ใต้กำแพงที่หักพัง บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น
เขาเหยียดขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า ขาอีกข้างงอขึ้นวางไว้ตรงหน้า ส่วนแขนของเขาพาดอยู่บนเข่าที่งอ
บุรุษพิงกำแพง ดวงตาสองข้างกำลังมองเยี่ยนจ้าวเกอกับทวนพระอังคาร
“สหายเก่า เจ้ามาแล้ว” ขณะที่พูด บุรุษหนุ่มก็ลุกขึ้นจากพื้น
“เกือบติดกับดัก สร้างความลำบากให้แก่เจ้าแล้ว” ยักษ์เพลิงที่กลายร่างมาจากทวนพระอังคารพูดพลางเหาะร่างลง เยี่ยนจ้าวเกอลงไปพร้อมกับเขา พร้อมกับสำรวจบุรุษหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
อีกฝ่ายไว้ผมสั้นซึ่งหาได้ยากสุดขีด
ผมของเยี่ยนจ้าวเกอ หลายปีมานี้ภายใต้ความแน่วแน่ของตัวเองยิ่งไว้ยิ่งสั้นลง แตกต่างกับบุรุษคนอื่นๆ ที่อยู่ในโลกโบราณนี้
ทว่าทรงผมของบุรุษตรงหน้าผู้นี้ ยังสั้นยิ่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นทรงผมเกรียนในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ผมจะดกหนา แต่ว่าตั้งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ มอบความรู้สึกเหมือนถูกตำมือให้แก่ผู้คน
ร่างของเขาสูงใหญ่ยิ่ง แต่ว่าสมส่วนองอาจ สัดส่วนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ดูเก้งก้างและไม่ได้บวมพอง ผมสั้นยิ่งเสริมความทรหดบนองคาพยพของเขา
ตอนที่เขาลืมตา เหมือนกับมีจักรวาลอยู่ด้านใน ยิ่งใหญ่และห่างไกล
“ไม่ลำบาก” พอฟังคำพูดของทวนพระอังคาร บุรุษก็ส่ายหน้า “เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่สนใจพวกเขา”
สายตาของเขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “สหายน้อยผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร”
ถึงแม้จะเพิ่งเคยเห็นตัวจริงเป็นครั้งแรก แต่เยี่ยนจ้าวเกอยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว
คนที่เคยถูกจัดอยู่ในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่เหมือนเยี่ยนซิงถางปู่ของตน เฉินเวียนจงกษัตริย์ดารา กษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่น และเกาหานราชันพระอาทิตย์
ราชันพระอังคาร สั่วหมิงจาง!
เทียบกับภาพเหมือนของสั่วหมิงจางที่ได้เห็นผ่านพัดพับที่ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงวาดขึ้นด้วยตัวเองตอนอยู่บนโลกมังกรอัคคี ตัวจริงตรงหน้ากลับเงียบขรึมกว่ามาก เหมือนกับอาวุธเทพสะท้านโลกาถูกเก็บใส่ฝักชั่วคราว
แต่ว่าสภาวะอันน่ากลัวที่ทำสิ่งใดในจักรวาลก็ได้ ไร้กฎเกณฑ์ เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรู้สึกได้อย่างเลือนราง
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ มังกรอัคคีที่สยบใต้หล้าตัวนั้นมีลักษณะสงบนิ่งเช่นตอนนี้ แต่ว่าไม่มีผู้ใดนึกจริงๆ ว่า บุรุษผมสั้นตรงหน้าผู้นี้จะไร้อันตราย
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาจงใจฝ่ากับดับที่อีกฝ่ายตั้งใจวางไว้ในถิ่นของโถงเซียน ต้านทานการกลุ้มรุมจากยอดฝีมือมากมาย ยังคงสังหารตัวล่อ แล้วจากไปได้อย่างผ่าเผยในตอนสุดท้าย
ตัวล่อผู้นั้นก็คือกษัตริย์เซียนพิศวงที่รวมปราณเซียนสำเร็จเป็นจิตราแล้ว
“ราชันพระอังคารอยู่ต่อหน้า เยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะ” เยี่ยนจ้าวเกอไม่สะทกสะท้าน ประสานมือให้แก่สั่วหมิงจางที่อยู่ตรงหน้า
“ครั้งก่อนตอนเจอกัน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเป็นลูกหลานของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนซิงถางและสหายร่วมเส้นทางตี๋ชิงเหลียน” ทวนพระอังคารพูดขึ้นด้านข้าง
สั่วหมิงจางมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่งแล้วกล่าวอย่างแช่มช้า “สมควรบอกเป็นลูกหลานคนโด่งดัง หรือเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า”
“ไม่ต้องมากพิธี” เขาพยักหน้าให้เยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็หันไปพูดกับทวนพระอังคาร “อีกเดี๋ยวพวกเราไว้คุยกัน ตอนนี้ยังไม่สนทนากับพวกเจ้า ข้าจะจัดการเรื่องก่อนหน้าต่อ”
ทวนพระอังคารว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าเพิ่งทราบเมื่อครู่”
“มารดาของเขาเป็นศิษย์หลานของหูเยว่ซิน และเป็น…ลูกศิษย์รุ่นที่สามของเซ่าจวินหวง”
“หือ?” สั่วหมิงจางหันหน้ามาในทันใด
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้แก่สั่วหมิงจาง “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทวนพระอังคารบอกท่านถึงเรื่องที่จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยและจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซินได้ทำในอดีตแล้วหรือไม่ เหตุและผลในวันนั้นยังไม่ได้แยกจากกันโดยสมบูรณ์ ข้าผู้แซ่เยี่ยนกับมารดาปัจจุบันรับสืบทอดเหตุและผลนั้นต่อ กำลังหาวิธีแก้ไข”
เขาไม่ได้ปิดบัง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ที่ข้าออกจากโลกซ้อนโลกร่อนเร่อยู่ในมิติ เป้าหมายก็เพื่อตามหาบุรพาจารย์ของมารดา ราชันพระพฤหัสบดี ในขณะเดียวกันเพราะได้ฟังคนเกล่าวว่าท่านกับราชันพระพฤหัสบดีเคยคบหากัน ดังนั้นจึงหวังว่าจะเจอผู้อาวุโสท่าน”
หลังจากสั่วหมิงจางฟังจบอย่างสงบนิ่ง ก็ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ เพียงกล่าวอย่างรวบรัด “ตอนนี้ข้ากำลังตามหาจวินหวงอยู่ เจ้ามากับข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี