คนสิบกว่าคนถูกเยี่ยนจ้าวเกอขวางทาง
เหวินไต้หงเห็นดังนั้นก็ละอายใจ
ความละอายนี้เกิดจากคนที่ถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอขวางทาง ถึงอีกฝ่ายจะบอกข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอออกจากยอดเขาเมฆาสีชาดให้แก่เขาจริงๆ แต่เหวินไต้หงคิดจะท้าสู้กับลูกหลานของเยี่ยนซิงถางอยู่แล้ว
เห็นเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงที่นี่ผ่านทางที่ตนมา เหวินไต้หงก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้
คนสิบกว่าคนนั้นกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็ยังนับว่าเยือกเย็น
คนที่เป็นผู้นำทราบว่าเหวินไต้หงไม่ได้ขายพวกเขา ดังนั้นจึงแสร้งเป็นเลอะเลือนอย่างสงบนิ่ง
เขาประสานมือ “ท่านนี้…สหายร่วมเส้นทางเยี่ยน ถ้าหากว่ามีการเปรียบกระบี่ พวกเราย่อมยินดีเป็นสักขีพยาน แต่ที่ท่านบอกว่าชมดูตรงๆ อะไรนั่น กลับทำให้พวกเราไม่เข้าใจแล้ว”
“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ในตอนที่ข้าลงจากเขาเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้ คนที่จับตาดูข้าอยู่มีท่านอยู่ด้วยกระมัง”
อีกฝ่ายสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “การคาดเดาปรักปรำเช่นนี้ สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนคิดมากไปแล้ว”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง กล่าวอย่างเฉื่อยชา “ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์อย่างพวกเราจะไม่ต้อนรับผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์เช่นท่านจริงๆ ทว่าในเมื่อท่านเป็นแขกของกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุ เช่นนั้นอย่างน้อยในเรื่องมารยาทที่ปฏิบัติต่อแขก พวกเราก็ยังมีอยู่ ไม่อย่างนั้นไหนเลยจะไม่กลายเป็นตัวตลกของโลกซ้อนโลก”
“ท่านมีนามว่าอะไร” เยี่ยนจ้าวเกอถามโดยไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ
ชายวัยกลางคนพูดอย่างใจเย็น “ข้าน้อย หวังซุ่น แห่งหุบเขาธุลีวิญญาณในเขาแหนเขียว”
“หุบเขาธุลีวิญญาณ…” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าเล็กน้อย มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มวูบหนึ่ง “…ลูกศิษย์ของจักรพรรดิสัญญะเมฆหรือ”
เหล่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้บุกเบิกฟ้าท่องมกรต สร้างพื้นฐานในตอนแรกขึ้นมา นอกจากบูรพาจารย์แห่งมรกตท่องฟ้าผู้นั้นแล้ว ยังมีอีกคนเจ็ดคนที่ถูกเรียกว่าเจ็ดปราชญ์ท่องมรกต
กษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียนเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดปราชญ์ กลับเป็นตี๋ชิงเหลียนโด่งดังช้ากว่าเล็กน้อย ในตอนที่มีชื่อเสียง พื้นฐานของมรกตท่องฟ้าก็มั่นคงแล้ว จึงไม่ได้ถูกจัดอยู่ในเจ็ดปราชญ์
เจ็ดปราชญ์มีสำนักเป็นของตัวเอง ทั้งยังไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของบูรพาจารย์ทุกคน แต่ว่าต่างก็เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ดั้งเดิม
วันเดือนเคลื่อนคล้อย กาลเวลาเลื่อนไหล เจ็ดปราชญ์ท่องมรกตกลายเป็นประวัติศาสตร์มาช้านาน ต่างแตกฉานซ่านเซ็น มีคนที่เสียชีวิต
เจ็ดปราชญ์ในอดีต ปัจจุบันที่ยังอยู่ในมรกตท่องฟ้ามีอยู่แค่สองคน
นอกจากกษัตริย์ลี้ลับแล้ว ก็คือจักรพรรดิสัญญะเมฆหรือจักรพรรดิเมฆ
คนผู้นี้เป็นคนในยุคเดียวกันกับกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุหลง หากพูดถึงวัยวุฒิจริงๆ ยังเหนือกว่ากษัตริย์ลี้ลับขั้นหนึ่ง เทียบรุ่นได้กับบูรพาจารย์ผู้นั้น
คนผู้นี้มีอิทธิพลล้ำลึกอยู่ในมรกตท่องฟ้าเช่นกัน นอกจากนี้ในเรื่องการปฏิบัติต่อโลกซ้อนโลก ก็เหมือนกับอาจารย์ของกษัตริย์ลี้ลับ มองเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงเหมือนกัน
ตอนยู่บนโลกซ้อนโลก พวกหวังผู่และไป๋เทาได้บอกเล่าถึงคนผู้นี้ให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นการเฉพาะ
ถ้าบอกว่าทางมรกตท่องฟ้ามีคนไม่เห็นแก่หน้ากษัตริย์ลี้ลับ สร้างความลำบากให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก นอกจากบูรพาจารย์ผู้นั้นแล้ว คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นคนหัวโบราณผู้นี้
พวกหวังซุ่นสงบจิตใจลงได้แล้ว
“สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนคิดเลียนแบบเรื่องของบรรพบุรุษท่านในอดีตหรือ” หวังซุ่นถามอย่างแช่มช้า
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมายุ่ง สหายร่วมเส้นทางเหวินจะมาขวางทางข้าได้อย่างไร”
เขายักไหล่ “แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกคนใช้การต่อสู้ทำความรู้จักกันก็ได้”
“สหายร่วมเส้นทางเหวิน ข้าเลือกสถานที่ สถานที่คือที่นี่แล้ว ท่านคัดค้านหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางมองเหวินไต้หง
เหวินไต้หงส่ายหน้า “ย่อมเห็นด้วย”
ถึงเขาจะตรงไปตรงมา ไม่ค่อยถนัดการใช้ชีวิตในสังคม แต่ก็ไม่ใช่คนโง่งมจริงๆ ตอนนี้รู้สึกถึงความไม่ถูกต้องได้บ้างแล้ว
แต่ลูกหลานของเยี่ยนซิงถางมาถึงมรกตท่องฟ้า เหวินไต้หงอดรนทนไม่ไหว ต้องการสู้ด้วยสักครั้งจริงๆ
ลูกศิษย์ยอดเขาขาวเรืองจนปัญญา ได้แต่ชมดูอยู่ด้านข้าง แต่สายตาที่มองไปยังพวกหวังผู่กลับไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด
หวังซุ่นลอบถอนใจ แต่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี