ไม่ว่าจะเป็นห่วงเฟิงอวิ๋นเซิง หรือเป็นห่วงว่าแผนการของราชันพระราหูเจี่ยนซุ่นหัวเป็นจริงแล้วหรือไม่ สุดท้ายแล้วแต่ละคนก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ดี
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก ก่อนจะหลับตาทั้งสองข้าง
รอบๆ ตัวของเขาเกิดม่านแสงบางๆ ขึ้นมาชั้นหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นประกายอุทกขมุกขมัวที่กระจายออกไปทุกที่ จนทุกอย่างคล้ายกับกลายเป็นสีขาวดำ สูญเสียสีสัน
ภายใต้การไหลซึมของกระแสเวลาที่เหมือนกับสายน้ำ การไหลของเวลาในสถานที่แห่งนี้ราวกับกำลังจะหยุดลง
จักรพรรดิแพรกับจักรพรรดิไร้จำกัดมองเหตุการณ์นี้อย่างสงบนิ่ง ทั้งคู่ลอบพยักหน้า ‘ด้วยระดับพลังฝึกปรือและอายุของเขา ระดับของคัมภีร์นภากาลเวลาสูงส่งเหนือความคาดหมายนัก’
“ทั้งสองท่านโปรดช่วยข้าอีกแรง” เสียงพูดของเยี่ยนจ้าวเกอล่องลอยเล็กน้อย ฟังดูเดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า
จักรพรรดิแพรกับจักรพรรดิไร้จำกัดล้วนไม่ยึกยักลีลา ลงมือพร้อมกัน
ภายใต้การช่วยเหลือของพวกเขา เยี่ยนจ้าวเกอโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภากาลเวลา เวลาของสถานที่แห่งนี้คล้ายกับไหลย้อน ทว่ามันไม่ใช่การไหลย้อนที่แท้จริง เพราะถึงแม้จะไหลย้อน แต่ก็ยากจะไหลย้อนไปยังเวลาเมื่อสองสามเดือนก่อนหรือหลายปีก่อน
กระนั้นเวลาที่เกิดระลอกขึ้น ได้ประสานกับควันมารเพลิงทมิฬในมิติ เริ่มกอปรกันเป็นเงาแสง พยายามแสดงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้า
ฉับพลันนั้น ในอากาศพลันมีแสงสีขาวกะพริบ
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาสั่นสะท้าน ‘ร่องรอยที่อวิ๋นเซิงเหลือไว้’
พร้อมกับที่แสงสีขาวปรากฏ ก็เริ่มมีเงาเหมือนลอยขึ้นมา ปรากฏเป็นภาพที่ขาดตอน
ใบหน้าที่คุ้นเคยโผล่ขึ้นตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอและเมิ่งหว่าน
ผมดำดุจน้ำตกรวบไว้ด้านหลังอย่างง่ายๆ คนสวมอาภรณ์สีขาว พร้อมด้วยดาบสีดำ แววตากระจ่างใส เป็นเฟิงอวิ๋นเซิงนั่นเอง!
นางนั่งขัดสมาธิกับพื้น มงกุฎจันทราบนศีรษะกำลังเปล่งแสงที่เย็นเยียบสุกสกาว ราวกับพระจันทร์กลางหาว ส่วนดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกพาดอยู่บนตักของนาง ปราณสีดำหลายสายเหยียดยื่นออกมาจากด้านใน กลายเป็นลวดลายอาคมที่คล้ายกับโซ่ พันอยู่บนตัวนาง ด้านหน้าของนางมีดวงอาทิตย์สีดำดวงหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
อีกด้านหนึ่ง ดวงไฟดวงเล็กถูกความมืดสะกดเอาไว้โดยสมบูรณ์ ไม่อาจกระดิกกระเดี้ย
บนดวงอาทิตย์สีดำสาดแสงอาทิตย์สีดำออกมา ส่องต้องดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก
เฟิงอวิ๋นเซิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ดวงตาแน่วแน่ ขณะมองดูดวงอาทิตย์สีดำตรงหน้า
ด้านในดวงอาทิตย์สีดำ มีเงาคนปรากฏ เป็นเจี่ยนซุ่นหัว ราชันพระราหูนั่นเอง
สีหน้าของนางเย็นชาเคร่งขรึมเหมือนเช่นปกติ บัดนี้กำลังสบตากับเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างเงียบๆ สายตาคุกคามทีเดียว
“ข้าไม่ใช่วิญญาณดาบกลับชาติมาเกิด ท่านเองก็ไม่ได้อยู่ในดาบ ไฉนดาบเล่มนี้จึงใกล้ชิดกับข้าขนาดนี้” น้ำเสียงของเฟิงอวิ๋นเซิงยังนับว่าเยือกเย็น ไม่รีบร้อน
เจี่ยนซุ่นหัวที่ว่ากันว่าประหยัดถ้อยคำ เมื่ออยู่ตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงกลับกล่าวอย่างเปิดเผย “เจ้าไม่ใช่วิญญาณดาบกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ว่าในคราบดาบราหูมีวิญญาณสายหนึ่งของเจ้าถูกสะกดเอาไว้ สมควรบอกว่าดาบเล่มนี้เป็นวิญญาณส่วนหนึ่งของเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่ ถึงจะไม่ใช่ร่างแยกของเจ้า แต่ก็เชื่อมจิตใจของเจ้า ใช้ได้เหมือนแขนขา”
แสงจันทร์สุกสกาวสะกดโซ่ลวดลายอาคมสีดำสนิทบนร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงเอาไว้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าการต่อต้านตราอาคมเหล่านี้ ต้องขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ของตัวเฟิงอวิ๋นเซิงเอง
นางกล่าวอย่างเงียบๆ “ราชันพระราหูหรือ? ถึงจะเคยนับถือความดีงามในอดีตของผู้อาวุโส แต่ผู้เยาว์เช่นข้ากลับไม่คิดจะกลายเป็นเปลือกให้คนอื่นใช้เป็นศพสำหรับคืนวิญญาณ
“เป็นสาวน้อยที่โดดเด่นนัก” เจี่ยนซุ่นหัวไม่เพียงไม่ขุ่นเคือง บนใบหน้าอันเย็นชาถึงขั้นปรากฏรอยยิ้มชมเชยส่วนหนึ่ง แต่แค่แวบเดียวก็หายไป
ดวงอาทิตย์สีดำเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ค่อยๆ กลืนกินร่างของเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ต่อต้าน นั่งตัวตรงอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว เพียงสงบจิตใจของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี