“ทราบไม่มากนัก” เสวี่ยชูฉิงตอบ “มีข้อมูลจำกัด ต่างเป็นท่านอาจารย์บอกข้าตอนยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่นางรู้สมควรมาจากอาจารย์ย่า ต่อจากจากบูรพาจารย์อีกที คนที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นจากโลกไปเก็บหมดสิ้นแล้ว ข้าเพียงทราบว่าอาจเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นผลลัพธ์ของการต่อสู้กันระหว่างศาสนาพุทธกับสำนักเต๋าของเราก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หากต้องพูดถึงต้นสายปลายเหตุ เกรงว่าจะมีแต่จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินถึงจะพอทราบ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พยักหน้าเงียบๆ
ในหัวสมองของเขาปรากฎฝ่ามือขนาดมหึมาที่พุ่งใส่วังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อีกครั้ง
“ท่านแม่ ท่านมีผังเหอถูครึ่งหนึ่ง สามารถเข้าไปตามหาคนในนพยมโลกได้หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตัวจึงถามต่อ
“ค่อนข้างลำบาก ถึงอย่างไรนพยมโลกก็ไม่เหมือนกับโลกมนุษย์ที่พวกเราอาศัยอยู่” เสวี่ยชูฉิงว่า “แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากว่าคนไม่ได้ร่วงหล่นเป็นมาร ระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ เช่นนั้นก็สามารถหาเบาะแสส่วนหนึ่งได้”
เยี่ยนจ้าวเกอเล่าเรื่องเฟิงอวิ๋นเซิง เสวี่ยชูฉิงพลันรู้สึกประหลาดใจ “ราชันพระราหูอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนจริงๆ”
จากนั้นสายตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอก็ซับซ้อนกว่าเดิม ไม่เจอกันหลายปี พอได้มารวมตัวกันครั้งนี้ บุตรชายใกล้จะมีแม้แต่สะใภ้แล้ว…
แต่นางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว แสดงท่าทีจริงจังอีกครั้ง
“ราชันพระราหูไปอยู่ที่ใด ยากจะตามหาร่องรอย” เสวี่ยชูฉิงตาซ้ายเป็นประกายเล็กน้อย ผ่านไปสักพัก ค่อยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ก่อนที่จะมีเบาะแสที่แท้จริงช่วยเหลือ ข้าไม่มีความสามารถ ที่นั่นอย่างไรก็เป็นนพยมโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ทราบว่าเกินความสามารถคนอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมละทิ้งความเป็นไปได้ต่างๆ
เสวี่ยชูฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย
นางไม่รู้จักเฟิงอวิ๋นเซิงดีนัก แต่ทราบข่าวลือเกี่ยวกับราชันพระราหูเจี่ยนซุ่นหัวไม่น้อย เมื่อต้องวัดกำลังกับคนเช่นนั้น นางยากจะเอาใจช่วยเฟิงอวิ๋นเซิง
“กษัตริย์เร้นลับไม่ทราบจะออกฌานตอนไหน กษัตริย์ดินและอาจารย์ลุงเยว่ไม่ทราบว่าผู้ใดจะกลับโลกซ้อนโลกก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอหันมากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องราวที่อยู่ไกลคิดไปก็เปล่าประโยชน์ พวกเราจัดการเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า ข้าจะไปตรวจสอบตึกความลับฟ้า จากนั้นก็ไปยังเขตราตรีอุดร ทดลองตามหากษัตริย์ดาราดู ท่านพ่อร่วมทางกับท่านแม่ วางค่ายกลเส้นรุ้งจัตุรัสให้เรียบร้อย ค่ายกลที่ใหญ่ถึงเพียงนั้น ต่อให้จะวางได้อย่างเป็นอิสระ แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อย พอดีพวกท่านอุตส่าห์ได้เจอกัน สามารถใช้เวลาร่วมกันได้แล้ว”
เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงไม่ได้ตอบคำพูดหยอกล้อของเยี่ยนจ้าวเกอ
ตอนนี้พวกเขาได้เจอกันแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่ทราบไปอยู่ที่ใด
ถ้าปลอบประโลมในตอนนี้ แม้จะทำให้ความรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่กลับเพิ่มความเป็นห่วงมากกว่าเดิม
“สถานการณ์ไม่ค่อยสงบนัก พวกเราจัดการเรื่องส่วนรวมเสียก่อน เรื่องราวหลังจากนั้นค่อยๆ คุยกันได้ เจ้าขึ้นเหนือไปตัวคนเดียว ต้องระวังไว้ให้มาก” เสวี่ยชูฉิงกล่าวเสียงอ่อนโยน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางพยักหน้า “ข้าจะระวังตัว”
เยี่ยนตี๋ยามนี้เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มราบเรียบ “นักพรตเทียนอี้ถูกฆ่า พวกเราถือโอกาสยึดเขตสุราลัยบูรพาไปด้วย แบบนี้จึงสอดคล้องกับชื่อบรรพตบูราสำนักเต๋าของเขากว่างเฉิงพอดี”
เขาเดิมทีมีนิสัยรุนแรงแข็งกร้าว ตอนนี้พอเจอเสวี่ยชูฉิง ความกังวลหายไปหมดสิ้น จึงยิ่งดุดันกว่าเดิม
“เช่นนี้ประเสริฐยิ่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือถอนใจชมเชย
แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับ แต่ว่าตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋เต็มไปด้วยความคึกคัก กลับฮึกเหิมกว่าเดิม
“ติดต่อกับกษัตริย์ดาราได้ก็ดี ติดต่อกับราชันพระอังคารได้ก็ดี สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั้งสิ้น” เยี่ยนตี๋เอ่ย “การเพิ่มระดับของพวกเราเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องสำคัญเสมอมา จ้าวเกอเจ้าทำได้ดีในด้านนี้ ข้าไม่ต้องพูดมาก ข้าเพียงขอกล่าวสักประโยคเหมือนกับมารดาของเจ้า ต่อจากนี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดี ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อน”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หลักการนี้ข้าย่อมเข้าใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี