ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 11

อาหู่มีสีหน้างุนงง เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงในคำสั่งของคุณชาย แต่เขาก็เชื่อฟังทำตามคำสั่งของทุกอย่าง

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้มีจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์อยู่ด้วย คุณชายของเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง อีกทั้งเหตุการณ์ก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่าสถานการณ์ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอแต่อย่างใด

ศิษย์รุ่นเยาว์แห่งเขากว่างเฉิงเสียเปรียบในตอนแรกเล็กน้อย ทว่าเมื่อเยี่ยจิ่งและซือคงจิงเข้ามา สถานการณ์ถึงได้เปลี่ยนไป

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันในปราการมังกร จนสุดท้ายก็เริ่มจริงจังขึ้นมา อาวุธต่างๆ จึงถูกนำออกมาใช้ด้วย

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขากว่างเฉิงอยู่ในระดับเดียวกัน และอาจเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือกว่าด้วย จอมยุทธ์อายุน้อยระดับยุทธ์หลอมกายกล้าเข้ามาฝึกฝนในสถานที่อันตรายอย่างหุบเหวปราการมังกรเช่นนี้ ทั้งพรสวรรค์และความสามารถต้องเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันแน่นอน

สำนักที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ยอมลงทุนในตัวพวกเขาด้วยเช่นกัน เพราะอย่างน้อยแต่ละคนมีอาวุธติดตัวเป็นอาวุธสงครามคนละหนึ่งชิ้น

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ฝีมือโดดเด่นที่สุดในนั้นก็ยังมีอาวุธวิเศษติดตัวมาด้วย

ศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีไม่ถึงยี่สิบคน กลับมีอาวุธวิเศษระดับล่างถึงแปดชิ้น เมื่อนำออกมาใช้พร้อมกัน ปราณวิญญาณพลันเกิดเป็นแสงส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ

จากนั้น…

ศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตะลึงไปในทันที

นั่นเป็นเพราะศิษย์ทั้งสิบหกคนของเขากว่างเฉิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาต่างก็ถืออาวุธวิเศษกันคนละหนึ่งชิ้น อีกทั้งบางคนก็ไม่ได้มีเพียงแค่ชิ้นเดียว!

หลังจากการโจมตีอย่างดุเดือดและต่อเนื่องนี้ ก็ทำให้อาวุธวิเศษทั้งแปดชิ้นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเป็นเรือเล็กที่โคลงเคลงอยู่กลางมรสุมพายุ อาจถูกซัดจมลงไปได้ทุกเมื่อ

เหล่าศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันกระอักเลือด “ถึงแม้ว่าปราการมังกรจะเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก แต่เขากว่างเฉิงทุ่มทุนเกินไปหรือไม่ ถึงกับให้อาวุธวิเศษกับศิษย์คนละหนึ่งชิ้น!”

“หรือว่าครั้งนี้ที่พวกเขามาเพราะมีภารกิจพิเศษ แต่หากเป็นภารกิจพิเศษจริง เหตุใดถึงส่งพวกศิษย์ระดับยุทธ์หลอมกายมา”

“คงไม่ได้มาหาเรื่องพวกเราโดยเฉพาะหรอกกระมัง”

“พวกเขามีอาวุธวิเศษมากเกินไป พวกเรามีแต่จะเสียเปรียบ ไปกันเถิด ไว้ชำระแค้นครั้งหน้าก็แล้วกัน!”

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กึ่งสู้กึ่งถอย ส่วนเยี่ยจิ่ง ซือคงจิง และคนอื่นๆ ต่างก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ

เทียบกับวรยุทธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้แล้ว อาวุธวิเศษช่วยเพิ่มพลังต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ขนาดที่ว่าศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะหนีก็ยังทำได้ยาก

แม้จะถอยกลับจนถึงบริเวณเขตใจกลางหุบเหวที่พวกเขาตั้งค่ายพักแรมไว้อย่างยากลำบากได้แล้ว ทว่าสุดท้ายก็ถูกศิษย์เขากว่างเฉิงล้อมไว้อีกครั้งจนได้

ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่จับภูตแมวแสงไปคนนั้นแสยะยิ้ม พลางกล่าวว่า “เอาสิ พวกเจ้าเขากว่างเฉิงจะสู้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือ”

“ภูตแมวแสงตัวนี้เป็นอสูรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเจ้า ข้าจับได้มันก็ต้องเป็นของข้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่ง”

ศิษย์หญิงแห่งสำนักเขากว่างเฉิงที่ไล่ตามภูตแมวแสงตะโกนว่า “เจ้าแมวตัวนั้นมันสนิทกับข้า ข้าจะเอามันไปเลี้ยง!”

อีกฝ่ายมีน้ำเสียงฮึดฮัด “บนตัวมันเขียนชื่อเจ้าเอาไว้หรือ”

เด็กสาวโมโห “เจ้า…”

ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเย็นชาว่า “เพื่ออสูรตัวเดียว ถึงกับกล้ามาหาเรื่องกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เดี๋ยวนี้เขากว่างเฉิงเก่งกล้าขึ้นแล้วสินะ”

“อย่าลืมสิ ว่าใครกันแน่ที่เป็นที่หนึ่งในโลกแปดพิภพนี้! ”

ศิษย์เขากว่างเฉิงพากันขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ พอจะเทียบเคียงกัน แต่ก็ยังมีบางดินแดนที่แข็งแกร่งและอ่อนแอกว่ากันอยู่ หลายปีมานี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมาก แถมยังมีท่าทีแข็งกระด้างและเอาแต่ใจอีกด้วย

ศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนนั้นกล่าวว่า “พวกเจ้าเองก็เป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้ไม่นานใช่หรือไม่ ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเกิดความบาดหมางกัน พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ”

ไม่เพียงแต่อาวุธวิเศษของเขา อาวุธวิเศษในมือของศิษย์เขากว่างเฉิงทุกคนก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อมกัน ราวกับกำลังแจ้งเตือนอยู่

วินาทีถัดมา เงาของใครบางคนพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

ทั่วทั้งร่างของคนผู้นั้นมีแสงสีทองส่องสว่างเจิดจ้าราวกับเข็มนับพันหมื่นเล่มแผ่พุ่ง

เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสงสว่างนั้น อาวุธวิเศษของเยี่ยจิ่ง ซือคงจิง และคนอื่นๆ พลันมีปราณวิญญาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสะท้อนกลับเข้าหาผู้ที่ถืออาวุธอยู่

ชั่วพริบตาที่แสงสีทองสว่างวาบ อาวุธวิเศษทั้งสิบหกชิ้นพร้อมกับเจ้าของถูกผลักกระเด็นถอยกลับไป!

แสงสีทองที่เหมือนกับเข็มเรียวแหลมเป็นเล่มๆ นั้นส่งเสียงกระทบแสบแก้วหู ราวกับทองเนื้อแท้เมื่อสัมผัสกับอาวุธวิเศษ

บรรดาศิษย์ของเขากว่างเฉิงรู้สึกเพียงว่า เมื่อแสงที่เหมือนกับเข็มสีทองนั้นทิ่มเบาๆ เลือดลมในกายที่กำลังพลุ่งพล่านพลันหยุดลงในทันทีทันใด วรยุทธ์ที่มีอยู่ทั้งหมดเสมือนกองหิมะที่ถูกแสงแดดสาดส่องจนละลายไปในทันที และยากที่จะคงสภาพเอาไว้ได้

เมื่อแสงนั้นหายไป ชายหนุ่มในชุดสีขาวขอบเสื้อสีทองคนหนึ่งถึงปรากฏต่อหน้าทุกคน

เขายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมีพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ สะกดทุกคนเอาไว้

ชายผู้นี้ทำให้ศิษย์เขากว่างเฉิงอยากจะหนีไปให้ไกล แต่ทำไม่ได้ กลับถูกดูดให้เข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ เสมือนกับเขาเป็นหลุมดำที่มีพลังดึงดูดมหาศาล

อาวุธวิเศษระดับล่างของทุกคนกระเด็นออกจากมือ เวลานี้พวกมันตกอยู่บนพื้น ส่องแสงสว่างวาบอ่อนๆ

บรรดาศิษย์เขากว่างเฉิงอยากเรียกอาวุธวิเศษกลับมา ทว่ามันเอาแต่สั่นอยู่บนพื้น ยากที่จะขยับได้ และถูกฝ่ายตรงข้ามสะกดไว้ได้ทันที

ชายหนุ่มผู้นั้นเอามือทั้งสองไพล่หลังไว้ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า “ข้าคือเฉาหยวนหลงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ใครคือปรมาจารย์ที่นำพวกเจ้ามาจากเขากว่างในเฉิงครั้งนี้”

…………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี