ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 109

ครั้นเฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองสิ่งที่ย่างไฟอยู่เหนือแท่นวางนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง มันมีขนาดเพียงแค่เท่าฝ่ามือเท่านั้น หน้าตากึ่งกบกึ่งปลา ดูท่าจะเป็นปลากรงเล็บพยัคฆ์จริงๆ

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอดมกลิ่นก็ต้องอ้าปากค้าง “หึ ดมแล้วกลิ่นไม่เลวเชียว ไม่แน่ว่ามันอาจจะอร่อยก็ได้”

“ตาเจ้าเป็นประกายเชียว ท่าทางกินเก่งน่าดูเลย”

แท้จริงแล้วตนเองก็มีความสุขกับการลิ้มลองอาหารเลิศรสต่างๆ เช่นกัน เพียงแต่หลังจากที่มาถึงโลกนี้แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย อีกส่วนหนึ่งคือกินดีอยู่ดี ชีวิตสุขสบายอยู่แล้ว จึงไม่ต้องดิ้นรนหาอาหารแปลกใหม่เหมือนอย่างตอนที่เป็นนักกิน

ตอนนี้เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนเองก็คิดเช่นเดียวกันกับนาง ทันทีที่สูดดมกลิ่นอีกครั้ง เขารู้สึกคล้ายกับว่าความหิวถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงกระแอมครั้งหนึ่ง แล้วก้าวเดินออกไปอย่างผ่าเผย

เฟิงอวิ๋นเซิงพลันตกใจสะดุ้งเฮือก ราวกับถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น ก่อนที่นางจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ ความระแวดระวังในดวงตาของนางก็หายไป

ทว่าครู่ถัดมา สายตาของเด็กสาวก็แสดงความเก้อเขินออกมาเต็มเปี่ยม นางก้าวขาขยับออกไปด้านข้างก้าวหนึ่ง ปิดบังกองไฟและไม้ย่างที่อยู่ด้านหลังเอาไว้

ปกติแล้วนางปากไวจัดจ้าน ตอนนี้กลับลิ้นพันกันขึ้นมาทันที “ศะ…ศิษย์พี่เยี่ยน ทะ…ท่านกลับสำนักมาตั้งแต่เมื่อใดหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ก็วันนี้แหละ ได้ยินว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าหายสนิทดีแล้ว การสร้างรากฐานขึ้นใหม่ก็สำเร็จแล้วเช่นกัน จึงมาหาเจ้าเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนหลังจากนี้”

เมื่อเดินมาจนถึงเบื้องหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนจ้าวเกออาศัยความสูงของตนชะเง้อมองไปด้านหลังของนาง “จากนั้นก็เจอบางสิ่งบางอย่างที่สุดยอดมากเข้า…”

ในตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงใจเย็นลง นางไอแห้งๆ ครั้งหนึ่ง “ศิษย์พี่เยี่ยนท่านก็รู้นี่ คนฝึกวรยุทธ์ต้องกินต้องดื่มมากกว่าคนทั่วไป จำเป็นต้องเพิ่มกำลังที่สูญเสียไปอยู่เสมอ”

“เอ่อ ส่วนข้าชอบที่จะลงมือทำกินเองมากกว่า นับเป็นความชอบอย่างหนึ่ง ก็เหมือนกับที่บางคนชอบดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนหนังสือ หรือวาดรูปนั่นแหละ เพียงแต่ของข้ามัน เอ่อ พิเศษกว่านิดหน่อยเท่านั้น”

นางพูดจาไหลลื่นขึ้นมา ทว่าไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ล้วนมีความรู้สึกเคอะเขินอยู่ดี

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม แล้วเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟอย่างโอ่อ่าผ่าเผย “ข้าเองก็เช่นกัน ข้าเองก็เช่นกัน!”

หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงชะงักไป นางก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆ อีก นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “อาหารเลิศรส แต่ไหนแต่ไรก็ต้องแบ่งปันกันถึงจะสนุก ศิษย์พี่เยี่ยนอยากลองชิมฝีมือข้า นั่นเป็นเรื่องที่ดีเสียยิ่งกว่าดีเสียอีก”

นางหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวเสริมว่า “วางใจเถิด แม้ว่าปลากรงเล็บพยัคฆ์จะมีพิษ แต่ข้าจัดการไปแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพิษเข้า”

หลังจากปลากรงเล็บพยัคฆ์เสียบไม้นั้นย่างเสร็จแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงก็แกะออกมาแบ่งให้เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่คนละตัวทันที

โร่วโร่วกระดิกหางแล้วเดินหน้าเข้ามา ท่าทางออดอ้อนถึงที่สุด

“ขาดของเจ้าไปไม่ได้หรอก” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มพลางกล่าว แล้วก็แบ่งปลาให้มันตัวหนึ่ง

อาหู่ยังมีอาการงงงวยอยู่เล็กน้อย ส่วนเฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มตาหยี “ลองดูสิ ข้าเป็นคนที่เลือกกินยิ่งนัก รสชาติที่ทำให้ข้าคิดถึงได้เสมอและไม่ลืมเลือนมีไม่มากนักหรอก”

ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้น

บทเช่นนี้เหมือนจะไม่ค่อยถูกไปสักหน่อย…

ปกติแล้วไม่ใช่พระเอกหรอกหรือ ที่เป็นคนคอยนำปลาย่าง ไก่ย่างจำพวกนี้ตามเกี้ยวสตรีที่อยู่ต่างโลก ปิ้งย่างมื้อเดียวทำให้หญิงงามตกหลุมรักหัวปักหัวปำ อะไรทำนองนั้น…

ข้ามาถึงที่นี่แล้ว เหตุใดทุกอย่างดูจะกลับตาลปัตรกันไปหมด

บทละครมีปัญหาจริงๆ ด้วย!

แต่…ก็นะ…

รสชาติมันก็ไม่เลวจริงๆ นั่นแหละ…

ค่อนข้างอร่อยเลยทีเดียว…

“กินก็ส่วนกิน อย่าได้ลืมเรื่องสำคัญไปล่ะ” เยี่ยนจ้าวเกอกลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงไป แล้วมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง “ยังจำคำพูดที่ข้าพูดกับเจ้าตอนที่อยู่ถังตะวันออกเมื่อครึ่งปีก่อนได้หรือไม่ วันสุดทรหดของเจ้ากำลังจะมาถึงแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี