‘ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่รอพิธีเปิดสำนักในครั้งนี้…’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ คาดคำนวนการเตรียมตัวของตนอีกครั้ง
สงครามครั้งนี้จะเป็นสงครามที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีความเข้าใจมากพอ ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง เพราะถ้าไม่ถึงตอนสุดท้าย ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีศัตรูกี่คน เป็นศัตรูจากไหน และมีผู้ช่วยเท่าไร
สถานการณ์ไม่มีความชัดเจน มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากมาย อีกทั้งตนเองยังมีภารกิจอยู่ในมือไม่น้อย
อย่างเช่น สืบเนื่องจากเรื่องของมารดา ตนกับประมุขอิสานจึงได้รู้จักกัน ความประทับใจที่เหลือไว้ระหว่างกันคล้ายไม่เลวนัก แต่ว่าผู้ทรงอำนาจท่านนี้จะลงมือช่วยเหลือหรือไม่ ยังไม่ทราบโดยสิ้นเชิง
ระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ล้ำลึกอะไรนัก ประมุขอิสานกับประมุขทักษิณเองก็ไม่มีความขัดแย้งใดๆ
เหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องลงมือช่วยเหลือเล่า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแรงกดดันจากจักรพรรดิเอกภพกำเนิดอยู่ด้วย
อยู่ดีๆ ไฉนประมุขอิสานถึงต้องล่วงเกินจักรพรรดิเอกภพกำเนิด
ในทางตรงกันข้าม ถ้ารู้ว่าตนมีความสัมพันธ์กับเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดา พวกประมุขบูรพา ประมุขประจิม และประมุขพายัพอาจจะสร้างปัญหาได้
เรื่องเหล่านี้บางทีอาจยังไม่แน่นอน แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่พิจารณา
เขาพอทำความเข้าใจไว้บ้าง และวางแผนการที่ค่อนไปทางเลวร้ายคร่าวๆ จึงยังพอจะคาดการณ์ได้
มีเรื่องบางเรื่องเป็นเพราะว่าข้อมูลในมือเยอะเกินไป หรือถึงขั้นที่ตนไม่ทราบเรื่องแม้แต่น้อย อาจก่อเกิดอุบัติเหตุที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายได้ตลอดเวลา
อย่างเช่ สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับมารดาของตน เกี่ยวกับกงจักรมหาประกายกาฬในมือตน เกี่ยวกับจักรพรรดิประกายกาฬในอดีตกันแน่
ในห้าจักรพรรดิ จักรพรรดิอีกสามคนนอกจากจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิเอกภพมีท่าทีอย่างไร
ในหมู่ประมุขทั้งสิบ ประมุขคนอื่นๆ มีท่าทีอย่างไร
ตราบใดที่ยังไม่รู้เขารู้เรา การอนุมานไปก่อนบางทีอาจผิดพลาดทั้งหมด แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เกรงกลัว เพียงแต่ปรับปรุงตัวเองอย่างเต็มที่
หลักๆ แล้วตนเองจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ทิ้งช่องโหว่และรูรั่วไว้ จากนั้นก็ใช้เรื่องเหล่านี้เป็นสมมติฐาน สำหรับกำหนดแผนการ การเตรียมตัวและวิธีการ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายจริงๆ นั่นจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แล้ว
แน่นอนว่าถ้าจักรพรรดิแพรลงมือตามที่สัญญากันไว้ เรื่องราวก็จะรวบรัดขึ้น
‘อันดับแรก อยู่ที่ตัวเอง’ เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองกงจักรมหาประกายกาฬ
เพื่อสิ่งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอลงทุนไปไม่น้อย
นี่เป็นตัวกินเงินระดับสุดยอดอย่างแท้จริง
ไม่นับตะเกียงประกายกาฬที่จักรพรรดิประกายกาฬใช้มาเป็นพื้นฐาน หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอรับช่วงต่อแล้ว เพื่อเซ่นหลอม ก็ได้ผลาญอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไปกองหนึ่ง
ต่อจากกงจักรสุริยันและพัดห้าหงส์อมตะ แส้หางมังกร ดาบอัคคี ขวานย้อนเอกภพ แส้มังกรดำ รวมถึงดาบสัจจะและเกราะธุลีไร้รูป อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่ได้มาจากเขตเพลิงทักษิณ ล้วนถูกกงจักรมหาประกายกาฬหลอมละลาย
จิตแห่งพลังที่แฝงอยู่ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดายิ่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่กงจักรมหาประกายกาฬต้องการ
เยี่ยนจ้าวเกอใช้พวกมันเป็นสื่อกลางเพื่อส่งวรยุทธ์ระดับสุดยอดแต่ละชนิดที่ตนบรรลุเข้าไป
นอกจากนี้ยังมีดาบอีกาทองผลาญฟ้าและกระบี่ทะเลม่วงที่ถูกกลืนไปตั้งแต่แรกด้วย
ตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับมาจากเขตเพลิงทักษิณ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสิบชิ้นที่นำกลับมาด้วย ปัจจุบันเหลือเพียงอาภรณ์เต๋าครองสติและมงกุฎหงส์กู่ร้อง รวมถึงยังเหลือกงจักรสุริยันกับขวานย้อนเอกภพที่เพียงวางพาดเข้าไป
แต่ว่าราคาที่จ่ายก็ได้ค่าตอบแทน
สิ่งที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงทั้งสิบชิ้นทำไม่ได้ ตอนนี้กงจักรมหาประกายกาฬกลับมีความเป็นไปได้ที่จะทำได้ ถึงแม้จะไม่อาจเซ่นหลอมให้สำเร็จได้โดยสมบูรณ์ แต่ก็เป็นวงจรสำคัญในแผนการ ตราบใดที่การอนุมานของตนเองไม่เกิดข้อผิดพลาด
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง พลันหัวเราะออกมา ‘เวทีใหญ่ ข้าชอบนัก’
‘ไม่ว่าจะเป็นโชคหรือเคราะห์ ต้องเร่งกันสักหน่อย ข้ารอไม่ได้แล้ว’
วันเวลาต่อจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งฝึกฝนตัวเอง ทางหนึ่งปรับปรุงการเตรียมตัวของตัวเอง
ในระหว่างนี้ เขากว่างเฉิงมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนที่สามถือกำเนิดขึ้นโดยไม่มีใครทราบ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในที่สุดก็เปิดเส้นทางโคจรสำหรับดวงดาวขึ้นมากลางจักรวาลในร่างกายได้สำเร็จ ทำให้จุดลมปราณที่เห็นเทวะโคจรได้ลุล่วง ปีนขึ้นสู่ระดับสะพานเซียน
ครั้งนี้กลับเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอาศัยบารมีของร่างจริง ศึกษาประสบการณ์ส่วนหนึ่งจากการเลื่อนขึ้นสู่ระดับสะพานเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายก้าวข้ามด่านนั้นสำเร็จ
หากอยู่ในระดับเดียวกัน พลังของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสู้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี