มุมปากเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อย “…ท่านอาจารย์ฟู่ออกจากฌานแล้วหรือขอรับ”
ฟางจุ่นผงกศีรษะ “เพิ่งออกฌานเมื่อไม่กี่วันนี้เอง”
“นางอยู่ที่ทะเลสาบศาลาเมฆของเกาะนภาเหนือ ซึ่งอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องผ่านที่นั่นพอดี จากนั้นนางจะเป็นผู้พาพวกเจ้ามุ่งหน้าไปที่ภูผาพิภพเอง”
เยี่ยนจ้าวเกออ้าปากหวอ “…ทางผ่านจริงๆ ด้วย”
พูดกันตามตรง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกจากใจจริงว่า ให้ฟางจุ่นเป็นผู้นำคณะไปยังจะดีเสียกว่า
‘ราชินีขี่เมฆา’ ฟู่เอินซู ศิษย์น้องฟู่ที่ฟางจุ่นเอ่ยถึงก็เป็นหนึ่งในจอมยุทธ์หญิงระดับปรมาจารย์ ยอดฝีมือของเขากว่างเฉิงคนหนึ่ง นางเป็นศิษย์สืบทอดหลักของหยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันแห่งเขากว่างเฉิง เช่นเดียวกันกับสือเถี่ย ฟางจุ่น และเยี่ยนตี๋
ในบรรดายอดฝีมือหญิงในโลกแปดพิภพของปัจจุบัน นางถือได้ว่าเป็นบุคคลระดับต้นๆ
…นอกจากนี้ ในอดีตยังได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเขากว่างเฉิงอีกด้วย
บัดนี้หากเทียบเวลากับระดับวรยุทธ์ นางก็ยังคงงดงามดังเดิม เพียงแต่เพราะระดับวรยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นของนาง ทำให้คนที่เคยชอบนินทาเรื่องคนอื่นไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อีก ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่อยากรู้จักมักคุ้นกับอาจารย์ท่านนี้เลยสักนิด
เพราะในอดีตอาจารย์ฟู่ท่านนี้มีใจให้กับศิษย์น้องเล็กของนางเอง เอ่อ…ซึ่งก็คือเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ
น่าเสียดายที่นั่นเป็นรักข้างเดียว
ดอกไม้ร่วงโรยมีความนัย สายน้ำไหลผ่านไปไร้ใจสนอง
ฟู่เอินซูมีอุปนิสัยแข็งกร้าว ทั้งยังจิตใจคับแคบอยู่บ้าง จนท้ายที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความเกลียดชังเพราะความรักอยู่บ้าง ฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายในขณะนี้จึงน่าอึดอัดใจอย่างมาก แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นบุตร หากเลี่ยงได้เขาก็อยากจะเลี่ยงอาจารย์ฟู่ท่านนี้
“ออกฌานแล้วสินะ…” เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผากตนเอง แล้วหันศีรษะกลับไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกอยู่บ้าง ชื่อเสียงเรียงนามของราชินีขี่เมฆผู้นี้ นางย่อมต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว ทว่ารายละเอียดอื่นๆ ไม่รู้เลยสักนิด
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือคารวะฟางจุ่น “หากกล่าวเช่นนี้แล้ว ศิษย์น้องเฟิงก็ต้องฝากตัวเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ฟู่ใช่หรือไม่ขอรับ”
ฟางจุ่นพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น”
ศิษย์สืบทอดหลักแห่งเขากว่างเฉิงเฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ ลู่เวิ่น หรือสวีเฟย ในตอนที่เลื่อนขั้นจากศิษย์อัจฉริยะ ล้วนต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งโดยเฉพาะ
ส่วนของเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นศิษย์ของเยี่ยนตี๋ บิดาของตนเอง ลู่เวิ่นก็เป็นศิษย์สายตรงของฟางจุ่น ส่วนสวีเฟยที่อายุมากกว่าก็เป็นศิษย์สายตรงของสือเถี่ย
ถึงแม้ว่าการที่อาจารย์ชายรับศิษย์หญิง หรืออาจารย์หญิงรับศิษย์ชายใช่ว่าจะไม่มีเลย ถึงกระนั้นโดยปกติแล้ว ในตอนที่ศิษย์อัจฉริยะหญิงเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สืบทอดหลัก ก็มักจะฝากตัวเข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หญิงเสมอ
เฟิงอวิ๋นเซิงในฐานะสตรีแห่งจันทรา นอกจากต้องบ่มเพาะพลังแห่งจันทราแล้ว การบำเพ็ญเพียรวรยุทธ์วิชาของตนก็ต้องไม่ล่าช้าด้วยเช่นกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฟู่เอินซูเข้าฌานมาโดยตลอด มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางจะออกฌานเมื่อใด เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้รวมนางเข้าไปในแผนการด้วย
ใครจะไปรู้เล่าว่าที่ฟู่เอินซูออกจากฌานในเวลานี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่
ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือหญิงรุ่นกลางของเขากว่างเฉิง เฟิงอวิ๋นเซิงขอเป็นศิษย์ของฟู่เอินซู ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมอยู่แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอเคี้ยวฟัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองที่มีภาระฟื้นฟูจันทรากายของเฟิงอวิ๋นเซิง ก็ต้องมีการติดต่อกับฟู่เอินซูไปโดยปริยาย
การเดินทางสู่ภูผาพิภพครานี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
ฟางจุ่นกล่าวว่า “ส่วนเรื่องจันทรากาย คนที่เตรียมวิจัยด้านนี้ของสำนักเรามาโดยตลอดก็คือศิษย์น้องฟู่ จ้าวเกอมีความคิดอะไรก็คุยกับนางได้”
ถึงแม้ว่าก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะพาเฟิงอวิ๋นเซิงกลับมา เขากว่างเฉิงจะไม่มีสตรีแห่งจันทราเข้าสำนักเลยก็ตาม ทว่าการเตรียมการที่เกี่ยวข้องก็ยังคงดำเนินอยู่มาโดยตลอด รอคอยเพียงแค่คนที่เหมาะสมเข้ามาเท่านั้น
ดังนั้นเขากว่างเฉิงจึงเตรียมพร้อมบ่มเพาะหญิงสาวแห่งจันทราอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญก็คือรอเยี่ยนจ้าวเกอช่วยเฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูเท่านั้น
พอเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำกล่าวของฟางจุ่นแล้ว ดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี