เฝยอี๋ตนนั้นถูกเยี่ยนจ้าวเกอบีบคอ ปีกสี่ข้างกับขาสี่ข้างของมันรวมเข้าด้วยกันแล้วพุ่งออก หมายจะขัดขืนดิ้นรน
มันรู้ว่าตนเองมีระดับพลังฝึกปรือใกล้เคียงกับอีกฝ่าย ถึงแม้จะเป็นเพราะคุนเผิงมีพรสวรรค์ด้านความเร็วปานลมกรดจนถูกจับได้ในทันที แต่สมควรสามารถดิ้นหลุดได้
แต่ว่าพลังของเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าปกติ ทำให้เฝยอี๋ดิ้นไม่หลุด หลังจากเพิ่มแรงบีบที่มือ เฝยอี๋ตัวนั้นก็เริ่มตาเหลือก
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายร่างวูบหนึ่ง หายไปจากกลางอากาศพร้อมกับจับอีกฝ่ายไว้ พุ่งลงมาถึงล่างผืนดิน
บนแผ่นดินที่ร้อนเร่า เยี่ยนจ้าวเกอเจอโพรงโพรงหนึ่ง เมื่อเข้าไปด้านในก็ค่อยคลายมือเล็กน้อย เฝยอี๋ตนนั้นถึงได้หายใจออก มันคิดดิ้นรนและร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
ในโลกเปลวเพลิงแห่งนี้ เผ่าพันธุ์เฝยอี๋หกขาของเขามีผู้เข้มแข้งกว่าอาศัยอยู่ แต่ไม่ทันไรเขาก็ค้นพบอย่างหวาดกลัวว่าภูเขาลูกนี้ถูกพลังของเยี่ยนจ้าวเกอห่อหุ้มไว้
เฝยอี๋ตนนี้ต่อให้ร้องเรียกไปฟ้าดินก็ไม่ตอบสนอง
“จงร่วมมือกับข้า ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากนัก” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างสงบนิ่ง “ตอบคำถามของข้า”
ลูกตาของเฝยอี๋ล่อกแล่กไม่หยุด ตอบว่า “จากไปแล้ว เพิ่งไปได้ไม่นาน…ประมาณสิบวัน”
“เหอะ ดูท่าทางคนของที่นี่จะไม่อ่อนแอ” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ จากนั้นก็ช้อนตามองเฝยอี๋ตนนั้นแล้วหัวเราะขึ้น “ไม่อย่างนั้นท่านไม่จำเป็นต้องหลอกลวงข้าแล้ว คิดว่าพวกเขาจะมาขัดขวางข้าหรือ”
“ไม่…ไม่ใช่…” เฝยอี๋ตนนั้นแตกตื่น ยังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอพลันเพิ่มแรงที่มือ หักคอของเฝยอี๋ตนนั้นทิ้ง
คนสมควรยังอยู่บนโลกมังกรอัคคี หรือก็คือแดนเซียนอริยะน้อย แต่ว่าเฝยอี๋ตนนั้นคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องการไปตามหาพวกเขา
“การปรากฏตัวของเผ่าปีศาจจากภายนอกเหล่านี้พิสูจน์ถึงเรื่องสองเรื่องด้วยกัน” เยี่ยนจ้าวเกอออกจากโพรงถ้ำ เดินทางต่อไปยังที่ไกลออกไป
ในช่วงเวลานี้ ยอดฝีมือเผ่าปีศาจให้ความสนใจที่นี่อีกครั้ง หมายความว่ามีข่าวของราชันพระอังคารสั่วหมิงจางแล้ว ดังนั้นเหล่าปีศาจจึงมาถึงที่นี่ และทดลองตามหาเบาะแสจำนวนมากกว่าเดิมอีกหนหนึ่ง
ในอีกด้านหนึ่ง นี่ก็ได้พิสูจน์ว่าราชันพระอังคารจะต้องเคยกลับโลกมังกรอัคคีอันเป็นบ้านเกิด ด้วยพลังของเขา เฝยอี๋ที่อยู่ที่นี่จะต้องสัมผัสไม่ได้อย่างแน่นอน
‘แต่ว่ากันว่าสั่วหมิงจางราชันอัคคีไม่ได้มีนิสัยดีเด่อะไรนัก…’ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจอยู่บ้าง
สั่วหมิงจางไม่ได้เคียดแค้นเผ่ามังกรที่อยู่ที่นี่เหมือนกับเยี่ยหยางซึ่งกลายร่างเป็นทวนพระอังคารไปแล้ว แต่เชื่อว่าจะต้องไม่มีความรู้สึกดีใดๆ แน่นอน
กระนั้นพอบ้านเกิดในตอนแรกถูกเผ่าปีศาจอีกเผ่าหนึ่งนอกจากเผ่ามังกรยึดครอง สั่วหมิงจางกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นี่คล้ายกับมีความผิดปกติส่วนหนึ่ง สำหรับราชันพระอังคารที่ได้ชื่อว่ามีนิสัยบ้าบิ่นผู้นี้
แน่นอนว่าถึงแม้เฝยอี๋หกขาเผ่านี้ได้ยึดครองโลกมังกรอัคคีแล้ว ทว่าจะต้องไม่กล้าแตะต้องบ้านเกิดของสั่วหมิงจางและเยี่ยหยางแน่นอน นอกเสียจากว่าพวกเขาคิดจะเดินตามรอยของผู้อยู่อาศัยรุ่นก่อนในโลกมังกรอัคคีแห่งนี้
คิดตามหาสถานที่ให้เจอไม่ยากเย็น หลังจากจับตัวเฝยอี๋อีกหลายตนมาสอบถามได้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
เขาเคลื่อนไหวอยู่ในฟ้าดินที่ร้อนเร่า ไม่ทันไรหุบเขาแห่งหนึ่งก็ปรากกขึ้นไกลออกไป สภาพปราณวิญญาณของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์และดูแห้งแล้งสำหรับเผ่าปีศาจ
พอจะนึกออกว่าสภาพการใช้ชีวิตในวันวานของสั่วหมิงจางควรเป็นเช่นนี้
ยังไม่ทันเข้าใกล้ ปราณปีศาจที่เข้มข้นร้อนแรง ไม่มีการอำพรางสายหนึ่งก็แผ่มาปกคลุมฟ้าดินรอบๆ
“ราชาปีศาจ ไม่ใช่เซียนปีศาจหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสอย่างง่ายๆ ก็มั่นใจในทันที
การแบ่งระดับของมารร้ายนพยมโลกและจอมยุทธ์ศาสนาพุทธ เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์สำนักเต๋าแล้วมีความแตกต่างกันมาก
แต่ว่านับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เผ่าปีศาจแบ่งระดับพลังฝึกปรือของตัวเองคล้ายกับสำนักเต๋า ถึงขั้นที่แม้แต่วิธีการฝึกฝนก็ยังมีส่วนที่คล้ายกันอยู่หลายที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี