ชื่อของเฉาหยวนหลงเป็นที่โด่งดังในกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นเยาว์
ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาได้เป็นถึงปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในตั้งแต่อายุยังน้อย ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขามีอนาคตกว้างไกล และความสามารถน่าทึ่งในเวลาเดียวกัน
เมื่อครึ่งปีก่อน ตอนที่เขาท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เขาได้ประมือและเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันพร้อมกันได้ถึงสามคน
ในขณะที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำให้ผู้อื่นได้รู้ว่าเหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงได้เป็นตัวแทนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน
บัดนี้จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมา และใช้วรยุทธ์สกัดกั้นสถานการณ์ทั้งหมดไว้ ทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากโข ทำให้บรรดาศิษย์เขากว่างเฉิงที่ปกติเคยพบเจอปรมาจารย์ยอดฝีมือมาบ้าง ต่างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
มีคนตอบไปว่า “พวกเราตามศิษย์พี่เยี่ยนมา…”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ในดวงตาทั้งสองข้างของเฉาหยวนหลงก็ฉายแววน่าประหวั่นพรั่นพรึง ราวกับแสงของพระอาทิตย์ทิ่มแทงดวงตาจนไม่อาจมองตรงๆ ได้
เฉาหยวนหลงเอ่ยถาม “เยี่ยนจ้าวเกอรึ?”
ผู้คนต่างพากันสะดุ้ง จนมีศิษย์เขากว่างเฉิงตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่เยี่ยนที่ชื่อเยี่ยนจ้าวเกอคนนั้นแหละ”
แววตาของเฉาหยวนหลงยิ่งเป็นประกายมากขึ้น พร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
อาวุธวิเศษระดับล่างมากมายที่ตกกระจายอยู่บนพื้นสั่นสะเทือนพร้อมกันครั้งหนึ่ง
แม้ว่าอาวุธวิเศษจะมีจิตวิญญาณ ทว่าอย่างไรเสียก็ยังเป็นสิ่งของ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด เมื่อสูญเสียการควบคุมจากเจ้าของไป หลังจากเฉาหยวนหลงโจมตีใส่อีกครั้ง พวกมันจึงสั่นสะเทือนขึ้นมา
ครั้นเฉาหยวนหลงเหยียบลงไปบนพื้น เยี่ยจิ่งและคนอื่นๆ รู้สึกได้ในทันที ว่าการเชื่อมต่อของตนกันอาวุธวิเศษที่คอยฝึกฝนและดูแลกันมาด้วยความยากลำบาก ได้ถูกตัดขาดไปดื้อๆ เสียแล้ว!
สมองของทุกคนรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายกับโดนเข็มทิ่มแทง ซึ่งเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าการเชื่อมต่อของตนกับอาวุธวิเศษถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง โดยฝีมือของเฉาหยวนหลง!
“อาวุธวิเศษระดับล่างถือเป็นของล้ำค่าสำหรับจอมยุทธ์ระดับยุทธ์หลอมกาย แต่สำหรับข้าแล้ว ต่อให้พวกเจ้าสามารถควบคุมพลังทั้งหมดของอาวุธวิเศษได้ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
เฉาหยวนหลงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “เขากว่างเฉิงของพวกเจ้ามีอาวุธวิเศษเยอะมากนักใช่หรือไม่ ในเมื่อโอ้อวดต่อหน้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้าแล้ว เช่นนั้นก็ทิ้งไว้ที่นี่เถิด”
“แม้ข้าจะไม่ได้สนใจสิ่งของพวกนี้ แต่มอบให้ศิษย์น้องทั้งหลายไว้เล่นสักสองสามปีก็ดูจะเข้าท่าดี พวกเจ้าใช้พลังของอาวุธวิเศษโจมตีศิษย์ร่วมสำนักข้า อาวุธวิเศษพวกนี้ถือว่าเป็นค่าเสียหายแล้วกัน”
เขากวักมือให้ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ามาเลือกกันเอง”
บรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันยิ้มขึ้นมา “ขอบคุณศิษย์พี่ฉาว! ”
เยี่ยจิ่งและคนอื่นโมโหจัด เฉาหยวนหลงกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะหยุดมองที่ซือคงจิง “ข้ารู้ว่าในมือเจ้ายังมีอาวุธวิเศษระดับกลางอีกหนึ่งชิ้น หากเจ้าอยากจะให้ข้าด้วย ก็เอาออกมาได้นะ”
ซือคงจิงขมวดคิ้ว พลางสบตากับเฉาหยวนหลงอย่างไม่มีทีท่าจะโอนอ่อนให้
ส่วนเยี่ยจิ่งมีสีหน้าเย็นชา นิ้วมือลูบที่แหวนวงสีแดงเข้มของตนเบาๆ
เฉาหยวนหลงเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังไว้เหมือนเดิม ทั่วทั้งกายเริ่มมีแสงสีทองกะพริบเลือนราง ราวกับเรียวเข็มสีสองนับหมื่นเล่ม
“ข้าไม่อยากรังแกศิษย์รุ่นหลังเช่นพวกเจ้าหรอก กลับไปเรียกเยี่ยนจ้าวเกอมาพบข้า ข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่”
บนใบหน้าที่ดุดันและเย็นชาของเฉาหยวนหลงปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้น “ขอแค่เขากล้ามา”
แสงสีทองดุจเรียวเข็มลอดผ่านทุกขุมขนทั่วทั้งร่างกายของเฉาหยวนหลง ทำให้ดูเหมือนว่าร่างกายเขาชุบด้วยทองไปทั้งตัว
บรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ต่างมองเฉาหยวนหลงด้วยความเคารพนับถือระคนหวาดกลัว
ศิษย์พี่ร่วมสำนักผู้นี้อดทนต่อความเจ็บปวดของเข็มที่ทิ่มแทงและไฟที่ลุกโชนทั้งร่างเป็นเวลาหลายปีเสมือนเป็นเพียงหนึ่งวัน ทำการฝึกฝนด้วยวิธีการที่แทบจะเป็นการทารุณตนเอง จนกระทั่งระดับวิชาเข็มทองสุริยันถึงระดับที่สูงมาก
‘จากกันครั้งก่อน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็น่าจะก้าวหน้าบ้างแล้วกระมัง คิดว่าอย่างน้อยก็คงต้านวิชาเข็มทองสุริยันขั้นที่เก้าของข้าได้ แต่แค่ไม่รู้ว่าจะต้านพลังวิชาเข็มทองสุริยันขั้นที่สิบ ขั้นสมบูรณ์ของข้าได้หรือไม่?’
ท่ามกลางแสงสีทองดุจพระอาทิตย์ดวงเล็กๆ นั้น มีเสียงที่เฉยเมยของฉาวหยวนเกอส่งผ่านมา “ข้าเชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็คงมีความก้าวหน้าเช่นกัน แต่ถ้าไม่มากพอ ข้าคงผิดหวังนัก”
“แต่ก่อนหน้านี้ที่ประลองกันไปสามรอบก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ วันนี้ถือว่ามาจบเรื่องก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินดังนี้ ใบหน้าของบรรดาศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“หากไม่มาก็ต้องเสียหน้าแน่ แต่ถ้าเขาฝืนมาสู้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เพียงเรื่องของการเสียหน้าแล้ว”
ศิษย์แห่งเขากว่างเฉิงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างอดไม่อยู่
เฉาหยวนหลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เรื่องเก็บซ่อนความสามารถ แล้วค่อยปล่อยออกมาในพริบตาเดียวนี้ ข้าไม่สนใจหรอก”
“พวกเจ้ากลับไปบอกเยี่ยนจ้าวเกอตามตรง ว่าวิชาเข็มทองสุริยันของข้าสมบูรณ์ทั้งสิบขั้นแล้ว และถามเขาว่ากล้ามาหรือไม่?”
ยังไม่ทันที่เฉาหยวนหลงจะกล่าวจบ ในปราการมังกรพลันมีเสียงที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวดังขึ้น
“ข้าก็มาแล้วนี่ไง”
ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งวิ่งผ่านความมืดเข้ามา ราวกับสายฟ้าที่ฝ่าผ่านรัตติกาล!
มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้น ทีแรกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันกลับกลายเป็นเสียงดังกระหึ่มจนหูแทบระเบิดเพียงแค่ชั่วพริบตา!
“เยี่ยนจ้าวเกอ ยังเป็นมังกรเขียวในชายเสื้อเหมือนเดิมอยู่อีกหรือ” เฉาหยวนหลงพูดขึ้นเสียงดัง จากนั้นถึงเริ่มใช้วิชาเข็มทองสุริยัน เขายื่นมือทั้งสองออกมาแล้วประกบเข้าหากัน คิดจะใช้ฝ่ามือนั้นบีบแสงกระบี่สีเขียวนั้นไว้
………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี