เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกถึงอะไรบางอย่าง
บางทีอาจเป็นเพราะว่าตัวเซ่าจวินหวงมีนิสัยเปิดเผย ไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อย ดังนั้นหูเยว่ซินลูกศิษย์ของนางจึงกล่าวถึงอาจารย์ของตัวเองได้อย่างสบายใจเช่นนี้กระมัง
แต่ก็เป็นเพราะได้รับการกล่อมเกลาจากอาจารย์ของตัวเอง หูเยว่ซินเลยทำตามการสอนสั่งและความตั้งใจของอาจารย์อย่างมั่นคงไม่สั่นไหว แบกรับหน้าที่อย่างเด็ดเดี่ยว แม้ตายร้อยครั้งก็ไม่เสียใจ
ศรัทธาและท่วงทำนองที่ลงได้กำหนดเป้าหมาย ก็ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหลักการ บางทีอาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่นางได้ร่ำเรียนจากเซ่าจวินหวง
ยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองและรักษามันไว้ตลอดกาล ไม่หวั่นไหวไม่โยกคลอน เป็นจุดเด่นร่วมกันของอัจฉริยะบุคคลที่โดดเด่นมากมาย แต่เป็นเพราเหตุนี้ ในยามที่อุดมคติของพวกเขาเกิดการปะทะกันจะรุนแรงเป็นพิเศษ ทำให้คนทอดถอนใจ
ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นกับเซ่าจวินหวงที่เคยเป็นทั้งอาจารย์ทั้งสหายค่อยๆ กลายเป็นคนแปลกหน้า มาภายหลังก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
ต่อให้เป็นสั่วหมิงจางกับเซ่าจวินหวงที่หลังจากเลิกรากันแล้วก็ยังคงรักกัน ที่สุดแล้วก็ยังต้องเลือกยอมแพ้ในตัวกันและกัน
เยี่ยนจ้าวเกอมองบุรุษผมสั้นใต้ต้นผมขาวที่อยู่ห่างออกไป
ถึงแม้ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางจะแยกทางกับเซ่าจวินหวง แต่ว่าในตอนที่ข่าวเซ่าจวินหวงหายตัวไปถูกส่งมา เขาก็เริ่มตามหาที่อยู่ของนางทันที
ตามหามาสองพันสี่ร้อยกว่าปี จนกระทั่งวันนี้ในที่สุดก็หาเจอ แต่ว่าตอนที่พบกันอีกครั้งนางกลับได้จากไปแต่แรกแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณและความเสื่อมโทรมด้านในโลกมิติแห่งนี้ พอจะแยกแยะออกคร่าวๆ ว่าที่นี่ดำรงอยู่มาสองพันกว่าปีแล้ว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่ได้อยู่มาก่อนที่ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงจะมาถึง แต่ว่าค่อยบังเกิดขึ้นเพราะการมาถึงของเซ่าจวินหวง
หากคำนวณตามอายุขัยของต้นผมขาว รวมถึงปราณวิญญาณและพลังชีวิตของมันก็พอจะสรุปได้ง่ายๆ
การเสียชีวิตของเซ่าจวินหวง เกรงว่าจะเป็นวินาทีที่นางหายสาปสูญไปเมื่อสองพันสี่ร้อยกว่าปีก่อน
“เพียงลอกคราบเป็นต้นผมขาว แต่ไม่รู้สึกว่าต้นไม้มีพลังชีวิต หมายความว่าในตอนที่ราชันพระพฤหัสบดีจากไป วิญญาณสลายเหลือเพียงกายสังขาร” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจยาว “นางเชี่ยวชาญการคำนวณก่อนกำเนิดแห่งเหอลั่ว เกรงว่าเพื่อตามหาตำหนักโอสถ นางได้ใช้ความพยายามไปหมดสิ้น จนกลายเป็นตะเกียงสิ้นน้ำมัน’
‘แต่อาศัยพลังการฝึกปรือของนาง สมควรไม่ถึงกับ…จริงด้วย ราชันพระอังคารจับตัวคนของโถงเซียน จึงค่อยทราบตำแหน่งของเมฆดาราปฐมกำเนิดกลุ่มนี้ เกรงว่าครั้งกระโน้นจะถูกคนของโถงเซียนกลุ้มรุม ได้รับบาดเจ็บสาหัส กอรปกับทำการทำนายเกิดขีดจำกัด สุดท้ายสิ้นเปลืองพลังจิตหมดสิ้น สาเหตุสองอย่างส่งผลร่วมกันจึงเสียชีวิต’
ทว่าครั้งนั้นคนในโถงเซียนแสดงให้เห็นว่า ไม่ทราบว่าเซ่าจวินหวงกำลังตามหาตำหนักโอสถของวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่
ไล่ตามถึงตอนท้าย เซ่าจวินหวงได้เข้ามาในเมฆดาราปฐมกำเนิด เป็นเพราะว่านึกถึงว่าเมฆดาราปฐมกำเนิดอาจจะเชื่อมไปยังมิติเวลาทุกที่ ไม่มีวิธีไล่ตามต่อ ดังนั้นจึงยอมแพ้
พวกเขากลับไม่ทราบว่าสิ่งที่เซ่าจวินหวงคิดตามหาอยู่ที่นี่
สำหรับคนในโถงเซียนเมื่อตอนนั้น ที่นี่เป็นที่ที่เซ่าจวินหวงหายตัวไปเป็นครั้งสุดท้าย พวกเขายากแยกแยะเป็นตาย เพียงแต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาเซ่าจวินหวงก็ไม่ปรากฏตัวอีก จึงสงสัยว่าได้ตกตายในเมฆดาราปฐมกำเนิดกลุ่มนี้
เมฆดาราปฐมกำเนิดซับซ้อนและอันตรายเกินไป หากไม่มีความจำเป็นพิเศษ คนในโถงเซียนก็ไม่คิดจะเข้ามาตรวจสอบที่อยู่ของเซ่าจวินหวง
จนกระทั่งคนผู้หนึ่งที่ครั้งกระโน้นเข้าร่วมการกลุ้มรุมได้ตกไปอยู่ในมือของสั่วหมิงจาง คายข่าวนี้ออกมาจึงค่อยเกิดเรื่องในวันนี้
เยี่ยนจ้าวเกอคาดคำนวณถึงอดีตของเรื่องราว รู้สึกสลดเช่นกัน
ในกลุ่มยอดฝีมือเซียนพิศวงที่มาจากสำนักเต๋าสายหลักซึ่งปรากฏตัวขึ้นมาหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงใช่ว่าจะมีพลังระดับสุดยอด แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลล้ำค่าที่งอนิ้วนับได้
น่าเสียดายที่ไม่อาจทำให้ความปรารถนาเป็นจริง ไม่อย่างนั้นถ้าหากนางหาเจอตำหนักโอสถเจอ จะมีส่วนช่วยต่อความรุ่งเรืองของสามพิสุทธิ์สายหลักอย่างใหญ่หลวง ถึงขั้นที่ไม่ต้องคิดก็เป็นที่ทราบได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี