เหมือนกับตอนที่อยู่บนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ เขากว่างเฉิงในตอนนี้มีลักษณะคล้ายเขาคล้ายเกาะบนทะเล
ทอดตามองไป แสงอัสดงแถบหนึ่งปกคลุม ควันสีขาวหลายสายเหมือนเมฆและควันลอยตัวขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอข้ามมหาสมุทร มาถึงหน้าตีนเขา เงยหน้ามองเป็นอับดับแรก กลางท้องฟ้ามีลำแสงหลายสายบัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหาย ครอบคลุมท้องฟ้าเหนือเขากว่างเฉิง และยืดขยายออกไปยังขอบฟ้ารอบๆ
นั่นเป็นค่ายกลคุ้มครองสำนักของเขากว่างเฉิง ตอนนี้ไม่ได้กระตุ้นพลังทั้งหมด ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่เห็นความผิดปรกติ
แต่ในตอนที่มีศัตรูมาบุก ค่ายกลจะทำงาน ทำให้ศัตรูกระแทกใส่ศีรษะแตกเลือดอาบ
ถ้าหากมีคนคิดจะฉวยช่องว่างในตอนที่ค่ายกลไม่ได้ทำงานด้วยพลังทั้งหมด ลอบเข้ามา ค่ายกลเฝ้าสำนักจะถูกกระตุ้น และมอบบทเรียนให้แก่เขา
แน่นอนว่าถ้าศัตรูมีพลังกล้าแข็งเกินไปก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่ถ้าเป็นคนที่สามารถมองข้ามค่ายกลเฝ้าสำนักของเขากว่างเฉิงได้ เช่นนั้นย่อมไม่ใช่ศัตรูทั่วไป
เพียงแต่บนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน คนที่เหี้ยมหาญเช่นนี้มีอยู่แต่ไม่กี่คน
เยี่ยนตี๋เฝ้าสำนักด้วยตัวเอง ถึงเวลาย่อมลงมือตอบโต้
‘อืม มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย’ เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองครู่หนึ่ง คล้ายครุ่นคิดอันใด ‘สมควรเป็นฝีมือของท่านแม่’
ตอนเขากว่างเฉิงเพิ่งก่อตั้งบนโลกซ้อนโลก สร้างสำนักใหม่บนทะเลหวงเจีย ค่ายกลเฝ้าสำนักได้ผ่านการเปลี่ยนเปลี่ยนครั้งหนึ่งโดยเยี่ยนจ้าวเกอ ภายใต้เงื่อนไขของสภาพแวดล้อมในตอนนั้น โดยพื้นฐานสามารถพูดได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ
แม้ยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนคิดจะเพิ่มระดับต่อจากเดิม จะติดที่เงื่อนไขในท้องที่ ยากจะทำได้ดีกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ
ครั้งนี้มาถึงเขตสุราลัยบูรพา ได้สร้างถ้ำวิมานนิวาสถานขึ้นใหม่อีกครั้ง ค่ายกลที่เยี่ยนจ้าวเกอปรับไว้ในตอนนั้นย่อมถูกย้ายมาด้วย
ด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ทันไรก็ดูออกว่าค่ายกลเพิ่มระดับขึ้นอีกครั้งบนพื้นฐานของเงื่อนไขตามสภาพในท้องที่ นี่เกี่ยวข้องกับการที่เงื่อนไขทางด้านสถานที่ในตอนนี้ดีกว่าทวีหลิงเสียนในทะเลหวงเจีย
ถ้าจะปรับปรุงต่อจากพื้นฐานที่เยี่ยนจ้าวเกอได้ปรับไว้ให้ดีขึ้นได้อีกขั้น จำเป็นต้องมีระดับค่ายกลที่สูงสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์บนโลกซ้อนโลกในตอนนี้ นับรวมกับเหล่าประมุข นอกจากประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวที่ลึกล้ำยากหยั่งคาดแล้ว คนที่สามารถมีระดับค่ายกลใกล้เคียงกับตนเองได้ เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงเพียงแค่เสวี่ยชูฉิง มารดาของตนเองเท่านั้น
เพียงดูระดับที่เหนือกว่าคนทั่วไปของเสี่ยวอ้ายในด้านนี้ก็ทราบถึงเรื่องนี้แล้ว
ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเสวี่ยชูฉิงถูกเยี่ยนจ้าวเกอแซงหน้าแล้ว แต่นางเป็นคนไม่กี่คนที่สามารถมีระดับค่ายกลเทียบเท่ากับเยี่ยนจ้าวเกอได้หากอยู่ในระดับเดียวกัน
ในการย้ายเขากว่างเฉิงและสร้างค่ายกลเฝ้าสำนัก ย่อมมีความพยายามส่วนหนึ่งของเสวี่ยชูฉิงอยู่ด้วย
“คุณชายท่านกลับมาแล้ว” อาหู่ที่ได้รับข่าวแต่แรกว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับมา ยามนี้ออกมาต้อนรับ
เยี่ยนจ้าวเกอพอเจอก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอเสี่ยวอ้ายที่ตึกความลับฟ้า แอบหนีมาที่นี่กระมัง”
อาหู่หัวเราะสัตย์ซื่อ “ในที่สุดฮูหยินก็กลับมา เสี่ยวอ้ายยากจะไม่ขยันกลับสำนัก ฮูหยินเคยว่านางแล้ว แต่ประมุขตระกูลบอกว่าถ้าไม่ทำให้เรื่องตึกความลับฟ้าเสียหาย นางคิดจะกลับมาหาฮูหยินบ่อยๆ ย่อมไม่มีปัญหา”
“ยาโถวผู้นี้…” เยี่ยนจ้าวเกอฝืนยิ้มพร้อมส่ายหน้า
รอพบบิดามารดา ก็เห็นเสี่ยวอ้ายทำท่าลับๆ ล่อๆ คิดจะหนีไป
“เสี่ยวอ้าย” เยี่ยนจ้าวเกอเรียกด้วยเสียงเนิบนาบ
“…เจ้าค่ะ!” เสี่ยวอ้ายหยุดนิ่งทันที หมุนตัวมาอย่างกระตือรือร้น ยิ้มจนไม่เห็นดวงตา “คุณชาย ไม่เจอกันมานาน ท่านดูดีกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งแน่นอน!”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเสวี่ยชูฉิงมองนางด้วยสีหน้าขบขันและขุ่นเคือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี