ยิ่งเข้ามาด้านในชายฝั่งนพยมโลกแห่งนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุกคามผู้คนของนพยมโลกเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิแพร และจักรพรรดิไร้จำกัดย่อมไร้ปัญหา แต่ด้วยพลังฝึกปรือของเมิ่งหว่าน นางกลับไม่อาจต้านทานต่อไปได้อีก ได้รับการกัดกินจากพลังแห่งนพยมโลก ค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะ
มาตรแม้นว่าจะมีจิตใจแน่วแน่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งรัก ไร้ซึ่งความอยาก ย่อมได้รับผลกระทบ
ทั้งหมดล้วนอาศัยหยกแขวนชิ้นหนึ่งที่จักรพรรดิแพรมอบให้นางป้องกันตัวและชำระล้างจิตใจ จึงค่อยเคลื่อนไหวในนี้ได้
พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะติดต่อกับปีศาจในพื้นที่แห่งนี้ เมื่อพวกมันไม่อาจส่งผลคุกคามต่อพวกเขา ก็ถูกทำลายพินาศ
ทุกคนเดินทางอย่างมีเป้าหมายตามร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้ทิ้งเอาไว้ ประสิทธิภาพเร็วขึ้นมาก
หลังจากเดินทางต่อเช่นนี้อีกหลายวัน ฝีเท้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับเชื่องช้าลง จิตใจของทุกคนกลายเป็นหนักอึ้งขณะมองดูมิติตรงหน้า
สถานที่แห่งนี้คือบริเวณพรมแดนของชายฝั่งยมโลกแห่งนี้ หากเดินหน้าต่อไป จะเข้าใกล้ต้นตอที่ถูกกัดกินของมิติแห่งนี้ และเป็นบริเวณที่อยู่ติดกับนพยมโลก
ฝีเท้าของเฟิงอวิ๋นเซิงคล้ายกับยังคงมุ่งหน้าต่อไป
เยี่ยนจ้าวเกอค้นหารอบๆ แล้วเที่ยวหนึ่ง แต่ไม่พบร่องรอยใดอีก คล้ายกับว่าการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเป็นทางเลือกเดียว
จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดถามอย่างแช่มช้า “สหายน้อยเฟิงผู้นี้ออกจากเขากว่างเฉิงเพื่อท่องโลก ได้พกมงกุฎจันทรามาด้วยหรือไม่”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นคนของเขากว่างเฉิงที่ครอบครองมงกุฎจันทรา
“มงกุฎจันทรามีนางเป็นผู้ควบคุมมาโดยตลอด” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
เมิ่งหว่านที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเป็นปรกติ ผลแพ้ชนะจากการต่อสู้ที่เหมือนกับทุ่มเทชีวิตกับเฟิงอวิ๋นเซิงเมื่อก่อนหน้า ทำให้นางละทิ้งการยึดมั่นด้านนี้ไปแล้ว
จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดพึมพำกับตัวเอง “กลับไม่ทราบว่าสหายน้อยเฟิงได้เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงแล้วหรือยัง”
ถึงแม้จะมีร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงเหลือไว้ตามรายทาง แต่เป็นเพราะว่าการเคี่ยวกรำของเวลา จึงไม่มีรายละเอียดมากพอให้กล่าวถึง ยากจะแยกแยะพลังฝึกปรือและสภาพจิตใจของเฟิงอวิ๋นเซิงในปัจจุบัน
“หากว่าศิษย์พี่เฟิงทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงสำเร็จ เช่นนั้นก็สามารถใช้พลังทั้งหมดของมงกุฎจันทราได้ในระยะเวลาสั้นๆ” เมิ่งหว่านเป็นสตรีแห่งจันทรา อีกทั้งยังเคยครอบครองมงกุฎจันทรา จึงเข้าใจเป็นอย่างดี
ไม่ทราบว่าราชันพระจันทร์สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างไร จึงทำให้มันแตกต่างจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ถึงแม้ว่าภรรยาข้าจะตั้งใจฝึกฝนตนเอง แต่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับนพยมโลก นางจะต้องเข้าใจความสำคัญในนี้ดี ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายโดยไม่ไตร่ตรอง”
ชายหนุ่มเข้าใจความเป็นห่วงของจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดดี ถ้าหากว่าใช้พลังของมงกุฎจันทราได้ทั้งหมด เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เพียงแต่สามารถปกป้องตัวเองได้เท่านั้น ขณะเดียวกันยังป้องกันการกัดกินจากจิตมารแห่งนพยมโลก รักษาสภาพจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มงกุฎจันทราเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับเดียวกับตราประทับตะวัน อานุภาพของมันอยู่ในระดับสูงสุด หากไม่เจอจอมมารที่เทียบได้กับยอดฝีมือระดับเซียนของสำนักเต๋า แม้นเฟิงอวิ๋นเซิงจะเข้ามาในนพยมโลก ก็ไม่มีอันตรายมากนัก
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่ายังไม่ได้เลื่อนสู่ขั้นเทวะสำแดง ไม่อาจแสดงพลังของมงกุฎจันทราออกมาได้ทั้งหมด ถึงเฟิงอวิ๋นเซิงจะกระตุ้นอานุภาพทั้งหมดของมงกุฎจันทราได้ แต่เมื่อเดินลึกเข้ามาในนพยมโลก ก็ยากจะคาดถึงผลดีผลเสียได้อยู่ดี
โดยเฉพาะถ้านางยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปแล้วเข้ามาในนี้ เมื่อได้รับการล่อลวงจากนพยมโลกแล้ว เรื่องราวก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง
พวกเขาครั้งนี้มาตามหาคน จะต้องวางแผนกันใหม่ และในเมื่อมาถึงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“พวกเราจะต้องเข้าไปตามหาถึงจะถูก” จักรพรรดิแพรยามนี้เอ่ยขึ้น “ไม่แน่ว่าตอนนี้สหายน้อยเฟิงอาจกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็เป็นได้”
จักรพรรดิไร้จำกัดผงกศีรษะ “พวกเราไปเถอะ”
ทุกคนมุ่งหน้าต่อไป เสียงที่สะท้านขวัญวิญญาณเริ่มดังขึ้นข้างหู ยิ่งมายิ่งดัง จนกระทั่งถึงตอนท้ายที่แทบทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด
‘นพยมโลกไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่รู้ว่าอวิ๋นเซิงตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ พลางโคจรเคล็ดวิชา สะกด ทำลาย และชำระล้างมารทีละตัว
เขาคอยดูสถานการณ์ของจักรพรรดิแพร สภาพในตอนนี้ของอีกฝ่าย ในมุมหนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าถูกนพยมโลกฉกฉวยได้โดยง่าย บางทีในตอนนี้เขายังคงไร้ช่องโหว่บนร่าง แต่ว่าในจิตใจก็ไม่แน่แล้ว
จักพรรดิไร้จำกัดมีความคิดเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ สาเหตุที่ตามมาในครั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันภัยแฝงของเรื่องนี้
จักรพรรดิแพรกลับเหมือนปกติทุกประการ คล้ายกับไม่รู้สึกอะไร และคล้ายไม่เห็นความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอและจักรพรรดิไร้จำกัด
เขาเพียงแค่ตามหาร่องรอยเบาะแสที่เฟิงอวิ๋นเซิงทิ้งไว้ไปพลาง คอยดูว่าเมิ่งหว่านยังสบายดีหรือไม่ไปพลาง
ทุกคนต่างพกพาความนึกคิด เคลื่อนไหวในโลกที่ไม่สมควรมีคนอยู่ใบนี้ต่อ
กลิ่นอายของคนเป็นพลันดึงความสนใจของหมู่มาร ทว่ามารที่ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ อย่างมากที่สุดมีพลังไม่เกินจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ ย่อมขัดขวางฝีก้าวของพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
กลับเป็นในตอนที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าควันมารและปราณมารที่อยู่รอบๆ คล้ายกับค่อยๆ จางลง
ทุกคนสบตากัน “ที่นี่มีตัวตนพิเศษที่รบกวนการกัดกินมิติต่างแดนในอาณาเขตบริวเณนี้ของนพยมโลกอยู่จริงๆ”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะทิศทาง เดินหน้าสู่สถานที่ที่ควันมารและปราณมารเบาบางในทันที
พร้อมกับที่ทุกคนเข้าใกล้ ควันมารและปราณมารยิ่งมายิ่งอ่อนแอ กลับเป็นความเย็นเยียบที่ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
เยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิไร้จำกัด และจักรพรรดิแพรสบตากัน ต่างร้องขึ้นว่า “จิตกระบี่?”
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี