ในโลกมิติแห่งนี้ ต้นไม้ขนาดมึหมา กิ่งใบขึ้นแน่นขนัด ลำต้นปกคลุมท้องฟ้า ถมเต็มความว่างเปล่าทั้งหมด
ต้นไม้สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอย่างเงียบงัน ไม่ทราบว่าผ่านวันเวลามามากน้อยขนาดไหน
จนกระทั่งราชันพระอังคารสั่วหมิงจางมาถึงใต้ต้นไม้ บนต้นไม้วิญญาณที่เรืองแสงสีเขียวมรกตจึงค่อยบานเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ กิ่งใบเอนไหวโดยไร้ลม กลีบดอกร่วงหล่นราวหิมะขาว
สั่วหมิงจางเงยหน้ามองไป นิ่งงันอยู่เนิ่นนาน
มองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าที่กระจ่างใสก่อนหน้าของสั่วหมิงจางยามนี้พร่าเลือน ไม่ชัดเจน แต่ว่าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ในยามนี้กลับเปลี่ยนเป็นกระจ่างชัดขึ้นมา
เหมือนกับคมอาวุธที่ถูกกดให้อยู่ในฝักมาโดยตลอด ยามนี้ไม่อาจยากจะควบคุม กำลังจะระเบิดออกมา
มีพริบตาหนึ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นรู้สึกว่า เมฆดาราปฐมกำเนิดที่ไม่ทราบว่ากว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหนนี้เหมือนกับกำลังจะดับสูญ
แต่ว่าแค่เพียงพริบตาเดียว ทุกสิ่งนี้ก็คล้ายกับถูบเก็บกลับไป หายไปมองไม่เห็น ทำให้ผู้คนนึกว่าเมื่อครู่เป็นความรู้สึกหลอน
แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือทวนพระอังคาร ทุกคนต่างทราบว่าทุกอย่างนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา
ด้วยความแน่วแน่ด้านจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอ ยามนี้ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอันรุนแรง
ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงถึงจะเป็นบูรพาจารย์ของเสวี่ยชูฉิง ทว่าแม้แต่เสวี่ยชูฉิงก็ไม่เคยสัมผัสกับนางอย่างแท้จริงมาก่อน
หากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเจ็บปวดเหลือแสนเพราะการจากลาของผู้อาวุโสท่านนี้ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกในใจเขาส่วนใหญ่เป็นความเสียดายมากกว่า
ทว่าในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกได้ถึงความรวดร้าวที่เข้มข้นอย่างแท้จริง มันไม่ได้มาจากตัวเอง แต่ถูกราชันพระอังคารสั่วหมิงจางที่อยู่ตรงหน้ากระตุ้น
ไม่ใช่สั่วหมิงจางตั้งใจ แต่ว่าความเจ็บปวดที่ไร้เสียงนั้นในตอนนี้ลุกลามไปทั่วทั้งโลก ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกต่างเศร้าโศกไปพร้อมกับจิตใจของเขา
มิติทั้งมิติล้วนเกิดความรู้สึกทรุดโทรม
เยี่ยนจ้าวเกอปิดเปลือกตา โคจรวิชาและสงบจิตใจ ความรู้สึกจึงค่อยกลับเป็นปกติ
เขามองสั่วหมิงจางที่อยู่ใต้ต้นไม้ตรงหน้า ถามทวนพระอังคารที่อยู่ด้านข้างเสียงเบาโดยไม่ได้หลบเลี่ยงว่า “ผู้อาวุโส ในตอนนั้นทำไมราชันพระอังคารกับราชันพระพฤหัสบดีจึงแยกทาง”
“หมิงจางฝักใฝ่ในการฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่ยังเล็ก หวังว่าจะสามารถปีนป่ายสู่จุดสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง บรรลุมหามรรคาไร้สิ้นสุดในฟ้าดินนี้ในตอนที่ยังมีชีวิต ในสายตาของเขา นั่นเป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด” ทวนพระอังคารกล่าวอย่างแช่มช้าหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ สั่วหมิงจางจึงไม่ได้มองเรื่องอื่นๆ สำคัญนัก
ในฐานะสายเลือดผสม วัยเด็กของเขาใช่ว่าจะดีกว่าเยี่ยหยางที่เติบโตมาด้วยกัน
เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นไม่ใช่สิ่งที่สั่วหมิงจางให้ความสำคัญ
เมื่อก่อนเขาที่มีนิสัยบ้าบิ่นอาจเกิดความขัดแย้งกับผู้คน พุ่งชนจนศีรษะแตกเลือดอาบ แต่หลังจากจบเรื่องกลับไม่ได้จดจำใส่ใจ
สิ่งที่ทำให้เขาใส่ความตั้งใจลงไปอย่างแท้จริง ยังเป็นความก้าวหน้าบนเส้นทางวรยุทธ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ต่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อให้มีพลังกลับมาล้างแค้นในภายหลัง ไม่ใช่เพื่อต้องการประโยชน์อะไร แต่มาจากความปรารถนาและความกระตือรือร้น เป็นเพราะว่าฝักใฝ่และหลงไหลในมหามรรคา และการแสวงหารวมถึงความใคร่รู้ต่อขอบเขตที่ยังไม่ทราบ
ทวนพระอังคารไม่ได้บอกกล่าวอย่างละเอียด แต่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจความหมายของเขาอย่างคร่าวๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี