“เพราะคิดจะเก็บเศษศิลาฟ้ากำเนิดไว้ หมายความว่าประมุขปฐวีท่านทราบถึงความสำคัญของมันเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอมองหวังเจิ้งเฉิง
หวังเจิ้งเฉิงเงียบงันเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า “สามารถทำให้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณให้ความสำคัญขนาดนี้ได้ ไม่อาจมองข้ามเด็ดขาด ถึงแม้จะยังไม่อาจยืนยันถึงประสิทธิผลที่เป็นรูปธรรมของมัน แต่ก็ยึดถือเป็นของวิเศษที่สำคัญ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเย็นชา “หากเป็นไปตามคำพูดของจักรพรรดิประกายกาฬ เช่นนั้นเขามีคุณูปการไร้สิ้นสุด แต่การกระทำของพวกท่านช่างไร้น้ำใจนัก
“ถ้าหากว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณได้เศษศิลาฟ้ากำเนิดไปจริงๆ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเซียนของสำนักเต๋าเรายังชำระล้างได้ เช่นนั้นการกระทำของจักรพรรดิประกายกาฬก็มีคุณูปการมากมายจริงๆ” หวังเจิ้งเฉิงกล่าวพลางพยักหน้า “แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่ตามมาก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
หวังเจิ้งเฉิงเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ถึงอย่างไรสภาวะก็เหนือกว่าคน เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเมื่อสูญเสียเศษศิลาฟ้ากำเนิด ก็เพียงทำให้เขาไม่อาจนำพวกเราไปมากกว่าเดิมได้ ได้ชะลอก้าวย่างของเขาลง เต๋าสายหลักของพวกเราถ้าจะพัฒนาให้เร็วที่สุด ยังคงจำเป็นต้องใช้เวลา บางทีอาจเป็นเรื่องที่ไม่คำนึงถึงน้ำใจผู้คน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางหนึ่งเป็นคนไม่กี่คน ทางหนึ่งเป็นโลกซ้อนโลกทั้งใบ ข้าไม่มีตัวเลือก”
เขาเอ่ยต่อ “เพื่อช่วงชิงเวลา เพื่อสะกดความวุ่นวายในตอนท้าย มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างที่พวกเราได้แต่ต้องจ่าย”
เยี่ยนจ้าวเกอยกกระบี่เปิดกำเนิดในมือขึ้น กล่าวอย่างเฉื่อยชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอให้ประมุขปฐวีท่านจ่ายข้อแลกเปลี่ยนนี้แล้วกัน”
“ถ้าจำเป็นต้องให้ข้าทิ้งกายสังขารนี้ ข้ากลับยินดียิ่ง น่าเสียดายที่สิ่งที่โถงเซียนต้องการไม่ใช่คนชราอย่างข้า” หวังเจิ้งเฉิงสีหน้าสงบนิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอชี้จมูกของตัวเอง “ท่านแม่ข้าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิเจิดจรัส และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนนางจะถูกมองเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิประกายกาฬด้วย”
“มีสุขย่อมมีทุกข์ มีทุกข์ย่อมมีสุข” หวังเจิ้งเฉิงกล่าวขึ้นหลังจากเงียบงันไปเล็กน้อย “บางครั้งวาสนาก็เป็นคราเคราะห์ เซียนผู้ถูกเนรเทศเจ้าตอนแรกไม่สมควรละโมบมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬจริงๆ”
“ข้าจะทำอะไร ต่อจากนี้ประมุขปฐวีไม่ต้องกังวลสนใจแล้ว เป็นห่วงตัวเองเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเย็นชา “โถงเซียนไม่ต้องการคนชราเช่นท่าน…ข้าต้องการ!”
ประกายกระบี่ยิ่งใหญ่พุ่งลงจากฟ้า ทะลวงดินวิญญาณโบ่วกี้หลายชั้น ฟันลงไปหาหวังเจิ้งเฉิง
หวังเจิ้งเฉิงไม่งอมือรอความตาย ม้วนรูปภูผาธาราโบ่วกี้ ยังคงต้องการหนีไปยังเขาคุนหลุน ขอแค่กลับผากิเลนได้ ที่นั่นจะมีผนึกที่กษัตริย์ดินเทิ้งไว้ เขาจะปลอดภัยในทันที
แต่ว่าวินาทีนี้ ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนจากรุนแรงเป็นปราดเปรียว เคลื่อนไหวในดินโคลน
จากนั้นในประกายกระบี่ก็มีปราณสีขาวหลายสายปรากฏขึ้น!
กลิ่นอายอันน่ากลัวของการทำลายทุกสรรพวัตถุ!
“กระบี่สังหารเซียน! เจ้าใช้วิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ได้จริงๆ!” หวังเจิ้งเฉิงแตกตื่น เห็นดินวิญญาณหลายชั้นเริ่มแหลกสลายเพราะการเข่นฆ่าของปราณขาว
เยี่ยนจ้าวเกอตวาดขึ้น ประกายกระบี่หลุดออกจากมือ วนเวียนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่ง จากนั้นก็แยกหวังเจิ้งเฉิงออกจากรูปภูผาธาราโบ่วกี้!
สุดท้ายเขากระทืบเท้ารอบหนึ่ง ฟาดรอยตราพลิกนภาลงไป
หวังเจิ้งเฉิงยันสองมือขึ้นป้องกัน แต่เขาที่ไม่มีรูปภูผาธาราโบ่วกี้จะต้านทานรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร จึงถูกฝ่ามือกระแทกกระเด็นออกไปทันที
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจรูปภูผาธาราโบ่วกี้ที่กำลังพันตูกับกระบี่เปิดกำเนิด เท้าไม่หยุดลง บรรลุถึงด้านหน้าหวังเจิ้งเฉิงอีกครา
“ตอนหนุ่มไม่พากเพียร ชรามาคับแค้นใจ” หวังเจิ้งเฉิงสองแขนขาดสะบั้น มุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมา กระแอมไอติดต่อกัน “เพียงแต่เสียดายความสามารถของเซียนผู้ถูกเนรเทศเจ้า ต้องเสียเปล่าเพราะ…อั่ก!”
เขายังพูดไม่ทันจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อยหมัดหนึ่งออก โดนทรวงอกของเขาอย่างจัง!
พลังทำลายล้างอันน่ากลัวของหมัดบดขยี้แสงสว่างทำลายเลือดเนื้อของหวังเจิ้งเฉิง
หมัดของเยี่ยนจ้าวเกอเจาะทะลุทรวงอกของหวังเจิ้งเฉิงเหมือนกับคมหอกใหญ่ที่คมกริบ!
ทั้งหมดอาศัยความยิ่งใหญ่ หนักแน่น และการป้องกันอันรัดกุมในวรยุทธ์ของผากิเลน แม้หวังเจิ้งเฉิงจะถูกเจาะหน้าอก ทว่าเขาก็ยังคงไม่ตาย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ด้วยพลังฝึกปรือและความทนทานของเลือดเนื้อ ตอนนี้เขาไม่อาจกระดิกกระเดี้ย เลือดไหลออกจากปากและจมูกอย่างต่อเนื่อง ลมหายใจเข้าน้อยลง ลมหายใจออกมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี