“พี่หลิ่ว พวกเราถูกมนุษย์ปีศาจกับนิกายปีศาจลี้ลับซุ่มโจมตี ยามนี้ศิษย์พี่จินกำลังสู้กับมนุษย์ปีศาจเหล่านั้นเพื่อปกป้องพวกเราให้หนีมา!” ยังไม่ทันไปถึงตัว โอวหยางเชี่ยนก็ส่งกระแสจิตบอกหลิ่วหมิงแต่ไกล
“นิกายปีศาจลี้ลับ? มนุษย์ปีศาจ? เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรือ พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บ ให้ข้าจัดการคนชั่วผู้นี้ก่อนค่อยว่ากัน” หลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่านร่างของสตรีทั้งสองนางแล้วมองไปยังเพลิงมารสีเขียวที่ไม่มีทีท่าจะหยุดสักนิดเบื้องหลังจากนั้นจึงเอ่ยอย่างฉับไว เขาโฉบวูบผ่านด้านข้างแสงสีม่วง พุ่งประจันหน้าเข้าหาหลงเซวียนที่อยู่ด้านหลังทันที
“หลิ่วหมิง? คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ปีศาจผู้นั้นจะไม่ได้จัดการเจ้า! แต่ก็ดี ข้าจะจัดการเจ้าเอง!”
การปรากฏตัวกะทันหันของหลิ่วหมิงทำให้หลงเซวียนที่อยู่กลางเพลิงมารหัวเราะเสียงประหลาดด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
หลิ่วหมิงย่อมอยากถกเรื่องเก่ากับหลงเซวียนอยู่แล้ว เขาสีหน้าเคร่งขรึม ปราณดำทั่วร่างพลุ่งพล่านออกมา เสียงมังกรกู่ร้องดังออกมาพร้อมกัน!
เขาสะบัดสองแขน ไอหมอกสีดำทั่วร่างปั่นป่วน มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวพุ่งจากแผ่นหลังขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากพวกมันบินวนรอบหนึ่งก็พากันสะบัดหัวสะบัดหางบินโถมเข้าใส่หลงเซวียน
“ทลาย!”
หลงเซวียนคำรามดังลั่นครั้งหนึ่งจากนั้นสองแขนก็ประกบเข้าหากันยื่นไปด้านหน้า เพลิงสีเขียวสองสายซัดสาดออกมาก่อตัวเป็นงูใหญ่ประหลาดสีเขียวยาวสามสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งตรงหน้าอก
หลังจากงูใหญ่ขดล้อมรอบหลงเซวียนก็พ่นเพลิงสีเขียวเข้าใส่มังกรหมอกสีดำห้าตัว จากนั้นพวกมันก็เข้าขย้ำกันในพริบตา
ด้านหนึ่งมังกรหมอกห้าตัวมีปราณดำวนเวียนอยู่รอบร่าง ร่างกายวนขดเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุดอย่างว่องไว ด้านหนึ่งงูใหญ่ประหลาดสีเขียวดวงตาฉายแววดุร้าย ปากร้องคำรามไม่หยุด ไอปีศาจรอบร่างพลุ่งพล่าน ชั่วขณะหนึ่งตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้
หลงเซวียนเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันออกมาจากปาก สองมือเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาทันที
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
เพียงครู่เดียวรอบร่างงูประหลาดสีเขียวก็มีแสงสีเขียวกระจายออกมา แสงรัศมีสีเขียวสาดไปทั่วฟ้า ทะลวงมังกรหมอกสีดำห้าตัวทะลุเป็นรูนับร้อยนับพัน
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้หลงเซวียนก็เปลี่ยนสีหน้าในฉับพลัน เขารีบเบี่ยงกายถอยพรวดไปข้างหลังพร้อมกัน
ตรงจุดที่เดิมทีเป็นด้านหลังของเขาเกิดคลื่นไหวกระเพื่อมบนอากาศ หลิ่วหมิงพุ่งออกมาพร้อมกับสะบัดกำปั้นมหึมาที่มีปราณสีดำหุ้มอยู่สองข้างกระหน่ำต่อยใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
“โฮก” เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!
เงาหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวก่อตัวขึ้นท่ามกลางปราณสีดำแล้วร้องคำรามดังกึกก้องพุ่งมาถึง
เงายักษ์สีเขียวด้านหลังร่างหลงเซวียนสะบัดแขนทั้งหกข้าง ดาบและกระบี่ที่มีเพลิงสีเขียวลุกไหม้กระหน่ำฟันไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากเสียงดังสนั่นพักหนึ่ง ดาบและกระบี่อัคคีสีเขียวหลายเล่มก็ฟันไขว้กัน พลังของเพลิงสีเขียวที่ลุกโหมต้านเงาพยัคฆ์สองหัวไว้ได้ เกิดเสียงดังกึกก้องที่ชวนให้คนหวาดหวั่น
ในเวลานี้เองแสงสีน้ำเงินบนหัวไหล่ของหลิ่วหมิงก็ม้วนตัวออกมา เงาหัววัวสีน้ำเงินขนาดยักษ์หัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันอ้าปากเพียงครั้งเดียวก็พ่นแสงเรืองรองสายหนึ่งกวาดผ่านบนดาบและกระบี่ไป เพลิงสีเขียวด้านบนถูกเป่าหายเป็นความว่างเปล่าในพริบตา
เสียงเปรี้ยงดังสะเทือนฟ้าดิน!
ดาบและกระบี่ที่ไร้เพลิงสีเขียวสนับสนุนถูกหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวโจมตีพังทลายลงทันที!
หลงเซวียนรีบขยับร่างคิดจะหลบ ทว่าด้วยความฉุกละหุกเขาจึงหลบทั้งหมดไม่พ้นถูกหัวพยัคฆ์มหึมาหัวหนึ่งโจมตีโดน หัวไหล่ขวาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งร่างถูกโจมตีพุ่งถอยออกไป
หลังจากปลิวออกไปหลายสิบจั้ง เพลิงสีเขียวทั่วร่างหลงเซวียนพลันกลายเป็นดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งยกร่างเขาขึ้นมา ในที่สุดก็ตั้งหลักได้ แต่สีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
เขามองหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย อ้าปากปล่อยยันต์สีดำตัวหนึ่งออกมา มันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ประทับลงบนหน้าผากของเงายักษ์สีเขียวด้านหลัง
เสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะดังกึกก้องในทันใด!
ร่างกายของยักษ์สีเขียวขยายขนาดขึ้นอีกหนึ่งเท่ากว่า ลวดลายสีเขียวปรากฏบนร่างของมันเห็นเด่นชัด พร้อมกันนั้นไอปีศาจสีดำกับสีเขียวสายแล้วสายเล่าก็ถ่ายเทเข้าไปในลวดลายไม่หยุด ลวดลายเหล่านั้นประหนึ่งได้กินยาบำรุงค่อยๆ แผ่กว้างขึ้นทีละนิด ชั่วพริบตาก็ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่ไว้ ทำให้เงาทั้งร่างฉับพลันชัดเจนขึ้นอีก
เห็นชัดว่านี่ถึงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเทพชิงหยาง!
เส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะของหลงเซวียนปลิวสะบัดตามสายลม ใบหน้าที่เดิมทีอัปลักษณ์อยู่แล้ว เมื่อมีแสงเปลวเพลิงสีเขียวด้านหลังขับเน้นก็ยิ่งแลดูโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ปากเอ่ยท่องมนตร์งึมงำหลายประโยค ยักษ์สีเขียวเริ่มยกแขนขึ้น ห้านิ้วกางออกอย่างเชื่องช้า
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ฝ่ามือยักษ์มีเปลวเพลิงผืนใหญ่ทะลักออกมาจากนั้นก่อตัวเบื้องหน้าร่าง พวกมันหมุนวนเร็วรี่พริบตาเดียวก็กลายเป็นพายุหมุนอัคคีสีเขียวขนาดหนึ่งหมู่กว่าลูกหนึ่ง
ปราณน่าตะลึงราวกับจะถล่มฟ้าถล่มดินสายหนึ่งแผ่ออกมาจากใจกลางพายุหมุน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันคิ้วขมวด เพลิงสีเขียวนี้แตกต่างจากตอนนั้นที่เขาเคยเห็นที่ตระกูลโอวหยางอย่างไม่อาจเทียบกันได้
เขาตบหัวไหล่ด้วยมือข้างหนึ่งทันที ทันใดนั้นเงาวัวสีน้ำเงินก็โผล่ทั้งตัวออกมาเบื้องหน้า หลังจากร่างกายสะบัดรุนแรงครั้งหนึ่ง มันก็แหงนหน้าคำรามโกรธเกรี้ยวใส่จุดที่เทพชิงหยางอยู่
เสียง “โฮก!” ดังขึ้นครั้งเดียว อากาศรอบด้านฉับพลันสั่นไหวรุนแรง คลื่นเสียงสีน้ำเงินสายหนึ่งซัดออกไปดุจสายฟ้า พริบตาเดียวทะลวงผ่านพายุหมุนอัคคีสีเขียวล้อมเงาเทพชิงหยางไว้ด้านใน
ไอปีศาจบนร่างของเทพชิงหยางถูกเป่ากระจายในครั้งเดียวแล้วถูกแทนที่ด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งที่กะพริบวิบวับไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา