ตอนยังไม่ลืมตา สองจักรพรรดิเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน นอกจากคนหนึ่งสวมอาภรณ์สีดำ อีกคนหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวแล้วแล้ว ก็ไม่มีข้อแตกต่างใดอีก
แม้แต่การออกกระบวนท่าสังหารมารของพวกเขา ก็เหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
ทว่าหลังจากลืมตาขึ้นมาแล้ว ก็เห็นความแตกต่างของคนทั้งสองได้อย่างชัดเจน
ในสองตาของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวแฝงอารมณ์หลากหลาย ความโกรธ ความเจ็บปวด ความยินดี ความอ่อนโยน กล่าวกันไม่หวาดไม่ไหว ผู้คนถึงกับต้องอุทานด้วยความตกใจ ว่าในดวงตาของคนผู้หนึ่งไฉนจึงปรากฏความรู้สึกมากมายขนาดนี้ในเวลาเดียวกันได้
ส่วนจักรพรรดิแพรที่สวมอาภรณ์ดำกลับต่างไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาเฉื่อยชา สัมผัสความปรวนแปรงทางอารมณ์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น เขาเหมือนกับไร้ชีวิต ยามมองชีวิตอื่นๆ ก็เหมือนกับมองสิ่งของที่ไม่มีชีวิต ทั้งๆ ที่สายตาไม่ได้น่ากลัว แต่กลับทำให้คนสยิวกาย
หลังจากจักรพรรดิแพรสวมอาภรณ์ขาวลืมตาแล้ว ก็มองไปยังเมิ่งหว่านก่อน ในสายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ “หว่านเอ่อร์อย่ากลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ส่วนแววตาตอนที่เขามองเยี่ยนจ้าวเกอนั้น มีความรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง “สหายน้อยเยี่ยนฝีมือดีจริงๆ”
สายตาของจักรพรรดิแพรอาภรมณ์ดำมองธงจตุกำเนิดที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็มองเมิ่งหว่านกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างเฉื่อยชา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นใดๆ จากสายตาของอีกฝ่าย
สุดท้ายธงจตุกำเนิดที่สั่นไหวอยู่ด้านบนก็ส่งเสียงสะท้อนก้อง กลายเป็นลำแสงแล้วพุ่งออกไปไกล
สายตาของจักรพรรดิแพรสวมอาภรณ์มองดำสลับไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เมิ่งหว่าน และจักรพรรดิแพรสวมอาภรณ์ขาว ไม่ได้กล่าววาจา เพียงแต่ขยับตัวไล่ตามธงจตุกำเนิดไป
“หากมีเวลาพวกเราค่อยคุยกัน” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ขาวมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเมิ่งหว่าน ถอนใจคำหนึ่งก่อนจะติดตามอีกฝ่ายไป
สนามรบที่ตอนแรกสับสนอันตราย ตอนนี้พลันสงบลง
เยี่ยนจ้าวเกอป้องตา มองส่งเงาร่างสองสายนั้นจากไปไกล จากนั้นก็หันไปพูดกับเมิ่งหว่าน “จักรพรรดิแพรที่สวมอาภรณ์ขาวไม่ใช่ไม่คิดปลอบโยนเจ้า แต่ถ้าหากธงจตุกำเนิดตกไปอยู่ในมือของจักรพรรดิแพรสวมอาภรณ์ดำผู้นั้นจะเป็นอันตรายกับเจ้ายิ่ง เพื่อความปลอดภัยของเจ้ากับฟู่ถิง จักรพรรดิสวมอาภรณ์ขาวผู้นี้ได้แต่ต้องถือธงจตุกำเนิดแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมมีความหลังกับอาวุธที่พกติดตัวมาหลายปี ถึงอย่างไรวันเวลาที่ธงจตุกำเนิดอยู่กับเขาก็นานกว่าอายุของเจ้ากับฟู่บัวแดง”
เมิ่งหว่านได้ยินก็ยิ้มอย่างหนักใจ “ศิษย์พี่เยี่ยน ท่านทราบว่าข้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ข้าแค่อยากรู้ว่าตอนนี้บิดาของข้า…”
ชายหนุ่มเก็บเศษสายฟ้าอนัตตาที่ลอยล่องอยู่ในมิติ ทางหนึ่งอธิบาย “พูดง่ายๆ ก็คือ จิตของจักรพรรดิแพรแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง อาศัยปราณมารในนพยมโลกแยกร่างออกมา เปลี่ยนหนึ่งกลายเป็นสองแล้ว ความทรงจำในอดีตและทักษะวรยุทธ์ที่มี ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ดำหรือขาวล้วนเหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างสองฝ่ายอยู่ที่ความคิดกับนิสัย”
เขาแตะนิ้วกับริมฝีปาก “ดูจากตอนนี้แล้ว อาภรณ์ขาวเดินบนเส้นทางมีรัก อารภรณ์ดำเดินบนเส้นทางไร้รัก”
เมิ่งหว่านถามเสียงเบา “ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร”
“ต่อจากนี้ระหว่างพวกเขาต้องตัดสินแพ้ชนะ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ฝ่ายที่ชนะจึงจะมีโอกาสรุดหน้าขึ้นอีกก้าว ไม่อย่างนั้นระดับจะหยุดลงเท่านี้ ตอนนี้พวกเขาสองคนมีพลังเท่ากัน ถึงแม้ว่ายังคงอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ แต่ก็อ่อนแอกว่ากว่าตอนที่ยังไม่แยกจากกัน ทว่าก็ไม่ได้มีช่องโหว่ในจิตใจเหมือนกับก่อนหน้าอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไกล่ “แน่นอน ที่บอกว่าอ่อนแอก็คือต้องเทียบเซียนจริงแท้คนอื่นๆ กับตัวจักรพรรดิแพรก่อนหน้านี้ เมื่อสู้กับจอมยุทธ์ที่เป็นมนุษย์ ก็ไม่มีอะไรที่เอามาเปรียบกันได้ ระยะห่างระหว่างมนุษย์และเซียนก็ยังคงเป็นการขวางกั้นระหว่างมนุษย์และเซียนอยู่วันยันค่ำ”
เมิ่งหว่านกะพริบตา ฟังความนัยของเยี่ยนจ้าวเกอออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี