปีศาจคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ร่างกายหมุนตัวอย่างเร็วไว ฝ่ามือที่มีปราณดำวนเวียนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในแขนเสื้อ ห้านิ้วกางออกโจมตีหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่เงาคนสีขาวร่างนั้น
เสียง “เปรี้ยง” หนักหน่วงดังขึ้น
เงาคนสีขาวร่างนั้นถูกพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้สายหนึ่งโจมตีเข้าคราวเดียว แสงรัศมีรอบกายก็หม่นแสง สลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวจุดแล้วจุดเล่าหายไป
ทว่ายังไม่ทันที่มนุษย์ปีศาจจะหันกายกลับมา หลังร่างเขาก็มีหญิงสาวผู้สวมชุดนางในสีขาวปรากฏกายขึ้นอีกคนหนึ่งพร้อมกันที่อาภรณ์สีแดงชิ้นหนึ่งคลุมทับศีรษะของมนุษย์ปีศาจ การเคลื่อนไหวของมนุษย์ปีศาจผู้นั้นเชื่องช้าลงในทันใด แขนเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งคว้าบนแผ่นหลังของเขา ส่วนมืออีกข้างคว้าเข้าที่หัวไหล่ หลังจากหมุนตัวอยู่กับที่รอบหนึ่งนางก็เหวี่ยงเขาออกไปไกล
เสียง “ปึก” ดังขึ้น!
มนุษย์ปีศาจผู้นั้นร่วงลงพื้นหนักหน่วง
แม้มนุษย์ปีศาจคนนั้นเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่บนศีรษะมีแสงเรืองรองสีแดงวนล้อมอยู่เลือนราง รู้สึกว่าตาลายอยู่บ้าง
ระหว่างที่หยุดชะงักนี้ หนอนมารสีดำที่บินอยู่ใกล้ๆ ก็มีหนึ่งในเจ็ดส่วนสลายกลายเป็นปราณสีดำสายแล้วสายเล่า
อีกด้านก็มีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวหลังมนุษย์ปีศาจอีกคน ใช้วิธีเดิมครอบอาภรณ์สีแดงในมือไปยังศีรษะของเขาจากนั้นตบหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่ท้องของเขาเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
ไอปีศาจสีดำบนร่างมนุษย์ปีศาจผู้นั้นพังทลายกระจายไปพร้อมกับเสียงดัง “ปึก” ถูกวิชาสกัดการเคลื่อนไหวบางชนิดโยนออกไปดุจเดียวกัน
นับตั้งแต่สตรีนางนี้เริ่มลงมือจนกระทั่งโยนมนุษย์ปีศาจออกไปสองคน กินเวลาเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น
วิชาท่าร่างอันพิสดารและพลังน่าหวาดกลัวที่สตรีผู้นี้แสดงออกมาทำให้ในใจหลิ่วหมิงพรั่นพรึงอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านคิดจะยืนดูจนถึงเมื่อไร หรือว่าไม่ต้องการสมบัติในโบราณสถานแห่งนี้แล้ว” ในหูหลิ่วหมิงพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงของบุรุษชุดเทาที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นนั่นเอง
หลิ่วหมิงครุ่นคิดเร็วดุจสายฟ้า ในที่สุดร่างกายก็ขยับกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่ง พุ่งเร็วรี่ออกไปด้านหน้า
ความเร็วของเงาดำรวดเร็วอย่างที่สุดจนเกิดสายลมแรงหอบใหญ่ขึ้นสองฟากฝั่ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นเส้นสีดำเส้นหนึ่ง แต่ระหว่างทางเส้นสีดำกลับเลือนรางลงแล้วกลายเป็นเงาดำบิดเบี้ยวสองร่าง เมื่อขยับอีกครั้งก็กลายเป็นเงาดำสี่ร่าง จากนั้นเพิ่มความเร็วกลางท้องฟ้า เหาะอย่างรวดเร็วเข้าไปยังวงต่อสู้ตรงหน้า
“เอ๋ วิชาร่างแยก? ตรงนี้ยังมีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ด้วยหรือ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา