ข่าวร้ายย่อมเป็นกษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นสามารถสำเร็จระดับห้าปราญ มุ่งสู่ต้นกำเนิด เลื่อนสู่ระดับจ้าวสวรรค์ได้ทุกเวลา
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ยังเป็นแค่การคาดการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขาถูกเรียกว่ากษัตริย์มาหลายปี เช่นนั้นปัจจุบันก็ได้รับการยืนยันมาจากเลศนัยในคำพูดของกษัตริย์เร้นลับ และการอนุมานด้วยตัวเองของกษัตริย์ดารา แม้จะไม่ได้บอกว่าแน่นอน แต่ความเป็นไปมีเก้าส่วน เกือบเต็มสิบส่วน
ด้วยบารมีของกษัตริย์ดิน ถ้าหากว่าเขาก้าวเท้าก้าวนี้สำเร็จ ตอนนั้นต่อให้กษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์ดาราร่วมมือกันก็ต้านทานแรงกดดันที่เขานำมาไม่ได้
ส่วนข่าวดีก็คือ ตอนนี้กษัตริย์ดินยังคงไม่อาจกลับโลกซ้อนโลก
ในเมื่อคำพูดที่เยว่เจิ้นเป่ยตอบกลับไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจน เช่นนั้นก็หมายความว่าช่วงเวลานี้จะต้องยาวนาน นี่มอบโอกาสให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงแล้ว
ในตอนที่เพิ่งสังหารหวังเจิ้งเฉิงไป การคาดการณ์ต่อสถานการณ์ในอนาคตของเยี่ยนจ้าวเกอยังร้ายแรงกว่าตอนนี้มาก สถานการณ์ในปัจจุบันนับว่าน่ายินดีแล้ว
“พูดถึงปัญหาที่ทำให้อาจารย์ลุงเยว่กับกษัตริย์ดินต้องรั้งอยู่ในมิติต่างแดน ข้ากลับมีการคาดเดาอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งลูบคาง ทางหนึ่งกล่าว “ข้าคิดว่าบางทีเรื่องราวน่าจะเกี่ยวพันกับราชันพระอังคารที่ข้าเตรียมจะไปเสาะหา”
หลังจากสั่งให้เสี่ยวอ้ายและอาหู่ออกไป ในห้องก็เหลือแต่พ่อแม่ลูกสามคน จึงพูดถึงโถงเซียนได้โดยไม่จำเป็นต้องกริ่งเกรง
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอมีเมฆแปลงกำเนิดปกคลุม ปัจจุบันยังสำเร็จเป็นจอมยุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข ส่วนเสวี่ยชูฉิงมีผังเหอถูครึ่งหนึ่งคอยคุ้มครอง จึงไม่เป็นไรเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจว่ามารดาและบิดาจะเชื่อว่าเขาไม่เป็นไรหรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็ได้ไปโถงเซียนมาแล้ว ต่อให้มีปัญหาจริงๆ วันนี้เท่ากับหมัดมากไม่คัน หนี้มากไม่กังวล
“ราชันพระอังคาร…” เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงครุ่นคิด
พวกเขาสองตาเป็นประกาย ร้องเป็นเสียงเดียวกัน “เจ้าหมายถึงทวนพระอังคาร?”
เป็นไปอย่างที่กษัตริย์ดารากล่าว คนที่ตามหาราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงมีอยู่จำนวนไม่น้อย และในจำนวนนี้ ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางเป็นหนึ่งในคนที่ยึดติดและให้ความสนใจที่สุด หลายปีมานี้ตามหาอยู่ตลอดไม่เคยหยุดยั้ง
ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังตามหาเขาเช่นกัน
คนที่อยู่ฝ่ายจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เช่นราชันพระอาทิตย์เกาหานกำลังตามหา เมื่อโลกซ้อนโลกมีการจับตาดู โถงเซียนย่อมไม่มีข้อยกเว้น ความจริงพวกเขาจึงมีความคิดออกตามหาอาวุธเซียนไร้ช่องโหว่ชิ้นหนึ่งที่สั่วหมิงจางเคยหลอมสร้าง ซึ่งก็คือทวนพระอังคาร
อาวุธชิ้นนี้แตกต่างกับอาวุธทั่วไป มีสถานการณ์พิเศษ แม้ว่าจะเทียบกับอาวุธเซียนชิ้นอื่นๆ ก็ยังถือว่าพิเศษยิ่ง เป็นเพราะว่ามันมีความคิดและความทรงจำเป็นของตัวเอง แทบจะเทียบเท่ากับสิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นตัวเองอย่างหนึ่ง
เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงสองสามีภรรยาตอนนี้ต่างคิดถึงเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอได้ดำเนินการก่อนหน้านี้
นั่นเป็นเรื่องในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัด และเมิ่งหวานเข้าไปในนพยมโลกเป็นครั้งแรกเพื่อตามหาเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยกัน
ในครั้งนั้นจักรพรรดิแพรถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างสาหัสกว่าเดิมเพราะเยี่ยนจ้าวเกอและเฉินเฉียนหัว แบ่งจากหนึ่งเป็นสอง กลายเป็นคนสวมอาภรณ์ขาวและอาภรณ์ดำ
แต่ก่อนหน้านั้นจักรพรรดิแพรได้ติดต่อให้ทวนพระอังคารมายังนพยมโลก อาศัยข้ออ้างต้องการตัดสินสูงต่ำ ความจริงกลับลอบแจ้งต่อคนของโถงเซียน
สุดท้ายสองกษัตริย์แห่งโถงเซียนได้มาถึง คิดจับและสยบทวนพระอังคาร
ผลลัพธ์คือทวนพระอังคารอาศัยสภาพความปั่นป่วนในบริเวณและการก่อกวนของเหล่าจอมมาร หนีออกจากนพยมโลก
ภายหลังทวนพระอังคารไม่ทราบไปอยู่ที่ใด เยี่ยนจ้าวเกอไม่แน่ใจว่ามันได้ตกไปอยู่ในมือของโถงเซียนแล้วหรือไม่
แต่เมื่อมีเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าจะดึงดูดความสนใจของราชันพระอังคารได้ ราชันพระอังคารใช่ว่าจะเห็นด้วยเรื่องที่ทวนพระอังคารเข่นฆ่าเผ่ามังกร แต่ว่าก็ไม่ได้หยุดยั้ง
หลังจากเว้นเล็กน้อย นางก็ยังกล่าวเสริมว่า “แต่ว่าตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ การสืบทอดวรยุทธ์ของเขากว่างเฉิงที่เขาฝึกฝนในตอนนั้นด้อยกว่าการสืบทอดของข้า ตอนนั้นเจตจำนงดาบของเขายังไม่สำเร็จ”
เยี่ยนตี๋มีสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ที่เสวี่ยชูฉิงกล่าวเป็นความจริง การสืบทอดของเขากว่างเฉิงในเวลานั้นสู้การสืบทอดระดับสุดยอดที่มีอยู่น้อยนิดบนโลกซ้อนโลกซึ่งเสวี่ยชูฉิงครอบครองอยู่ไม่ได้จริงๆ
ที่บอกว่าด้อยกว่าเล็กน้อย เป็นเสวี่ยชูฉิงกล่าวไว้หน้าแล้ว
ตอนนั้น ความน่าอัศจรรย์ในดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ยังไม่อาจแสดงออกมาได้หมด เป็นเพียงมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่เมื่อระดับพลังฝึกปรือของตัวเขายิ่งมายิ่งสูง ความคมกล้าก็ยิ่งมายิ่งเด่นชัด
“หากกล่าวในตอนนี้ เมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน เขาย่อมแกร่งกว่าข้าเหนือคณานับ” เสวี่ยชูฉิงถอนใจอย่างเกินความจริง “ยิ่งอย่าว่าแต่เขาได้เป็นประมุขแล้ว ข้าเพิ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นอยู่เลย”
“หลายปีมานี้เจ้าร่อนเร่พเนจร สภาพการฝึกปรือเกรงว่าจะแย่ยิ่งกว่าการอยู่โลกเบื้องล่างสักใบเสียอีก เปลืองเวลาไปอย่างอ้อมๆ ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่หยุดอยู่แค่นี้แน่” เยี่ยนตี๋จับมือนางเบาๆ “ต่อจากนี้ไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว”
เสวี่ยชูฉิงหันหน้าไป สองสามีภรรยาสบตากันด้วยรอยยิ้ม
“แฮ่ม! แฮ่ม! แฮ่มๆ! แค่กๆๆ!”
เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงหันหน้ามา เห็นเยี่ยนจ้าวเกอมองพวกเขาอย่างโมโห
“พวกท่านทำเกินไปแล้ว!” เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้ารวดร้าว “วันนี้พวกท่านสามีภรรยาได้พบหน้ากันแล้ว สมควรเอาใจใส่คนอื่นๆ ที่ยังตามหาภรรยาไม่เจอไม่ใช่หรือ!”
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี